อุปสรรค....ระหว่างการเดินทางของการพัฒนา


เราตัดสินสิ่งที่ฟังตั้งแต่คนพูดเริ่มพูด เราแปรความหมายสิ่งที่ฟังตามที่เราอยากให้เป็นหรืออยากได้ยิน

อุปสรรคระหว่างการเดินทางของการพัฒนา

           มีคนเคยกล่าวไว้ว่าการที่เราเข้ามาทำงานพัฒนาคุณภาพ  คืองานที่ต้องมีเรื่องให้ทะเลาะหรือขัดแย้งกับคนอื่นๆ  .....

          เมื่อได้ยินแรกๆก็รับฟังเอาไว้และไม่แน่ใจในคำที่กล่าวนั้นว่าจะจริงหรือไม่ประการใด  .......

         ต่อเมื่อไม่นานมานี้การที่ได้มีประสบการณ์ในการขับเคลื่อนงานพัฒนา  งานที่ต้องพึ่งพาอาศับทุกๆคนในองค์กรไม่ว่าจะเล็กใหญ่  อยู่ส่วนใหน  ล้วนแต่มีความสำคัญเท่าเทียมกันทั้งสิ้น  

       ผมเริ่มพบกับสิ่งที่เรียกว่า    ขัดแย้ง  ไม่เข้าใจ  ไม่ชอบ  หรือต้องพบในสิ่งที่ไม่อยากให้เกิดขึ้น  นั่นคือบรรยากาศแห่งความขัดแย้ง  ไม่เข้าใจ หรือขุ่นข้องหมองใจกัน  ทั้งๆที่เราก็พยามที่สุด  เพื่อไม่ให้เกิด  แต่มันก็เลี่ยงยาก 

               แน่นอนว่าปัญหาคือโอกาสในการพัฒนา  แต่คนที่จะมาร่วมกระบวนการนั้นสำคัญเช่นกัน  แต่ไม่มีการเตรียมคนให้พร้อมเพื่อเข้าสู่กระบวนการแก้ปัญหารูปแบบต่างๆ  เช่น ลปรร  สุนทรีสนทนา RCA  หรือทักษะในการสื่อสาร ...สิ่งที่ตามมาคือความหวาดระแวง  ความไม่เข้าใจ

      เสมือนสิ่งที่เราคุยกันนั้น  ได้ยินไม่ทั้งหมด  หรือไม่เข้าใจในสิ่งที่สื่อสาร  อาจจะเป็นเพราะ    เราตัดสินสิ่งที่ฟังตั้งแต่คนพูดเริ่มพูด  เราแปรความหมายสิ่งที่ฟังตามที่เราอยากให้เป็นหรืออยากได้ยิน     การสื่อสารที่เราคาดหวังจึงไม่เกิด

         

               ผมมานั่งคิดทบทวนสิ่งที่ทำให้เกิดความขัดแย้งระหว่างพัฒนา มีกว้างๆน่าจะเป็นจากปัจจัยต่างๆดังนี้คือ

       -  ความแตกต่างที่เป็นพื้นฐานของแต่ละบุคคล 

      -  ทักษะในการสื่อสาร  ในการแก้ปัญหาแบบมีส่วนร่วม

      -  ความกลัวผิด  ความหวาดระแวง  ไม่ไว้ใจ

     -  การมองตนเองเป็นศูนย์กลาง  ไม่ได้มองที่เป้าหมายที่ควรจะมีร่วมกัน

     -    ทักษะที่อาจจะยังไม่เพียงพอของผู้ประสานงาน

      

              มีอยู่กรณีหนึ่ง  ผมเข้าไปคุยและอธิบาย  เพื่อร่วมกันหาแนวทางการแก้ปัญหา(ทั้งหมด3ครั้ง)  ในแต่ละครั้งผมพยามปรับแก้การสื่อสารและทักาะของตน ในครั้งที่ผ่านมา  ที่ดูเหมือนว่ายังไม่ดีพอ  เช่น ฟังให้มากขึ้น  ให้เขามีส่วนร่วมมากขึ้น  ให้เขาคิดและแก้ปัญหาเอง  การแสดงความขอโทษในบางสิ่งบางอย่างที่เขารู้สึกว่าไม่พอใจ  หรือเป็นการกระทบความรู้สึก  หรือเข้าใจความหมายผิดไป

    

           

                ผมได้เรียนรู้....  บางครั้งผมก็ไม่อยากไปยุ่งกับใครๆเลยนะ  อยากอยู่เงียบๆ  ทำงานไปวันๆ  ไม่อยากก่อ conflict กับใคร  .....  แต่มันก็ไม่ใช่วิถีแห่งการเรียนรู้ วิถีของการพัฒนาปรับปรุง      ปรับปรุงทั้งตนเอง  ทั้งองค์กร  ที่สำคัญคือเราได้ขัดเกลาตนเองระดับหนึ่ง

     

           ผมคาดหวังว่า...วันหนึ่งผมจะเป็นนักพัฒนาและปรับปรุงงานที่ดี  ปรับปรุงตนเอง  พัฒนาและปรับปรุงองค์กร  ที่เราอยู่

         ผมหวังว่าระหว่างเส้นทางผมจะได้เรียนรู้หลายๆอย่าง  โดยเฉพาะการเรียนรู้เกี่ยวกับตนเอง  ภายใน  เพื่อยกระดับของจิตใจ  ให้ดียิ่งๆขึ้น

        ผมหวังว่าเราจะเรียนรู้ผู้คน วิถีที่แตกต่าง  ที่หลากหลาย  ที่ผมจะสามารถ  เข้าหาเขาเหล่านั้นได้ถูกที่ถูกเวลา  เพื่อเป้าหมายที่จะเรียนรู้ร่วมกัน  เพื่อการเติบโตขึ้นของทั้งสองฝ่าย  ทั้งเขาและเรา

         ผมหวังว่าเราจะมีความสุขร่วมกันที่ได้ชื่นชมผลงาน  ที่เราร่วมกันทำ       ฝันที่เราร่วมกันสานและถักทอขึ้นมา 

          สุดท้ายเราหวังว่างานที่เราทำจะมีคุณค่าที่ยิ่งใหญ่ของผู้รับบริการ      ประชาชนที่เราดูแล     ชุมชนที่เราอาศัยอยู่ร่วมกัน  สังคมของเรา 

         

                เพราะเราคือผู้เริ่มต้นที่กำลังก้าวสู่ เส้นทางแห่งการเรียนรู้      เรายังเต็มไปด้วยความรู้สึกที่อาจจะยังไม่มั่นคง    บางครั้งอ่อนไหว-บางครั้งฮึกเหิมมั่นคง      บางครั้งท้อแท้-บางครั้งมุ่งมั่น    มันสลับกัน  ขึ้นๆลงๆอยู่เรื่อยๆ

         แต่เราก็คาดหวังว่า  เราจะสามารถเรียนรู้และก็เติบโต  เป็นคนใหม่ที่น่าจะดีกว่าเดิม ....(มือใหม่หัดเขียนครับ)

หมายเลขบันทึก: 91053เขียนเมื่อ 18 เมษายน 2007 22:57 น. ()แก้ไขเมื่อ 8 มิถุนายน 2012 05:55 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (5)
  • เป็นงานที่ผู้เริ่มต้องทำงานหนักจริงๆ จากพื้นฐานของคน ที่ต้องปรับ ต้องจูนกัน กว่าจะเข้าใจกัน บางทีอคติ ก็ทำให้คนไม่เข้าถึงได้ง่ายๆ เพียงเพราะต่อต้านกับ คน ถ้าทำให้คนยอมรับได้ จะดีเยี่ยมเลย

ไม่เคยได้ลองเอง แต่อ่านมาอีกทีจากหนังสือ solving tough problems ค่ะ ว่า เวลาเปิดประเด็นสนทนาหาทางออกอะไรซักอย่าง

  • อย่าถามว่า คุณต้องการให้มันออกมาเป็นอย่างไร

แต่ให้ถามว่า

  • คุณคิดว่ามันจะทำออกมาได้ในรูปแบบใดได้บ้าง ที่คิดว่ามันพอเป็นไปได้
  • แล้วถ้าจะให้ทำแบบนั้น ใครต้องปรับใจ เปลี่ยนตัวเองกันอย่างไรบ้าง แล้วคุณต้องการอะไรมาสนับสนุนให้สำเร็จ
แล้วหลายๆคนก็มาช่วยกันดูว่า scenario ไหน ดูน่าจะโอเคกับทุกคน

และข้อที่สำคัญที่สุดนั้นหมอพัทได้ กล่าวไว้แล้ว
นั่นก็คือ ข้าหาเขาเหล่านั้นได้ถูกที่ถูกเวลา

จังหวะเวลาสำคัญจริงๆค่ะ 

อย่าพึ่งท้อแท้และหมดกำลังใจคะ ทุกปัญหามีทางออก เกลียวปัญหามันหมุนเข้าได้ มันก็คลายได้คะ ขอเพียงให้เวลาและรอคอย แรงปราถนาที่ดีของเราบวกความมุ่งมั่นตั้งใจ จะช่วยให้บรรลุเป้าประสงค์คะ อดทนและรอคอยเพื่อคนไข้ของเราและองค์กร

สวัสดีครับ

  ขอบคุณอาจารยมัทมากๆครับ

  ขอบคุณน้องแก่นจังด้วยนะ(ขอเรียกน้องก่อนนะเพราะเห็นหน้าเด็กๆ อิ..)

  ขอบคุณพี่ศรีด้วยครับ  ถ้าผมท้อผมก้จะหยุดพัก  แต่จะไม่ถอยนะครับ

ขอเป็นกำลังใจด้วยการงานและชีวิตหรือทุกสิ่งอย่างล้วนแล้วแต่มีสิ่งที่ดีราบรื่นและอุปสรรคจะมากน้อยแตกต่างกันทุกอย่างต้องอาศัยเวลาและการปรับตัวเพื่อต่อสู้ใหม่ทุกๆครั้งในเรื่องของconflictเราคงต้องดึงเอาทฤษฎีและประสบการณ์มาปฏิบัติแล้ะล่ะนะทีนี้
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท