จะสร้างบล็อกใหม่เล่าเรื่องในวัด ก็รู้สึกว่าตอนนี้ บล็อกก็มีอยู่เก้าแล้ว และมีโครงการจะเพิ่มอีกบล็อกเรื่องศาสนพิธี...ก็เลยเปลี่ยนชื่อบล็อกนี้ จาก สมภารเจ้าวัด มาเป็น เรื่องเล่าจากในวัด ซึ่งจะเป็นเรื่องมโนสาเร่ทั่วๆ ไป ภายในวัด หรือเรื่องเกี่ยวกับกิจการพระศาสนาอื่นๆ เท่าที่สิ่งนั้นๆ มาประจวบเข้า...
ตอนนี้ ผู้เขียนกำลังรื้อกุฏิเก่าอยู่... กุฏิหลังนี้ เป็น กุฏิ ๒ ชั้น ครึ่งไม้ครึ่งปูน ทรุดโทรมเต็มที่แล้วตามกาลเวลา...จะซ่อมใหม่ก็คงจะไม่คุ้มเท่ากับรื้อทิ้งหรือสร้างใหม่...
กุฏีหลังนี้ ร้างมา ๒-๓ ปีแล้ว ผู้เขียนคิดจะรื้อมาตั้งแต่ปีที่แล้ว เพิ่งมาได้จังหวะเมื่ออาทิตย์ก่อนนี้เอง ...บอกท่านเจ้าอาวาสคำหนึ่งว่า จะรื้อกุฏิ ท่านพยักหน้า ก็มาชวนพระเณรรื้อ...(ผู้เขียนมิได้เป็นเจ้าอาวาส และมิได้มีตำแหน่งอะไรภายในวัด เพียงแต่อยู่วัดนี้มานาน ถ้าจะนับก็มีเพียงเจ้าอาวาสรูปเดียวที่อยู่ก่อนผู้เขียน)
ก่อนบวช ผู้เขียนเคยเรียนเทคนิค แผนกช่างก่อสร้าง เคยฝันว่า ต่อไปจะสร้างฆ้อนสร้างเลื่อย ช่วงไหนไม่ขี้เกียจก็แสวงหาความสุขสงบด้วยการหาอะไรทำไปในวัดเรื่อยๆ ...อันที่จริง ผู้เขียนก็ทำไม่ค่อยเป็น เพียงแต่เรียนมาหลายปี ก็อาจฝึกหัด สร้างความชำนาญได้ เมื่อจะต้องทำจริงๆ ..นึกถึงเพื่อนร่วมรุ่นก่อสร้างเมื่อยี่สิบกว่าปีก่อน หลายๆ คนก็ใช่ว่าจะเก่ง ...แต่คนที่ไม่เก่งในสมัยก่อน เดียวนี้มีบริษัทรับเหมาด้านก่อสร้าง... คนที่เก่งบางคน เดียวนี้ก็ได้ข่าวว่ายังคงเป็นช่างรับเหมาธรรมดาๆ เท่านั้น ...
บางคนรับราชการ ซึ่งเดียวนี้ก็มักจะค้างอยู่ที่ ซี 6 เกือบทั้งนั้น ทั้งๆ ที่ บางคนก็เรียนต่อไปถึง ป.โท บางคนก็ใช้เพียงวุฒิ ปวช. เท่านั้น...แต่ก็คง ซี 6 เหมือนกัน ..บางสิ่งบางอย่าง ที่คุยกัน ก็สะท้อนถึงข้อเท็จจริงของข้าราชการแบบไทยๆ ได้..
พวกที่ไม่ได้ใช้ความรู้ด้านก่อสร้างที่เรียนมา โดยไปทำงานอื่น ก็มีหลายส่วน เช่น บางคนก็ไปเป็นตำรวจ บางคนก็เปิดร้านอาหาร ขายข้าวแกง บางคนก็ไปเป็นไปรษณีย์ ...แตกต่างกันไป คงจะมีผู้เขียนรูปเดียว ที่มาอยู่วัด 5 5 5
ตอนบ่าย ถ้าไม่ไปสอนหนังสือ ก็ชวนพระเณรรื้อกุฏี...ค่ำๆ ถ้ามีศพก็ลงศาลาสวดศพ ..พอดึกหน่อยก็มาอยู่หน้าจอคอมฯ เขียนบล็อกตามที่ใจอยากจะเขียน...
แต่ตอนนี้ ต้องปิดเครื่อง ไปฉันเพลก่อน 5 5 5
คุณโยมลำดวน
ยินดีครับ...เรื่องจริง ยิ่งกว่านิยายครับ..
ผู้เคารพท่านหนึ่ง บอกอาตมาว่า การเรียนอย่างหนึ่ง การทำงานอย่างหนึ่ง การประสบความสำเร็จอย่างหนึ่ง บางครั้งสามสิ่งนี้อาจขัดแย้ง ไม่สอดคล้องกัน นั่นคือ...
คนเรียนเก่ง อาจทำงานไม่เป็น หรือทำงานเข้ากับเพื่อนไม่ได้ ...ก็ล้มเหลวในการทำงาน
คนทำงานเก่งและดีเด่น อาจไม่ได้รับการยอมรับจากผู้หลักผู้ใหญ่ หรือชีวิตครอบครัวอาจล้มเหลวก็ได้
การประสบความสำเร็จ ? ไม่แน่นอน ขึ้นอยู่กับความพอใจของแต่ละคนมากกว่า...
แต่สิ่งหนึ่งที่เห็นได้ สำหรับผู้สูงอายุ มีลูกหลานที่นำมาซึ่งความพูมใจ๑ มีฐานะไม่ขัดสน๑ และมีสุขภาพดี๑... ๓อย่างนี้ จัดได้ว่าเป็นความสำเร็จในชีวิตแน่นอน ครับ..
เจริญพร
อาจารย์ลำดวน
อาจารย์ถามปัญหาใหญ่เลย...
อาตมาทำวิทยานิพนธ์ด้านทฤษฎีจริยศาสตร์ร่วมสมัย ซึ่งปัจจุบัน มีปัญหาเชิงทฤษฎีอยุ่ระหว่าง
ทฤษฎีหลักการ ใช้กฎเข้าไปควบคุมพฤติกรรมของคน
ทฤษฎีคุณธรรม ใช้ตัวแทนทางศีลธรรมเป็นหลักในการเลียนแบบพฤติกรรม
สังคมไทยมี ครู พระ หมอ เป็นตัวแทนทางศีลธรรมในชีวิตจริง..
ถ้าอาจารย์สนใจประเด็นจริยธรรม ลองไปอ่าน เปรียบเทียบเกณฑ์ตัดสินจริยธรรมตะวันตกกับวิภัชชวาทในพุทธปรัชญา ๑ (มี ๒ ตอนจบ)บางทีอาจเกิดฉุกใจบางสิ่งบางอย่างก็ได้ หรือค่อยคุยต่ออีกครั้ง นะครับ
เจริญพร