มน & นิ ลูกรัก
มีคนพูดหรือเขียนไว้มากมายแล้วว่า การอ่านมีประโยชน์อย่างไร พ่อจะขอเสริมด้วยตัวอย่างสักนิดหน่อย
“ระหว่างถูกจองจำ สิ่งที่คิมแดจุงได้ประโยชน์ที่สุดก็คือ การอ่านหนังสือ การถูกจองจำกลับเปิดโอกาสให้ผมเปิดหูเปิดตาความคิดความอ่านมากมาย”
ที่มา : สันติ ตั้งรพีพากร “อะเมซิ่ง คิมแดจุง”, สำนักพิมพ์มติชน, กรุงเทพ, 2543, หน้า 145
เรื่องนี้ทำให้พ่อคิดถึง สอ เสถบุตร ผู้เขียนพจนานุกรมไทย-อังกฤษ/อังกฤษ-ไทย ในขณะที่อยุ่เรือนจำที่เกาะตะรุเตา...เอาไว้จะเล่าให้ฟังทีหลัง
ยังมีอีกจุดหนึ่งที่น่าคิดก็คือ คุณ ส. พลายน้อย เขียนไว้ว่า "มีคนเคยถามผมว่าออกจากราชการแล้วเหงาไหม ผมก็ตอบเขาว่า ตลอดชีวิตที่ผ่านมาไม่เคยเหงา ผมมีเพื่อนเป็นหมื่นๆ ในบ้าน อยากจะคุยกับใครก็หยิบเอาออกมาอ่าน อยากรู้ประวัติของใครก็อ่านหนังสือประเภทชีวประวัติ อยากรู้เรื่องของพระสงฆ์ก็อ่านพระไตรปิฎก อยากรู้อดีตก็อ่านพงศาวดาร ฉะนั้นคำว่าเหงาจึงไม่มีในความรู้สึก"
(พ่อก็มีเพื่อนอยู่ในบ้านเยอะเหมือนกัน แต่คงแค่หลักพัน)
บันทึกที่เขียนถึงลูกๆ เป็นบันทึกที่ผู้เขียนๆด้วยความรัก ดิฉันจึงชอบอ่าน เพราะขณะที่อ่าน ดิฉันก็ได้รู้สึกถึงความรักความห่วงใยของพ่อแม่ที่มีต่อลูกน้อย
ดิฉันชอบเรื่องต่างๆที่อาจารย์เลือกมาเขียน เพราะเป็นประเด็นที่กระทบชีวิตคนอย่างสำคัญ ถึงแม้จะดูเป็นเรื่องธรรมดา แต่ก็ส่งผลต่อชีวิตได้ในสักวันหนึ่ง อ่านแล้วจึงอยากแสดงความเห็นต่อด้วยทุกที เพราะเป็นเรื่องที่ชอบทั้งนั้น
ดิฉันกำลังเสาะหาบทความและข้อเขียนดีๆที่เขียนเกี่ยวกับ "การอ่าน" อยู่ค่ะ และค่อยๆหาสะสมไป กำลังหาที่มีหลายๆมุมมอง จะได้ให้เด็กๆ(ปริญญาตรี) หัดอ่านหัดวิเคราะห์ แต่สิ่งที่ยากกว่าการหาบทความ คือการโน้มน้าวใจให้เด็กๆยอมอ่าน และอยากอ่าน
เด็กๆอีกหลายคน คงไม่เคยมีใครอ่านหนังสือให้ฟังก่อนนอน ดิฉันจะเล่าเรื่องที่อาจารย์อ่านหนังสือให้ลูกฟัง เพื่อว่าจะเป็นแรงบันดาลใจให้พวกเขาในวันหน้า :)
และด้วยว่าดิฉันสอนการเขียนในสายนิเทศศาสตร์ ดิฉันก็จะพยายามให้เด็กๆอ่านงานเขียนของท่านเจ้าคุณพระธรรมปิฏก โดยเฉพาะเรื่องใกล้ตัวพวกเขา เช่น วินัย...เรื่องใหญ่กว่าที่คิด, การศึกษาเพื่อสร้างบัณฑิตหรือการศึกษาเพื่อสร้างผลผลิต, ฯลฯ ด้วยความหวังว่าเขาจะได้เห็นอะไรบางอย่าง แบบที่ดิฉันสอนไม่ได้
รู้สึกว่าโชคดีเหลือเกินที่เกิดมาทันทั้งสองท่านนี้ คือท่านพุทธทาส และท่านพระธรรมปิฏก เพราะ "การอ่าน"หนังสือของท่านทำให้ค่อยๆเข้าใจพุทธศาสนามากขึ้น แล้วก็เห็นเป้าหมายปลายทางของการเป็นครูมากขึ้น หลังจากที่หลงงงๆอยู่ในทุ่งกว้างของอาจารย์อยู่พักใหญ่
ท่านพระธรรมปิฏกนำเสนอเนื้อหาพุทธศาสนาแบบที่ไม่ต้องปรากฏตัวตนของท่านอยู่เลย ดิฉันทึ่งจริงๆ ไม่ต้องมี in my opinion เลย มีแต่หลักธรรมล้วนๆที่สามารถยืดขยายหรือสรุปกระชับได้เข้ากับเรื่องนั้นๆ
ดิฉันบอกเด็กๆว่าพุทธธรรม เป็นหนังสือที่ชาวพุทธหรือผู้สนใจจำเป็นต้องหาไว้ประจำบ้าน เพราะมีข้อมูลสำหรับตอบคำถามที่สงสัยได้ นึกสงสัยจะได้เปิดอ่าน
ส่วนคุณพ่อดิฉันสงสัยหลายครั้งว่าเวลาเดินทางไปพักที่โรงแรม ในห้องมักมีไบเบิ้ลเล่มเล็กๆวางไว้ ทำไมไม่มีหนังสือธรรมะวางอยู่บ้าง
อ้าว...ดิฉันเลยเขียนยาวกว่าเรื่องที่อาจารย์เล่าเสียแล้วค่ะ ....!....
สวัสดีครับ อาจารย์ 'ดอกไม้ทะเล'
อาจารย์มีมุมมองที่ละเอียดและรอบด้านดีครับ ผมยังอยากอ่านต่อ ถ้าอาจารย์มีเวลา
เรื่องการอ่านนี่ ผมเคยคุยกับ คุณทนง โชตสรยุทธ์ ชื่อนี้คงไม่คุ้นนะครับ แต่ถ้าบอกว่ารู้จัก SE-ED ไหม เกือบทุกคนคงต้องร้องอ๋อว่าเป็นเครือข่ายร้านหนังสือที่ใหญ่ที่สุดในประเทศเรา
คุณทนงพูดไว้หลายเรื่อง เรื่องหนึ่งก็คือ วิจารณ์คำพูดที่ว่า "คนไทยไม่ชอบอ่านหนังสือ"
คุณทนงบอกว่าไม่จริง ที่ถูกแล้วน่าจะพูดว่า
"คนไทยหาหนังสือที่อยากจะอ่านไม่เจอ"
ต่างหาก
พูดง่ายๆ คือ
ข้อพิสูจน์ความเชื่อที่ว่านี้?
คุณทนงบอกว่า ด้วยความเชื่อว่าคนไทยอยากอ่าน จึงวางยุทธศาสตร์กระจายร้านหนังสือ (SE-ED) ให้กว้างขวาง โดยอิงกระแสการเติบโตของห้างสรรพสินค้าใหญ่ๆ เช่น Tesco-Lotus, คาร์ฟูร์, etc.
ส่วนเรื่องที่ว่า ห้างพวกนี้จะไปมีผลกระทบต่อร้านค้าปลีกของคนไทยอย่างไรนั้นเป็นอีกประเด็นหนึ่งครับ ตอนนี้กำลังคิดถึงเรื่องที่ว่า ทำอย่างไร คนไทยถึงจะได้มีโอกาสรหยิบจับ หรือเลือกซื้อหาหนังสือที่ตนเองต้องการอ่าน
การที่เครือข่ายร้าน SE-ED เติบโตขึ้นอย่างรวมเร็ว ก็เป็นหลักฐานที่หักล้างคำพูดที่ว่า คนไทยไม่ได้ไม่ชอบอ่านหนังสือ แต่ตรงกันข้าม หากมีหนังสือให้เลือก (ในราคาที่สมเหตุสมผล และไปมาได้สะดวก) ก็เพิ่มจำนวนการซื้อหา-การอ่านหนังสือได้ครับ
เรื่องนี้น่าคิดเหมือนกันนะครับ :-)
คุณ…..เป็นผู้ปกครอง?
ร่วมเป็นหนึ่งในงานสำรวจ ”พฤติกรรมการอ่านของผู้ปกครองไทย” เพื่อการพัฒนาที่ดีกว่าเดิมให้กับรุ่นลูกรุ่นหลานของเราในอนาคตกันเถอะครับ..!
http://www.thailandonearth.com/readingSurvey.php
Thank you very much for your kindly response.
นิค แฟร์ริแมน
อาจารย์ ม. มหิดลนานาชาติ (Mahidol University International College - MUIC)
อาจารย์คะ เคยถามน้องภู (ลูกชาย)ว่าลูกชอบอะไรเป็นอันดับหนึ่ง เอาอันเดียว
เขาตอบว่า "หนังสือสิแม่"
แม่..ดีใจเป็นครั้งที่สองหลังจากที่รู้ว่า ปาฏิหาริย์มีจริง
สวัสดีครับ คุณหมอ จริยา
ดีจังครับ น้องภูเข้าร้านเลือกหนังสือเองเลยหรือเปล่าครับ
ลูกสาวผมสองคน คนโตชอบอ่านหนังสือเอามากๆ ที่ผ่านมาอ่านการ์ตูนมากหลายร้อยเล่ม (!) จนเขียนการ์ตูนเป็นเรื่องออกมาเอง
ส่วนเจ้าคนเล็กนี่ไม่ชอบอ่านเท่าไร แต่จะอ่านเฉพาะที่ตัวเองสนใจครับ เขาจะชอบแนวต้องทำอะไรที่เป็นรูปธรรม อย่างพับกระดาษ หรืออย่างนี้เป็นต้น
จาก บ้นทึกนี้ ครับ