การอิงระบบจึงน่าจะเป็นทุนที่ดีอีกแขนงหนึ่งที่พวกเราควรมาช่วยกันสร้างและใช้ในหน่วยงาน
วันนี้มีภารกิจหลายเรื่อง ทั้งที่โรงเรียนและที่สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา สุดท้ายรอบค่ำเลยแวะไปหาท่านครูบาสุทธินันท์ ปรัชญพฤทธิ์ ที่สวนป่ามหาชีวาลัย ก็ไม่มีภารกิจอะไรเป็นพิเศษ เพียงแต่ถือว่าเป็นการแวะไปตั้งวง KM เล็กๆตามประสาครูกับลูกศิษย์ จนถือว่าเป็นกิจวัตรประจำสัปดาห์ของผมมานานพอสมควรแล้ว
ครูบาเริ่มต้นด้วยการถามไถ่สารทุกข์สุขดิบของครูและเด็กๆที่เม็กดำ ด้วยความห่วงใยที่ท่านมีต่อครูและเด็กๆ จากนั้นคุยกันต่อหลายเรื่อง ได้เวลาอันสมควรก็ลากลับ ขับรถกลับบ้านคนเดียว แสงไฟ ความมืด ถนนหนทาง รวมถึงหลายอย่างที่เรามองไม่เห็น นึกถึงคำท่านบอกว่า การทำงานแบบอิงระบบ จะช่วยให้เกิดสิ่งดีๆตามมาหลายเรื่อง
ในแนวคิดผม คำว่า ระบบ โดยภาพรวมน่าจะหมายถึงขั้นตอนการทำงานแบบราชการ ที่มีลำดับชั้นการบังคับบัญชา มีโครงสร้างการบริหาร การปฏิบัติภารกิจใดๆต้องตามเส้นทางที่กำหนด ดังนั้นการทำงานแบบอิงระบบ ในแนวคิดผมมีลักษณะสำคัญ คือ
1. เป็นการลดขั้นตอนการทำงานตามโครงสร้างการบริหาร ให้ลดน้อยลงโดยความเข้าใจและถือปฏิบัติร่วมกันทั้งหน่วยงาน
2. เป็นการสร้างขอตกลงร่วมกันว่า กรณีใดที่ทุกคนในหน่วยงานสามารถดำเนินการได้ โดยไม่ถือว่าเป็นการข้ามสายการบังคับบัญชา
3. เป็นการอำนวยการให้เกิดความคล่องตัวในการทำงาน แบบกินก่อนผ่อนทีหลัง
4. เป็นการแสดงออกถึงเจตนาที่ดีของผู้บริหารหน่วยงาน ในการเสริมสร้างกำลังใจให้ทีมงาน
5. เป็นทางออกหนึ่งสำหรับท่านใดที่อยู่ในหน่วยงานที่เข้มแข็งมากในการรักษากฎระเบียบของทางราชการ
แนวคิดการทำงานแบบอิงระบบ ด้วยตัวผมเองได้ใช้เป็นประจำ เห็นว่าเป็นสิ่งที่มีประโยชน์ในเชิงการบริหารให้เกิดความคล่องตัว ทั้งนี้ในแต่ละหน่วยงานได้มีทุนของหน่วยงานมากมาย ไม่ว่าจะเป็นทุนเงิน ทุนคน และอื่นๆ การอิงระบบจึงน่าจะเป็นทุนที่ดีอีกแขนงหนึ่งที่พวกเราควรมาช่วยกันสร้างและใช้ในหน่วยงาน
ซึ่งสำหรับผมแล้วถือว่าแนวคิดนี้ เป็นการเอาทุนมาเพิ่มทุน ครับ