ดอกไม้


03 สัญญา 0910 ES4
เขียนเมื่อ

เคล็ดลับหน้าใสด้วยส้ม

วันนี้มีวิธีสวยแบบง่ายๆ มาฝากสาวๆชาว women mthai กัน แค่มีส้มลูกเดียวก็สวยได้แล้วจ้า….

วิธีทำ

1. เพื่อนหาส้มมา 1-2 ผล แล้วล้างส้มให้สะอาด

2. ปอกเปลือกส้มแล้วแกะเมล็ดออกให้หมด เราก็จะได้ส้มเป็นกลีบๆ พอแกะออกเรียบร้อย

3.นำกลีบส้มมาแปะบนใบหน้า อย่าลืมล้างหน้าให้สะอาดก่อนนะจ๊ะ ผิวจะได้ดูดซึมได้ดีๆ

4. แปะทิ้งไว้ประมาณ 15 นาทีเป็นอันเรียบร้อย

5. เสร็จแล้วก็ใช้น้ำสะอาดล้างหน้าอีกที ควรทำเป็นประจำอาทิตย์ละ 1-2 ก็ได้ค่ะ

………แค่นี้เพื่อนก็จะมีผิวหน้าสวยใสได้แล้วจ๊ะ เพราะในส้มจะมีวิตามินซีอยู่มากมาย ซึ่งเจ้าวิตามินซีเนี่ยจะช่วยให้ผิวหน้าเรากระจ่างใส ได้เคล็ดลับเด็ดๆแล้วอย่าลืมไปลองทำดูนะจ๊ะ ได้ผลยังไงมาบอกกันด้วยน๊า……


2
1
04 บัญชร ศรีวินัย
เขียนเมื่อ
  • วันเสาร์ที่  11  สิงหาคม  2555  ข้าพเจ้าเดินทางกลับบ้านที่ต่างจังหวัด(จ.ศรีสะเกษ)  เพื่อที่จะไปให้ทันวันแม่ที่จะมาถึง  เพื่อไปแสดงความกตัญญูกตเวทีไปกราบท่าน  เพราะคิดถึงท่านมากไม่ได้เจอหน้าท่านมาหลายเดือน กลับบ้านครั้งนี้ละหยุดหลายวันจะได้กอดท่านให้หายคิดถึงวันแม่ปีนี้อย่าลืมกลับบ้านไปหาแม่นะครับ
3
1
04 บัญชร ศรีวินัย
เขียนเมื่อ

ดีใจจังเลยวันนี้ฝนตกด้วยละหลังจากไม่ตกมาหลายวัน ดีเเล้วละที่ฝนตกเพราะได้ข่าวว่าชาวนาปลูกข้าวแล้วข้าวแห้งตายหมดเลย มีข่าวว่าเกิดภัยแล้งในหลายจังหวัด แม่ก็บอกว่าปีนี้แห้งแล้งมากทำให้ข้าวยืนต้นตายกันเยอะ ตกเข้านาของชาวนาให้มากมาย จะได้ทำให้ชาวนาได้ทำนาต่อไป

4
1
03 หทัยกาญจน์ เกาะแก้ว
เขียนเมื่อ

เช้าวันที่ 25 สิงหาคม 2555 ตื่นขึ้นมาเวลา 05.10 น. ซึ่งตรงกับวันพระและตรงกับวันเกิด เพื่อนพอดี เลยเตรียมของไปทำบุญตักบาตรที่วัดเจริญศรีสุข บ้านโนนสุข ตำบลไร่ใต้ อำเภอพิบูลมังสาหาร จังหวัดอุบลราชธานี เริ่มจากการหุ่งข้าว เตรียมอาหาร ทั้งของคาว และของหวานที่จะนำไปถวายพระสงฆ์ที่วัด พอเตรียมข้าวของเสร็จ เวลา 06.02 น. เลยไปเตรียมตัวอาบน้ำ แต่งตัวเพื่อเตรียมตัวไปทำบุญที่วัดในเวลา 07.07 น. ต่อไป

4
0
krutoiting
เขียนเมื่อ

เสาร์นี้ฉันไปที่รพสต.ท่าจีน เดินทางโดยรถมอเตอร์ไซด์รับจ้างแล้วไปต่อเท็กซี่หน้าศาลากลาง พอเปิดประตูรถบอกจุดหมายปลายทางตกลงแล้วจึงเข้าไปนั่งอื้อ.....ต้องขอเปิดกระจกด่วน แท็กซี่ถามว่าเปิดทำไมครับ ฉันตอบทันทีเหม็นเหล้ามาก แท็กซี่ทำท่าค้นที่หน้ารถและบอกว่าไม่มี ฉันพูดว่าสงสัยเป็นกลิ่นผู้โดยสารคนก่อนมั๊งนะ ช่างมันเถอะ ฉันนั่งไปแบบร้อนได้
แท็กซี่บอกว่าผมไม่รู้สึกเลยนะนี่ ฉันตอบว่าคงคุ้นเคยกลิ่น นี่ฉันเสี่ยงพูดให้เขาไม่พอใจนะนี่ นึกได้จึงรีบพูดต่อว่า รถเราก็เป็นเช่นนี้แหละ วันไหนเพื่อนสามีอาศัยติดรถก็จะทิ้งกลิ่นไว้ สามีก็ไม่รู้สึกว่าเหมือนกัน หรือวันไหนซื้อปลาหมึกแห้งเข้าบ้านวันนั้นกลิ่นปลาหมึกก็แตะจมูก โอ..หันไปดูไมค์รถ 56 บาทแล้วยังไปไม่ถึง 1 กิโลเลย นึกในใจ ช่างมัน!นึกแล้วก็สบายใจ วันหลังตื่นให้เร็วกว่านี้ นั่งรถเมล์เอ้อระเหยกินลมท่าจีนไปดีกว่า อิอิ ไปถึงรพสต.ตัวเลขขึ้น 75 บาท แท็กซี่พูดว่าไม่มีเศษสตางค์ทอนนะ ไม่เป็นไร ฉันนึกในใจ ฉันมีเศษเตรียมเรียบร้อย อิอิ ตกลงแท็กซี่ได้แบ้งค์ 50 บาท 1ใบ และเหรียญอีก 25บาท ฉันส่งให้และพูดว่าทีนี้มีเศษเงินทอนผู้โดยสารแล้วนะคะ โชคดีนะคะ ที่งานประชุมผู้สูงอายุเกือบๆร้อยคน  หมอเปิ้ลเธอออกมาต้อนรับ ท่าทางวันนี้ฉํนสนุกแน่ เป็นเช่นนั้นจริงๆ  ฉันชอบผู้สูงอายุ และชอบเด็กวัยรุ่นนะ เพราะทำงานได้สนุกมาก ทั้ง 2 กลุ่มนี้ แต่กลุ่มคนทำงาน ฉันต้องเตรียมเทคนิควิชาการ เตรียมให้เขาเยอะๆ เขาชอบคิด สำหรับสองวัยที่ชั้นทำประจำนั้นเน้นกิจกรรม ลงมือทำนำสู่ความรู้ที่เป็นหลักทฤษฎี วิชาการทีหลัง วิชามันๆมาก่อน มันต่างกันตรงนี้เองในความคิดของฉัน อีกอย่างใครบอกว่าผู้ใหญ่สอนยาก ฉันต้องขอคัดหละ ผู้ใหญ่นะมีความพร้อมที่จะทำความเข้าใจสูง อีกอย่างมีภูมิรู้สำเร็จในตัวตนพออยู่แล้ว ขอเพียงเราเข้าถึงจิตใจของผู้สูงวัย สิ่งที่ฉันมองเห็น และได้ถูกขอให้ช่วยนอกเหนือจากกิจกรรมที่ฉํนรับมอบหมายคือการใช้ยางเส้นรอยเป็นเชือก เพื่อออกกำลังกายสำหรับผู้สูงอายุนั้นมีแง่ดี ถ้า ผู้สาธิตจะเข้าใจถึงพัฒนาการกล้ามเนื้อและสภาพโครงสร้างของกระดูกของผู้สูงอายุที่มีปัญหา การใช้นิ้วโป้งสวมเข้าไปในห่วงยา ก็อาจมีอันตรายทำให้นิ้วส้นได้ ถ้าท่าทางการบริหารนั้นทำให้ผู้สูงอายุต้องออกแรงมากไปหรือสายยางตึงเกินไป มีอีก 2 ท่าที่ต้องระวัง เมื่อผู้สาธิตพยายามให้ผู้สูงอายุทำคือการก้มตัวแล้วบิดไปข้างๆอาจทำให้เกิดอาการวิงเวียนศ๊รษะและหน้ามืดได้  อันที่จริงกายบริหารที่ก๊อปท่าทางมาจากแผ่นซีดี ก็ดีมากนะ แต่ไม่เหมาะกับผู้สูงอายุทั้งหมด อีกอย่างการออกกำลังกายของผู้สูงอายุ ฉํนมองว่าควรได้สัมพันธุ์กันระหว่างกายและลมหายใจ สิ่งเหล่านี้ทำผู้สาธิตที่ไม่เข้าใจสภาวะทางกายและจิต เอาแต่ร้องตะโกน เร็วๆๆๆ แรงๆๆๆตกกระป๋องมาแล้ว และดูเหมือนสถานการณ์กำลังจะเป็นเช่นนั้นเมื่อได้ยินเสียงผู้ถือไมค์บอกว่าอสม.ไม่ทันเตรียมตัวมาสาธิต แต่ฉันมองดูแล้วว่าเขามีความพร้อมนะ หากได้เติมเต็มเรื่องของกายลงไป ฐานกายสำคัญนะ.......มีรายละเอียดเกิดขึ้นมากมาย ที่ฉันมองเป็นโอกาสที่จะได้นำมาปรับปรุงงานตัวเอง กิจกรรมที่ฉันได้รับเชิญเป็นเรื่องจิตตปัญญา ที่สะท้อนให้ผู้สูงอายุได้ระลึกรู้ลมหายใจเป็น สัมพันธุ์กับการต่อดำรงชีวิตอย่างเข้าใจและเป็นสุข เสร็จกิจกรรมก็นั่งมอเตอร์ไซด์แล้วมาจับเท็กซี่ที่หน้าการเคหะท่าจีน เข้ารพ.นั่งทำงานเตรียมแผนการประชุมเป็นรอบที่สามแล้ว โดยมีน้องจุ๊ช่วยชี้แนะให้คำปรึกษา เรื่องงานกลุ่ม  สิ่งที่ได้จากการทำงานวันนี้ ได้เห็นปัญหาที่นำไปสู่การต่อยอดการทำงานชุมชน ได้คิดหาวิธีและปรับกิจกรรมให้เหมาะสมกับวัย  ปรับการทำงาน การเข้าชุมชนควรได้วางแผนเรื่องการเดินทางให้รัดกุม โชคดีชั้นที่สองของวันนี้คือพบน้องโส แม้เพียง 10 นาทีที่ได้คุยกันประสาพี่ๆๆน้องๆๆ ทำให้ฉันมองเห็นช่องทาง  การทำงานที่จะเสริมพลังบวกให้ตัวเอง ได้เข้มแข็งและช่วยงานชุมชนสังคมได้อย่างเข้าใจมากยิ่งขึ้น  ขอบคุณแรงบันดาลใจ และพลังแห่งรักทีพ่อแม่มอบให้เป็นสมบัติติดตัวขอบคุณความเมตตา กรุณา และความปรารถนาดีที่ไม่จืดจาง จากเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน ขอบคุณครอบครัวที่รักที่ให้โอกาสฉันได้โลดแล่นไปอย่างมีสติและมีคุณค่าและขอบคุณชุมชนที่ได้ให้ความไว้วางใจ ต้อนรับฉันเป็นอย่างดียิ่ง ท้ายที่สุดขอบคุณที่ให้คำสัญญาว่าจะดูแลกายใจของตนเองและจะทำตามคำแนะนำที่ให้ไว้

2
0
03 รณชัย ทองน้อย
เขียนเมื่อ

คนที่ป่วยไม่สบายกำลังใจนั้นสำคัญที่สุดที่จะคอยเยียวยาหรือเป็นยาขนานดีที่จะรักษา

2
0
ไอดิน-กลิ่นไม้
เขียนเมื่อ

            เช้าวันที่ 18 มกราคม 2555 นี้ ผู้เขียนมีแรงจูงใจที่ทำให้ต้องเขียนอนุทิน ซึ่งปกติไม่ค่อยได้เขียน แรงจูงใจที่ว่า เกิดจากการได้พบกับปรากฏการณ์ที่ผู้เขียนมองว่า "เป็นเรื่องแปลก" เพราะผู้เขียนได้เขียนบันทึกใน GotoKnow.org มาจน ณ วันนี้เข้าเดือนที่ 11 ยังไม่เห็นบันทึกไหนที่มีกัลยาณมิตรเข้ามาอ่านมากเช่นนี้

       ในรอบ 11 เดือนเศษ ผู้เขียนได้สร้าง Blog 5 Blogs เขียนบันทึกมารวม 14 เรื่อง เฉลี่ยประมาณเดือนละ 2 เรื่อง 1) "Pridetoknow" ใช้แลกเปลี่ยนเรียนรู้เกี่ยวกับการทำเกษตรแบบพอเพียง เขียนบันทึกมา 7 เรื่อง เรื่องที่มีคนอ่านมากที่สุด 7 เดือนมีคนอ่าน 618 คน 2) Learntoknow ใช้แลกเปลี่ยนเรียนรู้เกี่ยวกับแนวคิดและประสบการณ์ในการจัดการศึกษา เขียนบันทึกมา 3 เรื่อง เรื่องที่มีคนอ่านมากที่สุด 5 เดือนมีคนอ่าน 1,108 คน  3) Mantoknow ซึ่งเพิ่งสร้างได้เดือนเดียว ใช้แลกเปลี่ยนเรียนรู้เกี่ยวกับพฤติกรรมของมนุษย์ เขียนบันทึกมา 2 เรื่อง เรื่องที่มีคนอ่านมากที่สุด 1 เดือนมีคนอ่าน 585 คน 4) Let's Learn English by the Situation Together ใช้แลกเปลี่ยนเรียนรู้เกี่ยวกับการเรียนรู้ภาษาอังกฤษตามสถานการณ์ เขียนบันทึกมา 4 เรื่อง เรื่องที่มีคนอ่านมากที่สุด 21 วันมีคนอ่าน 527 คน และ 5) Goaltoknow ใช้แลกเปลี่ยนเรียนรู้ตามแรงบันดาลใจทางสังคม ก่อนนี้เขียนบันทึกมา 7 เรื่อง เรื่องที่มีคนอ่านมากที่สุด 9 เดือนมีคนอ่าน 1,135 คน ซึ่งเป็นบันทึกของผู้เขียนที่มีคนอ่านมากที่สุด เป็นเรื่องที่เขียนจากแรงบันดาลใจที่มีเหตุการณ์นักเรียนม.6 ที่ร้อยเอ็ดฆ่าตัวตาย

       และในบันทึกเรื่องที่ 8 ใน Blog "Goaltoknow" ซึ่งลงยังไม่ครบ 3 วันดี คือเรื่อง "เด็กวอนสอนผู้ใหญ่ : วันเด็ก/วันครู ปี 2555" ลง 15 มกราคม 2555 เวลา 10.31 น. เมื่อวานนี้ช่วงบ่ายผู้เขียนเห็นมีคนอ่านสองร้อยกว่า พอหัวค่ำเห็นคนอ่านเพิ่มเป็นห้าร้อยกว่า ผู้เขียนรู้สึกประหลาดใจและไม่แน่ใจว่าระบบบันทึกข้อมูลคลาดเคลื่อนหรือเปล่า เพราะไม่เคยเห็นบันทึกไหนของผู้เขียนที่มีคนอ่านเพิ่มเร็วขนาดนี้ ยิ่งพอผู้เขียนลุกขึ้นมาเช้าวันนี้ เวลาประมาณ 05.10 น. ซึ่งยังไม่ครบ 3 วันดี พบว่ามีผู้อ่านมากถึง 2,621 คน ทำให้ผู้เขียนยิ่งงงใหญ่ ว่าเป็นไปได้อย่างไร หวังว่าคงจะไม่เกิดจากระบบ Error นะคะ ถ้าเป็นข้อมูลจริง ก็ต้องขอขอบคุณกัลยาณมิตรทุกท่าน ที่กรุณาเข้ามาอ่าน ผู้เขียนคงต้องบันทึกเหตุการณ์นี้ไว้ เพื่อเป็นกำลังใจในการเขียนบันทึกเพื่อแลกเปลี่ยนเรียนรู้กับกัลยาณมิตรผู้มีไมตรีจิต ต่อๆ ไปค่ะ               

19
6
ไอดิน-กลิ่นไม้
เขียนเมื่อ
  • เช้านี้ ตื่นขึ้นมา (04.30 น.) และเริ่มกิจกรรมประจำวันด้วยการติดตามนักศึกษาที่อยู่ในกระบวนการพัฒนาทักษะการอ่าน การคิดวิเคราะห์สังเคราะห์ และเขียนสื่อความ ผ่าน Weblog "GotoKnow.org" เช่นเคย แต่กว่าจะ เข้าถึง (Access) ได้ก็ใช้เวลานานมาก...เมื่อวานก็เพิ่งไปจ่ายค่าบริการ Internet ผ่าน Aircard มานี่นา ปัญหาอะไรอีกล่ะ...
  • ติดตามนักศึกษาแล้วก็มาเขียนอนุทิน ที่ไม่ได้เขียนมานานแล้ว แต่เขียนเสร็จก็เกิดจัดเก็บข้อมูลไม่ได้หลายครั้ง...ทำไงดีล่ะ...ถอยเพื่อตั้งหลัก กลับไปต่อ 'net ใหม่ ลองดูซิจะแก้ปัญหาได้ไหม ถ้าได้ก็จะได้พบเนื้อหาที่ต้องการสื่อ ดังนี้ นะคะ
  • สิ่งที่ทำให้เหนื่อยใจก็คือ ปัญหานักศึกษาที่ไม่ยอมแก้ไขในข้อผิดพลาดซึ่งเกิดจากปัญหาการอ่าน ที่เข้ามาอ่านแต่กลับไม่อ่านทั้งหมด ทำให้ไม่ได้รับรู้ข้อผิดพลาดของตน ทั้งที่อาจารย์ได้ชี้ให้เห็นเป็นรายบุคคล อย่าว่าแต่จะ "เรียนรู้จากข้อผิดพลาดของคนอื่น" เลย
  • แต่สิ่งที่ทำให้รู้สึกมีกำลังใจขึ้นมาบ้างก็คือ "การที่สามารถทำในสิ่งที่ทำได้ยากยิ่งคือ การเปลี่ยนความรู้สึกนึกคิดของคน" คือการทำให้นักศึกษาสาขาวิศวกรรมเครือข่าย นรากร พิสิษพุทธิธาดา หันมารักภาษาไทย ภูมิใจในภาษาของชาติ และสัญญาว่า จะรักและใช้ภาษาไทยให้ถูกต้อง ดังที่เขาได้แสดงความเห็นในบันทึกเรื่อง "ภาษาไทย...ภาษาชาติฯ" ความว่า "ในเรื่องภาษาไทย ผมก็ไม่ค่อยใส่ใจมากเท่าไหร่นัก แต่พอมาอ่านบันทึกของอาจารย์ มันทำให้ผมภูมิใจที่เรามีภาษาไทยเป็นภาษาที่เป็นเอกลักษณ์ของความเป็นไทย ทำให้ผมรู้สึกรักในภาษาไทยมากขึ้น ผมจะรักษาและใช้ภาษาไทยให้ถูกต้อง ขอขอบคุณสำหรับบันทึกดีๆ ครับ"
37
10
ไอดิน-กลิ่นไม้
เขียนเมื่อ

        ค่ำนี้ ได้อ่านอนุทินของน้องสุภัทรา เล่าถึงอาการหอบที่เนื่องมาจากหวัดของคุณแม่ของเธอ ทำให้ได้ความรู้ว่า อาการหอบสืบเนื่องมาจากการเป็นหวัด

       ย้อนกลับมาดูตัวเอง ซึ่งได้รับเชื้อหวัดมาจากลูกสาวตอนที่ไปเกาหลี สองวันแรกไม่เป็นอะไร วันที่สามเริ่มมีอาการจามและน้ำมูกไหลไม่หยุดจนต้องขอยาลดน้ำมูกจากลูกมากิน (ปกติเวลาป่วยจะไม่กินยา/หาหมอ ปล่อยให้หายเอง) อาการแสดงออกมากในวันที่จะเดินทางกลับ  ตอนกลับถึงกทม.วันที่ 29 พ.ค.มีอาการหายใจหอบ ซึ่งไม่เคยเป็นมาก่อน ทั้งที่ก็เคยเป็นไข้หวัด และยิ่งตอนที่เดินจากจุดเช็คอินที่สนามบินสุวรรณภูมิไปรอขึ้นเครื่องกลับอุบลฯ ในวันที่ 30 ซึ่งต้องเดินไกลมาก ก็ยิ่งหอบมาก กลับถึงอุบลฯ ทำอะไรไม่ได้เลย เพราะแค่เดินไม่กี่เมตรก็หอบเลยนอนอย่างเดียว ช่วงบ่ายแก่ๆ ตื่นขึ้นมาพบว่าอาการหอบหายแล้ว เลยไปตลาดซื้อกับข้าวมากิน หลังจากที่ไม่ได้กินมาตั้งแต่เที่ยงวันที่ 30

       ช่วงนี้เดินทางบ่อยมาก ในรอบสองสัปดาห์ขึ้นเครื่อง 8 เที่ยว และใช้แรงเดินขึ้นเขาทั้งตอนที่ไปเที่ยวเชียงใหม่และเที่ยวเกาหลี กลางคืนก็นอนน้อยร่างกายเลยอ่อนแอสู้กับโรคไม่ไหว ถ้าอยู่ที่ฟาร์มไอดินฯ หรือบ้านเรือนขวัญ ในแต่ละมื้ออาหารจะทานพืชผักสมุนไพร 80 % ทานโปรตีน 20 % ทำให้พร้อมสู้โรค แต่อยู่ที่เกาหลี 4 วันเต็มๆ อาหารเป็นเนื้อสัตว์ 85 % ผัก 15 % ร่างกายคงจะปรับตัวไม่ได้

       คืนนี้ก็คงจะต้องนอนน้อย เพราะมีงานค้างที่ไม่มีแรงทำส่งในวันที่ 30 ตามที่แจ้งคณะไว้ และพรุ่งนี้ก็เป็นวันแรกของการเปิดภาคเรียน ซึ่งเริ่มด้วยการประชุมของมหาวิทยาลัยในภาคเช้า และเริ่มการเรียนการสอนในภาคบ่าย 

34
4
ไอดิน-กลิ่นไม้
เขียนเมื่อ
  • จากวันที่ 22-26 สิงหาคม 2555 คงต้องขับรถอุบลฯ-ยโสธร และยโสธร-อุบลฯ ตามลำพัง เป็นว่าเล่น เพราะต้องเดินทางไปช่วยงานฌาปนกิจศพน้องสะใภ้ที่ อ.เมือง ยโสธร และกลับไปทำงานที่อุบลฯ
  • สายๆ วันนี้ขับรถจากยโสธรมาอุบลฯ ช่วงอำเภอเขื่องใน-อุบลฯ รู้สึกง่วงแต่ก็พักไม่ได้ พยายามฝืนเพราะมีงานด่วนรออยู่ที่มหาวิทยาลัย มีอาการเกือบหลับในไป 3 ครั้ง รถแฉลบออกทางขวานิดๆ แต่ก็รู้สึกตัว (ที่ยังกล้าขับอยู่ก็เพราะรถวิ่งทางเดียว ไม่มีรถสวนเลยไม่เกรงว่าจะสร้างปัญหาให้รถสวน และก็คิดว่าไม่น่าจะสร้างปัญหาให้รถที่ขับตามหลังมา เพราะมีสองเลน เราเองขับเร็วเลยวิ่งเลนขวา ถ้ามีรถที่ขับตามหลังมาใกล้ๆ และขับเร็วก็จะหลีกทางให้ โดยให้สัญญาณแล้วเปลี่ยนไปขับเลนซ้าย
  • ตอนที่รถทำท่าแฉลบทั้ง 3 ครั้งจะอยู่ในช่วงที่วิ่งเลนขวาและไม่มีรถตามมาใกล้ๆ  ทั้ง 3 ครั้งรถทำท่าจะแฉลบลงร่องที่กั้นระหว่างถนนอีกด้าน ถ้ามีปัญหาจริงก็คงเป็นอันตรายกับตนเอง ไม่เป็นอันตรายกับคนอื่น แต่ก็โล่งอกที่ถึงเป้าหมายโดยปลอดภัย
  • คืนนี้ก็คงต้องนอนน้อย เพราะต้องพิมพ์เอกสารประวัติ และจัดทำไฟล์ภาพส่งงานประชาสัมพันธ์เช้าพรุ่งนี้ เพื่อจัดทำหนังสือเกษียณอายุราชการ และตรวจงานวิชาจิตวิทยาสำหรับครู ซึ่งมีตารางสอนพรุ่งนี้ 08.00-11.20 น.  ตอนบ่ายต้องทำเรื่องเบิกค่าวัสดุฝึก ซึ่งเป็นวันสุดท้ายที่คณะให้ทำเรื่องเบิก แล้วเย็นๆ ก็ต้องขับรถไปยโสธรอีก เที่ยวนี้ดีหน่อยจะมีคนนั่งไปเป็นเพื่อน

 

45
28
03 รณชัย ทองน้อย
เขียนเมื่อ

งานแห่เทียนเข้าพรรษาที่อุบลฯได้ไปสนทนากับชาวต่างชาติตื่นเต้นมากครับ

2
0
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท