ก่อนอื่นต้องบอกว่า น้องๆ กลุ่มนี้เรียนเก่งมาก แล้วก็นิสัยน่ารักด้วย การทำงานเป็นทีมเวิร์ดสุดๆ
พอน้องๆ ตั้งหน้าฟัง พี่ก็จะบรรเจิดให้ว่า เอางี้ดิ ก่อนอื่นขอถามน้องๆ ว่า ต้องการอะไรในการจัดครั้งนี้
น้องต้องการ "สร้างเครือข่ายของเด็กทุนด้วยกัน เมื่อออกไปเป็นครูจะได้ช่วยเหลือกันแลกเปลี่ยนประสบการณ์กัน"
พอน้องบอกอย่างนี้ ได้เล๊ย แล้วเราจะทำอย่างไรล่ะให้เกิดความสัมพันธ์ที่สนิทมาขึ้น
น้องก็บอกว่า "ต้องจัดกลุ่มและคละกันตามสถาบันแล้วให้ดูแลกันเป็นกลุ่มเล็กๆ ก่อน"
เหมี่ยวเลยบอกว่า "อยากจะให้ใช้มหาวิทยาลัยของเรานี่แหละเป็นแหล่งเรียนรู้ในการจัดค่ายครั้งนี้ เพราะอะไร?
ก็เพราะว่า เหมี่ยวเห็นว่าเรามีการวางผังเมืองที่ดีหน่ะสิ
จัดกลุ่มคณะได้ เป็นกลุ่มวิทย์สุขภาพ กลุ่มวิทย์เทคโน กลุ่มสังคมศาสตร์ ซึ่งทุกกลุ่มล้วนแล้วแต่มีแหล่งเรียนรู้ด้วยกันทั้งสิ้น เราก็ใช้ให้เป็นประโยชน์ คือ ประชาสัมพันธ์มหาวิทยาลัยด้านทัศนียภาพด้วย
ตอนเช้าลงทะเบียน แล้วแบ่งกลุ่มตามบ้านตามสี คือ
สีแดง สีเขียว สีเหลือง แต่ละบ้านประกอบด้วย กลุ่ม A1-A9 กลุ่ม B1-B9 กลุ่ม C1-C9 แล้วเข้าห้องเพื่อทำพิธีเปิดการเข้าค่าย โดยจะเชิญท่านคณบดีศึกษาศาสตร์ มน. เป็นประธาน
จากนั้นจะเป็นกิจกรรมกลุ่มสัมพันธ์ เล่นเกมเพื่อให้ทุกคนรู้จักเพื่อนในบ้านและกลุ่มของตนเอง
แล้วแกนนำนิสิตของมน.จะแจก "กระเป๋ามหาสมบัติให้ โดยกระเป๋าจะทำจากผ้าดิบ เพื่อดูเป็นธรรมชาติ แล้วมีรูปไอคอนของการจัดค่ายครั้งนี้โดย นิสิตแกนนำของมน.จะเป็นคนวาดภาพลงไปโดยใช้สีเทียน แล้วรีดอีกครั้ง เป็น Hand Made
ในกระเป๋าบรรจุ ดินสอไม้ สมุดบันทึกการเรียนรู้ คำแนะนำเกี่ยวกับมหาวิทยาลัยนเรศวร หมวก 1 ใบ เสื้อ 1 ตัว โดยจะสกีนภาพไอคอนของค่ายนี้ไว้ด้วย
เมื่อทุกคนได้รับกระเป๋าสมบัติแล้ว ก็ถึงการผจญภัยแสนสนุกรอบมน.กัน
โดยจะจัดเป็นฐานค่ะ แล้วแต่ว่าน้องจะจัดกัน โดยเหมี่ยวแนะนำว่า... จะใช้จักรยานของมอ เป็นพาหนะแล้วติดธงสีที่ท้ายจักรยาน
บ้านสีแดงจะได้เรียนรู้เกี่ยวกับ การใช้ Blog โดยนิสิตเราจะเป็นคนให้คำแนะนำค่ะ อันนี้จะขอความอนุเคราะห์จาก IT ในการขอใช้ห้องคอมพิวเตอร์ กิจกรรมนี้ประมาณ 1 ชั่วโมงค่ะ
บ้านสีเหลืองจะไปที่ฐานที่ 1 ฐานแรกจะเริ่มที่ พิพิธภัณฑ์ผ้าก่อนค่ะ แล้วก็จะไปที่ พิพิธภัณฑ์ชีวิต (คือจะเน้นที่กลุ่มสังคมก่อน)
บ้านสีเขียวจะไปที่ฐานที่ 2 จะเริ่มที่วิทยาศาสตร์เทคโนโลยีคือจะไปทางคณะเกษตรฯ คณะวิศวกรรมฯ คณะวิทยาศาสตร์ แล้วก็ตรงไปที่สถาบันวิจัยพลังงาน โดยจะขอให้วิทยากรที่พลังงานเป็นผู้พาเยี่ยมชมสถาบันฯค่ะ
แล้วก็จะเปลี่ยนฐานกันค่ะ ฐานที่ 3 จะเป็นกลุ่มวิทยาศาสตร์สุขภาพค่ะ จะพาไปที่คณะในกลุ่มวิทย์สุขภาพ
โดยการพาไปแนะนำแต่ละคณะจะให้น้องประสานกับเพื่อนที่คณะนั้นเป็นคนพูดแนะนำคณะของเค้าเอง แล้วไปหยุดที่ฐานที่เตรียมไว้ตามจุดต่างๆ เพื่อให้ นิสิตได้ทำกิจกรรมการเรียนรู้ โดยนิสิตแกนนำของมน.จะจัดเกมโดยอิงจากการเรียนรู้จาก เทคนิคการสอนแบบต่างๆ เช่น Co-operative learning , Self - Directed Learning , Brain-base Learning และอื่นๆ อีกมากมายที่ได้เรียนมา มาใช้จัดกิจกรรม
โดยจุดประสงค์คือ นิสิตที่เรียนรู้ตามฐานจะสามารถนำวิธีการจัดกิจกรรมเหล่านี้ไปใช้ในการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ในวิชาชีพครูในอนาคตได้
ตอนเย็นจะเป็นรายการ เดินเที่ยวพากินที่ ปอยเปรต คือจะมีนิสิตแกนนำของมน.เป็นคนพาเพื่อนตามกลุ่มต่างๆที่จัดไว้ไปทานข้าวตามร้านอาหารหลังมอ. อยากให้ทานกันได้เต็มที่
แล้วก็นัดพบกันที่ลานสมเด็จ เพื่อเป็นไหว้สมเด็จฯ แล้วก็จะมีการจุดเทียนร้องเพลงสถาบ้น รับนิสิตจากสถาบันอื่นๆ ที่มาเข้าค่ายที่นี่ครั้งนี้
วันที่ 2 ตรงนี้สำคัญ เป็นการนำกระบวนการทาง KM มาใช้คือ Storytelling โดยจะเชิญ ท่านอาจารย์ ดร.อมรรัตน์ วัฒนาธร และท่าน รศ.เทียมจันทร์ พานิชผลินไชย มาเป็นเป็นที่ปรึกษาให้ข้อแนะนำด้วย
โดยจะให้นิสิตนั่งกันตามกลุ่มตามบ้าน แล้วก็จะให้แต่ละคนเล่าเรื่อง ครูที่ประทับใจ ที่ยังนึกถึงจนทุกวันนี้ แล้วเพื่อนในกลุ่มก็ฟัง แล้วบันทึกลงใน แบบบันทึกเรื่องเล่า
จากนั้น ก็คัดเลือก เรื่องเล่าที่ประทับใจ ของกลุ่มและบ้านออกมาเล่าให้ทุกคนฟัง
เมื่อเล่าแล้ว แต่ละกลุ่มก็ช่วยกันสกัดออกมาว่า ครูที่เล่ามานั้น ที่ทำให้เราประทับมี คุณลักษณะอย่างไร คือเป็นคุณลักษณะของที่ครูที่ศิษย์รักและคิดถึง น่าบูชานั้นเป็นอย่างไร
แล้วเราก็นำมาจัดอันดับกัน แล้วทำเป็นขุมพลังของการปฏิบัติตนในการเป็นครูพันธุ์ใหม่
แล้วก็ปิดท้ายด้วยการทำ AAR ในการเข้าค่ายครั้งนี้ที่ มน.เป็นเจ้าภาพ
แต่ที่สำคัญตอนนี้คือ ไม่รู้ว่าน้องๆ เค้าจะทำกันได้ไหม ตอนอยู่ต่อหน้าเราก็ ดีอกดีใจกันดีอยู่ว่า ชอบๆๆ คิดได้ไง แล้วไงอ่ะ ไม่รู้ตอนนี้ราชสีห์กลายเป็นหมาน้อยธรรมดาไปแล้วรึยัง
แต่ที่สำคัญกว่านั้นคือ เหมี่ยวได้คิด ได้มีส่วนในการสร้างสรรค์สิ่งดีๆ ให้กับมหาวิทยาลัยอันเป็นที่รักและภาคภูมิแล้ว แม้ว่ามันจะเป็นเพียงแค่ โครงการในฝันก็ตาม.........................
ยอดเยี่ยมมากมะเหมี่ยว ขอแนะนำนิดนึง สำหรับคนที่เขาไม่รู้ที่มาที่ไปอาจจะไม่เข้าใจหรือไม่เห็นความสำคัญของโครงการนี้มากเท่าที่ควร ความจริงโครงการนี้ความสำคัญอยู่ที่ความเป็นเครือข่ายระหว่างมหาวิทยาลัย (ไม่ใช่เฉพาะใน มน.) ดังนั้น ตอนต้นของบันทึกน่าจะเกริ่นนำสักนิดถึงองค์ประกอบหรือขอบเขตของเครือข่ายและวัตถุประสงค์ของโครงการ
สวัสดีค่ะ คุณ เด็กอยากรู้
อยากเข้ามาบอกว่าชื่นใจจังเลยที่ได้ยินอย่างนี้
การสะท้อน คุณลักษณะของที่ครูที่ศิษย์รักและคิดถึง น่าบูชา เป็นภาพของ "ครูดี" ทำให้เกิดภาพที่ดีประทับตรึงอยู่ในใจ เป็นกุศโลบายในการสร้างทัศนคติเชิงบวกที่น่ารักมาก
และที่คุณ เด็กอยากรู้ ตอบคุณแผ่นดิน ว่า
ครูพันธุ์ใหม่ ในความคิดคือ ครูที่ใหม่ทั้งทัศนคติที่มีต่อการสอนนักเรียน ใหม่ทั้งทัศนคติที่มีต่อตัวเอง และใหม่ทั้งวิธีปฏิบัติที่ก่อให้เกิดผลที่ดีที่สุดแก่ผู้เรียน และสังคม แล้วตนเองมีความสุขกับสิ่งที่ได้ทำเสมอ
ทำให้ครูบ้านนอกอย่างดิฉันรู้สึกมีกำลังใจขึ้นมาอีก อย่างมากที่จะเฝ้ารอกำลังครูชุดใหม่ ไปสมทบกับคุณครูท่านที่กำลังดูแลอนาคตของชาติอยู่ทุกท่านตอนนี้
ดิฉันไม่เคยเรียนวิชาครู แต่เข้าระบบการเป็นครูด้วยการสอบบรรจุ ในสมัยที่ยังไม่บังคับใช้วิชาชีพครู ตอนนี้ถ้าบังคับให้กลับไปสอบใหม่ ดิฉันก็คงสอบตก
วันแรกที่เดินเข้ารั้วโรงเรียนมัธยมในฐานะครู เมื่อเด็กยกมือไหว้ ดิฉันก็สะดุ้ง เพราะอะไรก็ไม่รู้ แต่รู้สึกว่าต่างไปจากวันที่ยังเป็นคนเฉยๆ พูดแล้วก็งงตัวเอง : ) คือรู้สึกว่าตัวเองยังเป็นคน แต่รู้สึกสำนึกทันทีที่ยกมือรับไหว้เด็ก ว่าเราต้องเป็นคนอีกคนหนึ่ง ที่ควรแก่การยกมือไหว้บัดเดี๋ยวนี้
(ความรู้สึกนี้ทำให้สำนึกอะไรขึ้นมาบางอย่าง และทำให้ต้องไปหาหนังสือ สมบัติผู้ดี มาอ่านใหม่ .........เพราะรู้สึกว่ามันมีอะไรๆเกี่ยวข้องกันอยู่ )
ขอบคุณคุณเด็กอยากรู้ มากเลยนะคะ ที่นำเรื่องที่ทำให้เกิดกำลังใจในการเป็นครูมาเล่าสู่กันฟัง ขออภัยที่พูดยาว และขอให้ทำงานอย่างมีความสุขนะคะ : )