หลังจากที่เขียนเรื่องประกันชีวิต ประกันสุขภาพ ตอนที่ 1 ไปแล้ว ที่http://gotoknow.org/blog/PrimareCare/84603
วันนี้ได้คุยกับตัวแทนประกันอีกครั้งที่จังหวัดมหาสารคาม ได้พบความแตกต่างกับกรุงเทพมหานครประการหนึ่ง คือ ผู้ซื้อประกันซึ่งส่วนมากเป็นคนที่ประกอบอาชีพเกษตรกรรม และพบว่า มีการซื้อประกันชีวิต เพราะ "ต้องการมีเงินสักก้อนให้ลูกหลานหลังเสียชีวิต" นั่นคือ แบบประกันที่เลือกซื้อคือประกันชีวิต บริษัทจะจ่ายก็ต่อเมื่อเสียชีวิตหรือทุพลภาพแบบภาวรเท่านั้น ไม่ใช่การซื้อเพื่อหลักประกันสุขภาพเมื่อยามเจ็บป่วยหรือเข้ารับการรักษาพยาบาลเลย
ตรงนี้เองที่ผมเองก็แปลกใจ เพราะในฐานะคนทำงานสุขภาพ ได้เล็งเห็นความสำคัญของหลักประกันทางสุขภาพเมื่อยามเจ็บป่วยมากกว่า โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อยามเจ็บป่วยก็ต้องการที่จะเข้าถึงสิทธิการเข้าถึงการรักษาพยาบาลให้ได้มากที่สุด ถึงวันนี้จึงไม่แน่ใจว่าการประกันชีวิต จะตอบสนองหลักประกันสุขภาพได้มากน้อยเพียงใด ?
ด้วยรัก
ผ่านเข้ามาอ่านเจอ
ความคิดเห็นส่วนตัวมองว่า ประกันชีวิต เป็นแค่เครื่องมือทางการเงินตัวหนึ่ง
ที่ทำหน้าที่เป็นตัวแบ่งเบาภาระ ในวันที่เราต้องเจ็บป่วย หรือเสียชีวิต
แบ่งเบาอย่างไร
กรณีเจ็บป่วย ไปหาหมอ นอน รพ. ก็ช่วยแบ่งภาระการชำระค่าใช้จ่ายไปส่วนหนึ่ง ดีกว่าจ่ายเองทั้งหมด
กรณีเสียชีวิต มองว่าก็ดีกว่าตายไปเปล่าๆ ไม่เหลืออะไรไว้ให้ครอบครัวเลย(พ่อ แม่ ลูก เมีย สามี) หรืออาจจะเหลือไว้เหมือนกันพวกหนี้สิน ภาระต่างๆ ก็ตายไปแล้ว จะไปรับรู้อะไร ^^ อันนี้ขึ้นอยู่กับแนวคิดของแต่ละคนนะครับ -/\-
เรื่องการเข้าถึงสิทธิในการรักษา เอาความจริงในชีวิตแล้วกันนะครับ เคยเจ็บหนักๆ แค่ครั้งเดียวตอนอายุ 4 ขวบ ค่าใช้จ่ายพ่อแม่เป็นคนดูแล ไม่รู้ว่าเท่าไร อย่างไร โตขึ้นมาก็ใช้ประกันสังคมตลอด เพราะเจ็บป่วยเล็กๆ น้อยๆ เลยยังไม่เห็นความสำคัญของการเข้าถึงสิทธิในการรักษา ว่าแตกต่างกันอย่างไร มีกับไม่มีประกัน เพราะยังไม่เคยใช้ผลประโยชน์จากตรงส่วนนั้นเลย (ทำประกันสุขภาพกับบริษัทหนึ่งไว้)
แต่เคยได้ยินเรื่องจริงมาเรื่องหนึ่ง คือ มีอุบัติเหตุ มีคนสองคนเข้า รพ.พร้อมกัน คนนึงบังเอิญพบว่ามีบัตรแคร์การ์ดที่ออกให้โดยบริษัทประกันชีวิต กับอีกคนหนึ่งไม่มี เดาออกใช่ไหมครับว่า คนไหนได้รับการดูแลก่อนแบบเต็มรูปแบบจริงๆ คนไหนเข้าถึงสิทธิได้ก่อน ^^ ก็ คนที่เขามีประำักันชีวิต รพ.เขาเกิดมั่นใจไปแล้วนี่ครัีบว่า มีคนจ่ายค่าห้อง ค่าหมอ ค่ายา ให้รพ.แน่นอน
คงต้องช่วยๆ กันเป็นปากเป็นเสียง ช่วยกันจ่ายภาษี กันทุกบาททุกสตางค์ เพื่อให้รัฐมีเงินไปพัฒนาคุณภาพ ทั้งเครื่องมือ บุคคลากร และสถานที่ให้บริการทางด้านสุขภาพกันนะครับ -_-
มีอะไรพอช่วยได้ก็บอกผ่านกันมานะครับ