พอแม่เริ่มตั้งท้อง “เฌวา” ผมก็สวดมนต์เยอะขึ้น
จนกระทั่งใกล้คลอด จนกระทั่งคลอดเรื่อยไปถึง “เฌวา” อายุราวครึ่งขวบ ผมก็สวดมนต์ในห้องพระทุกวัน บางวันทั้งเช้าและเย็น
“หนาน” หรือ “ทิด” ที่ผ่านการบวชเรียนมา การสวดมนต์มิใช่เรื่องแปลกใหม่ เนื่องจากเป็นกิจของสงฆ์ที่ผมเคยประพฤติปฏิบัติต่อเนื่องนานนับสิปปี
ช่วงเฌวาใกล้คลอดและตอนแบเบาะ ผมจะอยู่บ้านเป็นส่วนใหญ่
สาย ๆ จัดการบรรดาธุระต่าง ๆ แล้วเสร็จ ก็ขึ้นไปสวดมนต์บททำวัตรเช้าที่ห้องพระ
ค่ำ ๆ ก็เช่นกัน กินข้าวปลา เฌวาหลับแล้วก็จะขึ้นไปสวดมนต์บททำวัตรเย็นที่เดิม
ใช้เวลาสวดมนต์ราว ๓๐ นาที นั่งสมาธิต่ออีก ๓๐ นาที แล้วก็แผ่เมตตาให้สรรพสัตว์ ปิดท้ายด้วยการอธิษฐานให้ “เฌวา”
ผมอธิษฐานว่า
“ด้วยบุญกุศลที่ข้าพเจ้าได้บำเพ็ญมา ขอให้ส่งผลเฌวาลูกของข้าพเจ้ามีพลานามัยที่แข็งแรงสมบูรณ์ มีจิตใจที่บริสุทธิ์ แจ่มใส เป็นที่รักของหมู่มิตรสหายและผู้คนที่ได้พบเห็น มีสติปัญญาเฉียบแหลมเข้าใจความเป็นไปของโลกและชีวิต มีสำนึกเพื่อส่วนรวม มีความเพียรในการทำประโยชน์ท่าน ประสพกับสิ่งดีงามสูงสุดที่มนุษย์พึงจะเข้าถึงได้..”
จริง ๆ แล้วผมอยากเห็น “เฌวา” เป็นพระอรหันต์ แต่ไม่กล้าขอตรง ๆ
ไม่ว่าจะมีโอกาสได้ไหว้พระที่ไหน หลังไหว้พระ นั่งสมาธิ ก็จะอธิษฐานขอพรอย่างนี้เรื่อยไป
ผมหยุดสวดมนต์มาน่าจะเกือบปีแล้ว แต่ก็ยังคิดถึงคำอธิษฐานนี้อยู่เรื่อย ๆ ไปไหว้พระที่ไหนก็จะอธิษฐานเช่นนี้
คิดไว้ว่า เราให้เฌวาโตกว่านี้อีกนิด หายซนลงหน่อย (ซึ่งไม่รู้จะมีวันนั้นจริงหรือไม่) จะพาเฌวาไหว้พระสวดมนต์ ทำสมาธิด้วย แล้วจะให้เฌวาอธิษฐานเอง...
อ. ธนิตย์ สุวรรณเจริญ ครับ
เฌวา เป็นภาษาปกาเกอะญอครับ เป็นชื่อชุดของหญิงสาวที่ยังไม่ได้แต่งงาน
เฌวาตอนนี้สองขวบกว่าแล้ว ซนมาก
เมื่อสักสามเดือนก่อน มีโอกาสพาไปเยี่ยมลุงป้าน้าอาที่บ้านกร่างด้วยครับ
วันหลังต้องขอความรู้เรื่องการถ่ายภาพหน่อยนะครับ
เฌวาจะต้องได้รับหรือซึมซับสิ่งดีๆ เหล่านี้ จนสามารถนำไปปฏิบัติเองได้แน่นอนค่ะ ^^