วันนี้คปสอ.กะเปอร์ มีการรับนิเทศงานจากทางสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดระนอง นำทีมโดยหัวหน้าฝ่ายยุทธศาสตร์ สสจ.ระนอง โดยในช่วงเช้าจะเป็นการนำเสนอ ผลการดำเนินงาน ตามรายงานรูปแบบต่างที่ได้จัดเตรียมการนำเสนอไว้เป็น Power point กล่าวต้อนรับโดยท่านสาธารณสุขอำเภอกะเปอร์ และนำเสนอโดยคุณอำนาจ เทพรักษ์ ประมาณ 45 นาที และต่อด้วยการปรับข้อมูล และทำความเข้าใจตัวชี้วัด จากผู้รับผิดชอบงานระดับคปสอ.กับผู้นิเทศ
ช่วงบ่ายก็เป็นการลงนิเทศงานที่สถานีอนามัย จำนวน 2 แห่ง ซึ่ง จับฉลากได้ที่โชคดี คือ สถานีอนามัย เชี่ยวเหลียง และสถานีอนามัยบางหิน (ช่างบังเอิญที่ทั้ง 2แห่งยังไม่ผ่านมาตรฐาน PCU ... อิอิ ว่ากันไป ) บรรยากาศก็ราบรื่นดีนะ ที่ต้องเก็บมาเป็นประเด็นและต้องดำเนินการต่อเนื่องก็คงเป็นเรื่องของ การรายงานข้อมูลในรายงาน HCIS ยังมีความล่าช้า และไม่ครอบคลุม ... (ก็ต้องหาแนวทางแก้ไขต่อไป)
ประเด็นนึงที่ยังติด-ติด อยู่ในใจผู้เขียน ก็คงเป็นเนื้อหาการพูดคุยระหว่างผู้เขียนกับทางหัวหน้า(สาธารณสุขอำเภอ) ระหว่างรอผู้นิเทศในช่วงเช้า ผู้เขียนได้ลองนำเสนอ แนวทางการดำเนินงาน พัฒนาคุณภาพสถานบริการ โดยได้หยิบยกเนื้อหาการวิจัย บางส่วนของ คุณประจักร บัวผัน ที่ได้ศึกษาวิจัยเรื่องการพัฒนาคุณภาพบริการในหน่วยบริการสุขภาพขั้นพื้นฐาน เมื่อปี พ.ศ. 2545 ที่ได้กล่าวถึงแนวทางการดำเนินการในการค้นหา คุณภาพของสถานบริการในมุมมองของผู้รับบริการ ดูท่านเห็นด้วยและพร้อมให้ดำเนินการ และพูดเสริมในเรื่องของการทำงานเป็นทีม
ทำให้ต้องกลับมานั่งคิดว่า อะไรกันหนอ "คือการทำงานเป็น ทีม?? " เท่าที่รู้ก็คงเป็นตอนสมัยเรียน ที่เราทุกคนเริ่มต้นจาก 0 ด้วยกัน เริ่มเรียนรู้พร้อมกัน ไม่เกี่ยงมากเกี่ยงน้อย รับรู้ภาระงาน และพร้อมยอมรับฟังความคิดเห็น ...
แต่พอจบมาทำงาน ก็พยายามมองหา รูปแบบของการทำงานแบบเป็นทีม เข้าใจว่ามันไม่ใช่สูตรสำเร็จตายตัว แต่ที่รับรู้ก็คือ..
มันไม่ใช่การพูดคุยถูกคอ แล้วนั่นคือทีม หากแต่กล้าพูดคุยในเรื่องที่ถูกต้องและส่งผลดีต่อภาระงานต่างหาก!
มันไม่ใช่พวกพ้องผิด-ถูกไม่รู้ แล้วนั่นคือทีม หากแต่เป็นการใช้เหตุผล แล้วมาพูดคุยกันต่างหาก!
ธรรมชาติของคน มักมองที่ตัวบุคคลมากกว่าเนื้องาน ผู้เขียนเองก็เข้าใจ ว่าคงไม่มีใคร ทำถูกต้อง และดีทุกประการรวมถึงตัวผู้เขียนด้วยเช่นกัน แต่คนเรานั้นไซร้ ยังละไว้ซึ่งการยึดถือตัวบุคคล มากว่าเนื้องานไม่ได้อยู่ดี และได้ลองค้นหาเรื่องราวของการ ทำงานเป็นทีม ที่เป็นรูปธรรม อ่านแล้วได้แนวคิด มองเห็นภาพจนแอบขำ ไม่ใช่ทฤษฎีแต่เป็นสิ่งที่เคย ทำ-ทำ ให้ลองอ่านเล่น-เล่นกันดู
คำคุ้นหูที่ได้ยินอยู่บ่อยครั้งว่า หัวเดียว..กระเทียมลีบ สองหัวดีกว่าหัวเดียว หรือแม้กระทั่งไม้ไผ่มัดรวมกอ ย่อมแข็งแรงกว่าไม่ไผ่อันเดียว เหล่านี้เป็นการบ่งชี้ให้มองเห็นความสำคัญของคำว่าสามัคคี แต่คำถามต่อไปมีว่า... ความสามัคคี กับการทำงานเป็นทีมแตกต่างกันมั้ย? ทีมต้องประกอบด้วยจำนวนคนมากน้อยแค่ไหน?? ทีมจะต้องอยู่เฉพาะในองค์กรของเราเท่านั้นหรือ?? และมันจะเป็นอุปสรรคกับการทำงานหรือไม่??
หาก... ไม่มีการขัดแย้งเกิดขึ้นในองค์กร
แต่ไม่ได้รอ ....."ทีม" เป็นตัวหลักในการขับเคลื่อนงานจะผิดหรือไม่ ? หลายต่อหลายครั้งที่ไม่ได้ทำให้เกิดการพัฒนา เพราะทีมมองว่า...มันคือภาระ หลายครั้งที่ความตั้งใจในหลายสิ่งหรือแม้กระทั่งกำลังใจในการทำงานลดลง - - > จนแทบหมดไป เพียงเพราะ รอ รอ ให้ทีมมีทัศนะคติที่ตรงกัน ดังนั้นเพื่อให้งานได้ดำเนินไปถึงเป้าหมาย เราควรมีการเริ่มต้น .... หากแต่มีปัญหาหรือข้อเสนอแนะใดเกิดขึ้น สามารถปรึกษาหารือกันได้ ว่ากล่าวตักเตือนพูดคุยกันแบบพี่-น้อง และพร้อมจะยอมรับฟังความคิดเห็นกัน - - ที่ผู้เขียนรู้สึกแบบนั้น และสามารถแลกเปลี่ยนทัศนะคติ ได้อย่างสบายใจ ... (รวมและละไว้ซึ่ง บุคคลร่วมงานท่านอื่น-อืน)
หวังเสมอให้การทำงานเป็นทีมเกิดขึ้น และช่วยในการพัฒนาระบบการทำงานขององค์กรให้เกิดอย่างต่อเนื่องและยั่งยืน หากแต่ไม่ประสงค์ให้ความคิดในการสรรค์สร้างสิ่งใหม่ และกำลังใจการทำงานถูกลดทอนลง -> หายไป
เอาเป็นว่า.. ด้วยประสบการณ์การทำงานยังน้อยนิด จึงต้องขออาศัยแนวคิด จากชาว gotoknow ว่าด้วยเรื่องการทำงานเป็นทีม ช่วยเล่าสู่กันฟังบ้างแล้วหละคะ ..
สวัสดีครับ
ทีม ควรจะมีเป้าหมายตรงกัน สามารถทำงานร่วมกันได้ เหมือนสร้างบ้าน มีช่างไม้ ช่างปูน ช่างเหล็ก มีองค์ประกอบหลายอย่าง ช่างทำงานสอดคล้องกัน บ้านมีคุณภาพ
หลายทีม ที่ทำงาน ไม่ไปสู่เป้าหมาย อาจมาจาก กินแรง แข่งขัน กีดกัน ฉันดี เธอแย่ แพ้ไม่ได้ ฯลฯ
บางสำนวน รวมกันตายหมู่ แยกหมู่ตายเดี่ยว
เท่าที่อยากเสนอมีแค่นี้ก่อนครับ
ไม้ 1 อัน เอามือมาหัก ทำได้ง่าย
ไม้หลายอันรวมกัน เอามือมาหัก ทำได้ยาก
.
ไม้หลายอันมีทั้งแข็งแรงและผุกร่อน รวมกัน เอามือมาหัก จะยากหรือง่าย อยู่ที่จำนวนไม้ผุ กับ ไม้ดี อะไรมากกว่ากัน
.
คนทุกคน คิดและทำ ในงานเดียวกันไม่เหมือนกัน
การมารวมกัน ย่อมมีแนวคิดที่ไม่เหมือนกัน
ขอให้ทุกคน มองที่ที่จะไป หากว่าคิดอะไรที่ไม่เหมือนกัน แต่เมื่อจะไปด้วยกัน ปลายทางอยู่ที่เราจะไปด้วยกันแน่นอน
.
คนบางคนคิดว่า เค้าอยู่ในทีม แต่
ทีมไม่อยู่ในใจเค้าเลย แล้วจะเป็นทีมได้อย่างไร
.
เดินในทางที่ควร ดีแล้วครับ น้องเปิ้ล พี่เชื่อว่าน้องเปิ้ลทำได้ครับ
.
ปัญหามีไว้ให้แก้
ปัญหาไม่ได้มีไว้ให้กลุ้ม
.
เป็นกำลังใจให้ครับ
วันนี้เพิ่งเข้ามาอ่านก่อนทำงาน ไว้วันหลังจะเข้ามา share เรื่อง teamwork นะครับ
เพื่อนเปิ้ลจริงๆ อ่านบลอคนี้ตั้งแต่วันที่เพื่อนเปิ้ลบีบคอแล้ว แต่คิดว่าตัวเองยังมีอคติอยู่เลยไม่ได้คอมเม้นต์อะไรไป
ก่อนอื่นถ้าจะเริ่มทำงานเป็นทีมโดยที่คนในทีมยังมีทัศนคติที่ไม่ค่อยตรงกันเท่าไหร่นั้น อั้มว่ามันคงเป็นปัญหาอย่างหนึ่งที่เราเองก็คงจะมองข้ามไม่ได้
แต่หากคนในทีมเป็นคนทำงานจริงๆ เรื่องดังกล่าวก็คงไม่ใช่ปัญหา
ซึ่งมันคงเป็นเรื่องค่อนข้างยาก เมื่อเกิดปัญหาขึ้นแล้ว ไม่มีการคุยกัน และยากยิ่งกว่าหากทีมมีการแบ่งฝ่าย
อย่างน้อยก็อยากให้ทำความเข้าใจให้ตรงกัน ทั้งทีมเป็นกำลังใจให้เพื่อนเปิ้ลเสมอจ้ะ
การทำงานเป็นทีมในสังคมไทย...ยังเป็นเรื่องใหม่...
แต่ก็พัฒนามาได้ระดับหนึ่งแล้วหละ...และมีแนวโน้มว่าพัฒนาได้ซะด้วย...อย่าเพิ่งเบื่อเสียละ...มันกำลังงอกงาม...เป็นกำลังทุกกำลังให้นะ...บายจะ...
TEAM WORK
1. มีเป้าหมายเดียวกัน แพ้ก็แพ้ด้วยกัน ชนะก็ชนะด้วยกัน
2. เติมเต็ม ในทีม รู้บทบาทของตัวเอง ยอมรับจุดเด่นและจุดด้อยของคนอื่น และของตัวเอง
ที่เราต้องทำงานเป็นทีม เพราะ เหตุผลเดียว nobody perfect ถ้าคนคนเดียวทำได้หมดก็ไม่ต้องใช้ทีม เอาส่วนที่เราเก่งเติมเต็มส่วนขาดของคนอื่น ขณะที่เราก็ได้รับการเติมส่วนที่เราขาดจากคนในทีม
3. มีพันธะสัญญา
กลุ่มคนที่มีความสามัคคี มีพลังเดินไปข้างหน้า แต่อาจจะไม่ใช่ทีมที่ดี เพราะถ้าทุกคนเหมือนกันหมด ก็ไม่มีใครเติมส่วนขาดของใครได้ แต่ทีมที่ดี ต้องมีความสามัคคี
TEAM WORK
คิดว่าหากมีการนำไปใช้จริงก็จะเกิดมากมายทีเดียว
ขอบคุณ คุณ
มากนะคะที่แวะเวียนมาให้กำลังใจ
เห็นด้วยอย่างยิ่งกับแนวคิดที่ว่า