ด้วยไม่มีอนุสนธิใด ๆ...จากใครเลย...
นอกจากการยอมรับนับถือพระอาจารย์ชัยวุธของกระผม... และภาวะการติดตรึงกับเรื่องสมบัติบ้าในวัดซีรี่ย์...ทำให้ผมพบเห็นอะไรก็สะกิดใจอยู่เนือง ๆ...55555
เมื่อวานผมติดตามขบวนรัฐมนตรีช่วยไปราชการที่จังหวัดตาก ที่เขาจัดเตรียมงานให้รัฐมนตรีเยี่ยมเยียนประชาชน...ได้เห็นรูปแบบและกระบวนการที่สามารถเขียนเป็นองค์ความรู้ได้ชุดนึงทีเดียว...แต่สิ่งที่ผมอยากบันทึกไว้วันนี้...เป็นการเตรียมจัดงานทั้งหมดที่ยอดเยี่ยมของชาวจังหวัดตาก...
และบุคคลต้นเรื่อง นายประพจน์ ศรีเทศ ผู้อำนวยการศาลจังหวัดตาก
พี่เป้ของผม...ที่ใครเคยคุยด้วยก็มักจะถามผมด้วยความหมั่นใส้ว่า...หมอนี่ใครกัน(วะ)...555 แล้วทุกคนก็เปลี่ยนท่าทีเมื่อผมอธิบายที่มาที่ไปของพี่ชายจอมซ่าของผมคนนี้...อิอิ
กลับมาถึงพิด"โลก ก่อนลงรถพี่เป้ก็แซวผมต่อหน้ารัฐมนตรีช่วยตลอดทาง...ผมเลยบอกว่า...พี่เป้น่าจะเป็นผู้อำนวยการศาลพระภูมิมากกว่านะ...เลยเป็นที่มาของเรื่องนี้ครับ....
ช่วงเวลาหลายปีที่ผ่านมาปากทางเข้าถนนดำริพัฒนา(บ้านผม) มีต้นโพธิ์อยู่ต้นหนึ่ง...นับวันก็สูงใหญ่ขึ้น พร้อม ๆ กับการตายของผู้คนที่เกิดอุบัติเหตุบริเวณโค้งวัดจันทร์และยูเทิร์นบริเวณนั้น...นับแล้วก็หลายสิบชีวิตที่ต้องสิงสถิตย์วิญญาณอยู่บริเวณนั้น...
เมื่อ 15 ปีที่แล้ว...ที่ผมย้ายมาอยู่แถวนี้...ถือได้ว่ายามค่ำคืนเดินผ่านต้นโพธิ์ต้นนี้แล้วชวนให้ขนลุกซู่จริง ๆ เลยครับ... จนกระทั่งให้หลังมาอีก 5 ปี...ก็เริ่มมีคนเอาศาลพระภูมิเก่ามาทิ้งใต้ต้นโพธิ์ต้นนี้...แล้วก็เอามาทิ้งตามกันจนขยะศาลพระภูมิกองโตลามเลยไปเข้าเขตถนน...
ความเกะกะขัดข้องรำคาญของคนที่นี่...กับความเชื่อที่ไม่มีใครกล้าลบหลู่(ผมเคยไปเก็บใบโพธิ์มาทดลองงานให้ลูกก็ยังรู้สึกกับบรรยากาศอยู่เลย)...ทำให้เหตุการณ์นั้นคาราคาซังมานาน...(จะโทษว่าเทศบาลของอาจารย์หมอสุธีของผมก็มิได้...เนื่องจากถนนเส้นนี้เป็นถนนกั้นระหว่างเขตเทศบาลกับ อบต.บ้านคลอง...และต้นโพธิ์กันดันไปอยู่ฝั่งอบต.บ้านคลองเสียด้วย...55555)
และแล้ววันหนึ่งผมก็เห็นภาพที่ศาลพระภูมิเก่านับร้อยที่หายไป เหลือเพียงศาลพระภูมิสภาพดี 2 หลังดังภาพ(บังต้นโพธิ์ 1 หลัง)...
เกิดอะไรขึ้นกับสมบัติบ้านอกวัดพวกนี้..ผมไม่เข้าใจ...และไม่ได้ติดตามว่าใครจัดการกับเรื่องนี้....
แต่สิ่งหนึ่งที่ผมทึ่งกับคนที่จัดการเรื่องนี้ได้อย่างสงบราบคาบ...เรื่องความเชื่อ...เป็นเรื่องเหลือเชื่อ...ที่ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ...และคนที่มีความเชื่อ...จึงจะสามารถจัดการกับความเชื่อได้...
กลยุทธ์เกลือจิ้มเกลือ...ใช้ความเชื่อจัดการกับความเชื่อ...เป็นบทเรียน...เป็นข้อคิดที่ผมเล่าสรุปให้คนบนรถฟัง...
ผมขยายภาพป้ายที่ติดใต้ต้นโพธิ์ให้ชัดขึ้นดังนี้ครับ...
ขอชื่นชมนักกลยุทธ์ผู้นั้น...ที่ผมไม่ทราบว่าเป็นใครครับ...
ท่านเลขาฯ..........
สำนวนนี้เยี่ยม...
แต่เอามาเอามาใช้ในวัดคงจะไม่ได้... เพราะผู้ใช้อาจมีอันเป็นไปก่อนป้าย...............
แต่จะจำไว้ เผื่อมีใครมาปรึกษาประเด็นนี้...
เจริญพร
น้องเม้ง...ตรงนั้นเป็นหัวมุมถนน...แปลกจริง ๆ ฝั่งตรงข้ามเป็นรั้วบ้านทลทางหลวงฟาร์มเลี้ยงสุนัขพันธ์บางแก้วขาย...ถมที่ดินซะสูงที่สุด(ในพิด"โลกเลยมั้ง...555)แถมยังทำรั้วสูงริ่ว...แสงไฟไม่มีสิทธิ์ส่องมาที่ต้นโพธิ์เลย...ไฟจากถนนสายหลัก(พิด"โลก-คอนหวัน)ก็ไม่สามารถสาดส่องทะลุผ่านใบโพธิ์ที่หนาแน่น...ภาพที่พี่ถ่ายมาตอน 8.30 น. เลยดูไม่น่ากลัวเหมือนพี่เล่า...
เสียดายไม่มีภาพถ่ายขณะที่มีซากศาลพระภูมิ...เยอะมากและสร้างบรรยากาศน่ากลัวสำหรับคนขวัญอ่อนไม่น้อยทีเดียว...555
ก็นานเป็นเดือนแล้ว...ไม่มีใครเอาซากศาลพระภูมิมาทิ้งอีกแล้ว...แต่กำลังมีผ้าแดง-ผ้าเขียว-ผ้าขาว ดังภาพ...พี่จะรอดูต่อไปว่าจะมีผ้ามากขึ้นจนเขาต้องเขียนว่าใครเอาผ้ามาพันต้นโพธิ์.....555555
อาจารย์ครับ...ตอนนี้กำลังมีผ้าแดง-ผ้าเขียว-ผ้าขาว ทะยอยมาพันที่ต้นโพธิ์แล้วครับ...อาจารย์มีมุขเด็ด ๆ ป่าวคับ...ผมจะช่วยบอกเขา...555
คิดว่าเอาผ้ามาพันต้นโพธิ์คงบ่เป็นหยัง...ไม่ได้สร้างปัญหากับการสัญจรบนถนน...กลัวอย่างเดียว...ดึก ๆ จะมีคนมาขูดต้นโพธิ์กันซะมากกว่า...55555
แต่เอามาใช้ในวัดคงจะไม่ได้... เพราะผู้ใช้อาจมีอันเป็นไปก่อนป้าย...............
จริงหรือครับพระอาจารย์...แสดงว่าวัดนี่มีสิ่งศักดิ์สิทธิ์...
ที่แรกผมก็กังวลว่าเขาจะเอาสมบัติบ้าพวกนี้ไปทิ้งที่ไหน(ก็มีเป็นร้อย)...ยังนึกข้องใจอยู่ว่าไม่มีทางเลือกให้เหล่าชาวพุทธที่เชื่อพราห์ม...
เห็นทีว่าผมต้องไปติดป้ายเพิ่มให้เขาว่า...เอาศาลพระภูมิไปทิ้งที่วัดดีกว่าครับ...อิอิ
อาจเป็นได้นะน้องเม้ง...ถ้างั้นเดี๋ยวคงมาขอขมากันเป็นร้อยผืนแน่...ถ้ามีคนไปประกาศ....55555
น้องเม้งครับ...บันทึกต่อไปของพี่จะใช้งานน้องโดยตรง...ตามอนุสนธิที่น้องอยากช่วยพี่...อิอิ
สวัสดีครับ
อูย...ยังเจ็บไม่หายครับ
ธรรมะสวัสดีครับ
ถ้าเจ็บมากถึงขั้นป่วยก็ต้องใช้...สามภาณ...ซิครับ
ผม คิริมานนทสูตร จบแล้วครับ...คนอ่านเยี่ยมมาก...
มาที่นี่เลยน้องรัก...วิเคราะห์เส้นทางสี่แยกอินโดจีน
ท่านเลขาฯ เข้าใจผิด...
หมายความว่า เฉพาะข้อความว่า
..... ใครทิ้งให้มีอันเป็นไป ....
ไม่สามารถนำมาเขียนไว้ในวัดได้...
ตี่ต่างว่า พระ-เณร หรือสมภาร เอามาเขียนติดไว้ในวัด .. น่าจะถูกประท้วง จนต้องมีอันเป็นไปจากวัดนั้น... ประมาณนี้
เป็นความบกพร่องในการใช้ภาษาของอาตมาเอง ที่สื่อไม่ตรงวัตถุประสงค์...
เจริญพร
ขอทันสมัย เรียก ท่านเลขาฯ ตามท่าน BM.chaiwut บ้างดีกว่า ..เพราะเชื่อว่า เดินตามพระ .. น่าจะปลอดภัย
อาจารย์มีมุขเด็ด ๆ ป่าวคับ ?
รู้สึกจะมีนะครับแต่ดูจะ Tacit (ฝังลึก) มากไปหน่อย ฝังไว้นานแล้วครับ .. แล้วก็ไม่ค่อยได้ใช้ด้วย
แต่จะลองดูครับ เริ่มจากตรวจสอบข้อมูลก่อนว่าผ้าที่นิยมนำมาพันมีสีอะไรบ้าง แล้วก็จำแนกยาแก้เป็นสีๆไป ถ้ามีแค่ ผ้าแดง - ผ้าเขียว - ผ้าขาว ก็ ให้แยกเป็น 3 ข้อความ อาจอยู่บนป้ายเดียวกันก็ได้ ความว่า ..
ฟังแล้วมีสติขึ้นครับ...
สาธุ
อาจารย์ครับ...มุขกระจายแบบนี้...มีผลสองอย่าง...
1. เขากลัวกันทั้งบาง...
2. ตามหาคนทำแล้วรุมกระทืบ....55555555
ขอบใจที่เป็นห่วงครับ...
แต่เป็นเพราะไม่มั่นใจว่าคนจะยอมรับได้...หรืออาจจะประเมินว่าคนอื่นไม่สามารถเข้าใจเธอได้...
ผมจะยินดีมาก...หากเราช่วยกันเอาความคิดที่ซ่อนอยู่และมีพลังแฝงอันมหาศาลของเธอ...สร้างสรรค์โลกให้เป็นสุขต่อไป...
ครับ...เอาใช้เรื่องอื่นก็ได้ด้วยครับ...เช่น โค้งอัตรายบางแห่งผมเห็นเขาเขียนว่า...
ที่นี่มีวิญญาณมากพอแล้ว...เราไม่ต้อนรับวิญญาณเร่ร่อนของท่าน...กรุณาอย่ามาตายโหงที่นี่...
555555555555......แสบที่สุด
ที่นี่มีวิญญาณมากพอแล้ว...เราไม่ต้อนรับวิญญาณเร่ร่อนของท่าน...กรุณาอย่ามาตายโหงที่นี่...
ใครด่าขอให้มีอันเป็นไป
ขอให้แม่มันขายตูด
พ่อมันมีเมียน้อย
ไอ้สัตว์
น้องไอ้สัตว์ครับ...
ครั้งแรกป้ายถูกย้ายจากต้นมาอยู่ที่กิ่งใหญ่ด้านข้าง...
ตอนนี้ป้ายถูกใครไปทำหล่นลงมาคว่ำหน้าอยู่กับพื้นอีกต่างหาก...ไม่รู้ว่าเป็นการกระทำของน้องหรือปล่าว...555