วิพากษ์ยุทธศาสตร์การวิจัยและนวัตกรรมแห่งชาติ ๒๐ ปี (พ.ศ. ๒๕๖๐ - ๒๕๗๙) ๑๕๔. มหกรรมส่งเสริมการใช้ประโยชน์จากงานวิจัยและนวัตกรรม

  

สายวันที่ ๑๘ กรกฎาคม ๒๕๖๖ ผมไปร่วมงาน TRIUP Fair 2023 จัดโดย สกสว. และองค์กรภาคี    ที่ Royal Paragon Hall สยามพารากอน ชั้น ๕  ที่ผมมองว่าเป็นการจัดพื้นที่ให้ภาคเอกชนที่มีหัวเชิงธุรกิจ  ภาควิชาการที่มีผลงานวิจัยเชิงนวัตกรรม    ภาคการเงินที่อยากลงทุนในธุรกิจไฮเทคอนาคตไกล    และภาคราชการที่มีหน้าที่หนุน ได้มาพบปะหาทางร่วมมือกัน   

โปรดดู กำหนดการ จะเห็นว่ามีรายการ Seminar  และรายการ Training ให้ความรู้มากมายหลากหลายด้านแก่เอกชนรายย่อยที่สนใจทำงานด้านธุรกิจเชิงนวัตกรรม   

ในงาน มีการจัดแสดง Innovation Showcase ๓ กลุ่ม ได้แก่ กลุ่มสุขภาพ  กลุ่มเกษตรและอาหารมูลค่าสูง  และกลุ่ม Net Zero Emission  มีพื้นที่ Business Matching  ที่ผมเห็นมีคนมานั่งคุยกันเป็นกลุ่มๆ         

เนื่องจากผมไม่รู้ตื้นลึกหนาบางของการเตรียมการประชุม    จึงเห็นเฉพาะจากสูจิบัตร และจากการไปร่วมงานค่อนวัน    แล้วกลับมาดูรายละเอียดและสะท้อนคิดที่บ้าน   บอกได้ว่างานนี้จะสร้างผลกระทบด้านการเชื่อมผลงานวิจัยและนวัตกรรมออกสู่ตลาดได้มาก   แต่ก็ต้องเอาประสบการณ์จากการจัดครั้งนี้กับครั้งที่แล้วเมื่อปี ๒๕๖๕    เอามาเป็นข้อเรียนรู้และหาทางปรับให้งานในปีต่อๆ ไป ช่วยหนุนภาคผู้ประกอบการให้ชัดเจนยิ่งขึ้น   

ยุทธศาสตร์สำคัญในสายตาของผมคือ ต้องออกแบบกิจกรรมสองแนว คือ แนวต้นน้ำสู่ปลายน้ำ    กับแนวปลายน้ำหาคู่ต้นน้ำ    ที่ผมนึกถึงผลิตภัณฑ์ Xongdur ที่ผมเอ่ยถึงเมื่อ ๑๕ ปีก่อนไว้ ที่นี่    เมื่อเข้าไปดูเว็บไซต์วันนี้ เห็นว่าก้าวหน้าไปอย่างน่าชื่นใจ   ควรหรือไม่ที่  TRIUP Fair 2024 จะเชิญมาเล่าประสบการณ์การเริ่มต้น ฟันฝ่า แนวปลายน้ำหาคู่ต้นน้ำ   คือผู้ประกอบการเที่ยวหาหุ้นส่วนทางวิชาการ    เพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์ของตนให้ได้มาตรฐาน    ได้รับการยอมรับตามมาตรฐานในประเทศ และมาตรฐานสากล   

ผมคิดว่า   วงการ ววน. ไทย ต้องหาทางสนับสนุนนวัตกรรมสู่ตลาด ทั้งแนวต้นน้ำสู่ปลายน้ำ  และแนวปลายน้ำหาคู่ต้นน้ำ    ในสัดส่วนประมาณ 50:50    ระบบ ววน. ไทย จึงจะประสบความสำเร็จได้จริง    และ TRIUP Fair ปีต่อๆ ไป น่าจะทำหน้าที่หนุน ปลายน้ำหาคู่ต้นน้ำ ให้มากขึ้น                

วิจารณ์ พานิช

๑๙ ก.ค. ๖๖   ปรับปรุง ๒๘ ก.ค. ๖๖ วันเฉลิมพระชนม์พรรษา