นิกายของคริสต์


คริสตจักร

นิกายใหญ่ ของคริสต์ มี 3 นิกาย คือ....เริ่มแรก บรรพชน ของพวกเราก็รวมกันมาไม่ได้มีการแยกนิกายอะไร ต่อมา ศตวรรษที่ 11 มีความขัดแย้ง ระหว่างพระศาสนจักร(คริสตจักร)ตะวันออก และโรม
จึงแยก ตัวออกไป เกิดเป็นนิกายออธอดอคขึ้นมา

และ ต่อมา ในศตวรรษที่16 ในพระศาสนจักร ได้ประสบปัญหาต่างๆมากมาย ทั้งจากระบบ และความประพฤติของบรรดาบาทหลวง ทางอดีตบาทหลวงมาร์ติน ลูเธอร์ ยื่นประท้วง 95 ข้อ เพื่อขอให้แก้ไข แต่ไม่ได้รับการตอบสนองจากสมเด็จพระสันตะปาปา เลยถูกขับ และสั่งลงโทษ ( ยุคนั้น พระศาสนจักร มีอำนาจเหนืออาณาจักร ) และได้เกิดนิกายโปรแตสแตนท์ขึ้นมา

ดังนั้นสรุปนิกายใหญ่ๆของคริสตศาสนาได้ดังนี้

1.โรมันคาทอลิก

2.ออเทอดอกซ์ แยกออกไป เมื่อ ปี ค.ศ. 1054

3.โปรเตสแตนต์ แยกออกไป เมื่อ ปี 1517 โดยอดีตบาทหลวง มาร์ติน ลูเธอร์

++++++++++++++++++++++++++++++

โรมันคาทอลิก

มีพระสันตะปาปาเป็นประมุข โดยสืบทอดมาตั้งแต่สมัยอัครสาวกกลุ่มแรก โดยถือว่า นักบุญ เปโตร หรือ เซนต์ปีเตอร์ คือพระสันตะปาปาพระองค์แรก และสืบทอดมาถึงพระสันตะปาปาจอห์น ปอล ที่2 องค์ปัจจุบันเป็นองค์ที่264

ผู้นับถือคริสตศาสนาทุกนิกายทั่วโลก เรียกเป็นภาษาอังกฤษเหมือนกันว่า คริสเตียน แปลเป็นภาษาไทยคือคริสตชน แต่สำหรับประเทศไทยเรานั้น นิกายโรมันคาทอลิค ถูกนำเข้ามาก่อนสมัยพระนารายณ์มหาราชโดยบาดหลวงชาวโปรตุเกส ดังนั้นการออกเสียงคำว่า คริสเตียนในภาษาโปรตุเกส ออกเสียงว่า "คริสตัง" อย่างจีซัส ก็ออกเสียงว่า "เยซู" จึงทำให้คาทอลิคเรียกผู้นับถือศาสนาคริสต์นิกายคาทอลิคว่า คริสตัง ส่วนโปรแตสแตนท์เข้ามาสมัยหมดบลัดเลย์ซึ่งเป็นอเมริกา ดังนั้น โปรแตสแตนท์ไทยจึงเรียกตัวเองว่า คริสเตียน ตามแบบภาษาอังกฤษ สำเนียงอเมริกา แต่คำว่า"เยซู"ก็ใช้ตามที่คาทอลิคและคนไทยได้คุ้นเคยแล้ว

กลับมาที่ลักษณะของคาทอลิคต่อ

คาทอลิคนั้นจะมีนักบวช ที่เรียกว่า บาดหลวง หรือซิสเตอร์

คาทอลิคจะมีการให้เกียรติพระนางมารีย์ แม่ของพระเยซูเป็นพิเศษ เรียกพระนางว่า "แม่พระ" มาจากคำว่า มารดาของพระเจ้า

คาทอลิคจะมีการยกย่องวีรบุรุษ หรือวีรสตรีทางศาสนา หรือเรียกง่ายๆว่า บุคคลที่ดำเนินชีวิตตามแบบอย่างพระเยซูอย่างดีมากจนเรามั่นใจว่าเขาได้ไปสวรรค์แน่นอน(คล้ายๆกรณีพระอรหันต์ในศาสนาพุทธ) เราจะเรียกคนเหล่านี้ ว่าเป็น นักบุญ

ดังนั้นหากเปรียบให้เข้าใจง่าย เรามองว่าพระเยซูคือกษัตริย์ ส่วนแม่พระก็เป็นพระราชชนนี(แบบสมเด็จย่า) เหล่านักบุญก็เหมือนขุนนาง ที่ใกล้ชิดกษัตริย์

คาทอลิคมีความเชื่อว่า ในพิธีมิซซา(พิธีนมัสการพระเจ้าในวันอาทิตย์) เมื่อขนมปัง และเหล้าองุ่นถูกเสกในพิธี ก็คือเนื้อ และพระโลหิต เหมือนที่พระเยซูเจ้าทรงกระทำในอาหารค่ำมื้อสุดท้าย

โบสถ์คาทอลิคทุกแห่ง ถือเป็น1เดียวกัน ขึ้นตรงต่อกรุงวาติกัน และองค์พระสันตะปาปา ดังนั้น หากคุณเป็นคาทอลิค คุณสามารถไปวัดไหนก็ได้ที่ใกล้บ้าน สามารถเปลี่ยนวัดที่ไปได้ตามแต่สะดวก

+โปรแตสแตนต์+

โปรแตสแตนทต์นั้น หลังจากการแยกนิกายในสมัยมาตินลูเธอร์ หลังจากนั้นได้มีการแยกนิกายย่อยอีกหลานิกาย ดังนั้นโบสถ์หรือคริสตจักรต่างๆ จะไม่ได้ขึ้นกับวาติกันหรือพระสันตะปาปาแต่อย่างใด

แต่สำหรับในประเทศไทย โปรแตสแตน แบ่งเป็น 4 สายใหญ่ๆ คือสายสภาคริสตจักรในประเทศไทย สายสหกิจคริสตจักร และสายสหแบ๊บติสท์ และ เซเวนเดย์แอดเวนทิสท์ และนอกจากนั้นมีคริสตชนที่ไม่มีสังกัด เรียกตัวเองว่าคริสตจักรอิสระ

เท่าที่ทราบมานั้น โบสถ์ใน 4 สายหลักนี้ จะมีโยงใยถึงกัน และมีการตั้งที่เป็นระบบระเบียบ มีการควบคุมดูแลความสอดคล้องในหลักข้อความเชื่อให้ถูกต้อง แต่ในขณะเดียวกันก็มีคริสตจักรที่ไม่มีที่มาที่ไปที่ตั้งขึ้นเอง ซึ่งก็ต้องระมัดระวังในหลักความถูกต้องต่างๆด้วยตัวเอง ทั้งผู้สอนและผู้เชื่อ

โปรแตสแตนต์ ไม่มีนักบวช แต่มีผู้ถวายตัวรับใช้พระเจ้า เรียกว่า ศาสนจารย์ /ศิษยาภิบาล และผู้ประกาศ ซึ่งอาจแต่งงานหรือไม่แต่งงานก็ได้ การเรียกคำนำหน้าบุคคลเหล่านี้ จะเรียกว่า อาจารย์

โปรแตสแตนต์(โดยทั่วๆไป)จะไม่ให้ความสำคัญพิเศษกับพระนางมารีย์ หรือนักบุญ จะเน้นการเข้าถึงพระเยซูเจ้าโดยตรงด้วยตนเอง แต่สำหรับบางกลุ่มที่สนใจในเรื่องศาสนศาสตร์สตรี จะให้ความสำคัญกับพระนางมารีย์มากขึ้น ในฐานะแบบอย่างของสตรีคริสตชนที่ดี

สถานที่ประกอบกิจกรรมทางศาสนาของโปรแตสแตนต์เรียกว่าคริสตจักร ซึ่งคาทอลิคจะเรียกวัด

โดยทั่วไป เมื่อรับเชื่อที่โบสถ์ไหน ก็ต้องร่วมนมัสการที่โบสถ์นั้น

พิธีทางศาสนาในวันอาทิตย์เรียกว่าพิธีนมัสการ

 

อ้างอิงจาก http://www.newmana.com/yabb/index.php?board=2;action=display;threadid=503  

หมายเลขบันทึก: 89599เขียนเมื่อ 10 เมษายน 2007 20:30 น. ()แก้ไขเมื่อ 11 กุมภาพันธ์ 2012 18:08 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (7)

คุณโยมทีน่า....

ฟังว่า สมัยพระนารายณ์มีการสร้างเมืองละโว้ที่ลพบุรีตามแบบอย่างตะวันตก โดยมีวิศวกรฝรั่งเป็นที่ปรึกษา...

วิศวกรหรือนายช่างเหล่านี้หลายคนเป็นนักบวช ดังนั้น นอกจากเป็นที่ปรึกษาสร้างเมือง ป้อมปราการแล้ว ก็สอนศาสนาไปด้วย....

นายช่างนักบวชที่สอนศาสนาเหล่านี้ ชาวบ้านเรียกกันว่า บาหลวง ...

บา แปลว่า ครู อาจารย์

หลวง แปลว่า ใหญ่ หรือทางราชการ

ดังนั้น บาหลวง ก็คือ ครูใหญ่ อาจารย์ใหญ่ หรือครูอาจารย์ที่ทางราชการส่งมา

แต่ ด้วยอำนาจการออกเสียงท้องถิ่น คำว่า บาหลวง จึงเพี้ยนไปเป็น บาดหลวง

ต่อมา บาดหลวง เหล่านี้ หมายถึง นักบวช... ตามที่คุณโยมว่ามา

ทบทวนความจำ...หรือว่าเอามะพร้าวมาขายสวนก็ไม่ทราบได้

เจริญพร

  • ขอบคุณมากสำหรับความรู้เรื่องประวัติศาสนาคริสต์
  • มิติอีกอย่างหนึ่งคือความเชื่อศรัทธาในพระเป็นเจ้าซึ่งเป็นพระวิญญาณ(พระจิต)เป็นสิ่งสำคัญสูงสุด
  • โปสเตสแตนส์เข้าสู่ไทยในปี ค.ศ.1828
  • น่าสนใจตรงศาสนสัมพันธ์นะครับ

โอกาสหน้าจะนำข้อมูลจากหนังสือพุทธธรรมคริสตธรรมของท่านพุทธทาสมาแบ่งปันค่ะ

ขอบคุณสำหรับความคิดเห็นของทั้ง 2 ท่านค่ะ 

มีประโยชน์มากค่ะ

ลองค้น internet ดูด้วยความสงสัย พบว่า Church of Scientology และ Christ Church ของ Anglican ก็มีในเมืองไทย แต่ไม่ทราบว่านับแยกออกเป็น นิกายที่ 4 และ 5 รึเปล่าค่ะ หรือ ถือว่าเป็น คริสตจักรอิสระ

 

Image Hosted by ProPhotoHost.com 

"Real Love are not for Love somebody, It for Everybody & Nobody”

 

รักไม่แบ่งแยกสีผิว เชื้อชาติ หรือศาสนา

 

ศาสนาของฉันนั้นคือรัก

ขอร่วมศึกษา แลกเปลี่ยนเรียนรู้ เพื่อความเข้าใจอันดีระหว่างศาสนา ด้วยความเคารพครับ

ธรรมะสวัสดีครับ

พระเนี่ย เล่นคอมได้ด้วยหรอครับ เห็นลงความเห็น ไม่ได้ปฏิบัติธรรมอย่างเดียวหรอกหรอครับ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท