เปิดโลก ๓ เกาะเสม็ด


ดิฉันต้องจารึกไว้ทีนี้ว่า คณะที่โรงพยาบาลขอนแก่น เจ้าหน้าที่ คุณหมอ พยาบาล ทำให้พวกเราอบอุ่นและซาบซึ้งเป็นอย่างยิ่งในการดูแลของโรงพยาบาลที่ฉับไว กระตือรือร้น และเป็นมิตร ขอได้รับคำขอบคุณอย่างสูงจากคณะชาวบ้านพลัดถิ่นแบบพวกเรา

.............
ปีนี้เราหาญไปไกล ถึงทะเล
งบประมาณมีเยอะหน่อย
อยากให้ชาวบ้านได้สบาย ๆ บ้าง เหมารถแอร์ให้เลย
น้องที่มาฝึกงานกลับไปสัมมนาช่วยดูสถานที่ที่เกาะเสม็ดให้
ตัวดิฉันเองยังอยู่ระหว่างดูแลตัวเองอย่างเคร่งครัด
..............

เราออกเดินกันตั้งแต่ตีสาม
ชาวบ้านมานอนรอที่สำนักงาน นึ่งข้าวเหนียว ทอดหมูเป็นอาหารเช้า กับแจ่วที่แม่แก้วจะทำมาเผื่อเพื่อน ๆ

ถึงที่หมาย สวนวนเกษตรผู้ใหญ่วิบูลย์ ก็เป็นเวลา ๕ โมงเย็นแล้ว
สวนของท่านเป็นป่าสมบูรณ์แบบ มีอาคารไม้ไผ่อยู่กลางป่า เป็นที่พักแรมของผู้ไปดูงานทั้งหลาย
คุณจี๋และน้ามีดั้นด้นมาจากกรุงเทพเพื่อจะได้เห็นหน้ากัน ได้กอดกัน
ฟังผู้ใหญ่วิบูลย์แล้ว จึงได้กินข้าวเย็น สำหรับดิฉันก็เป็นข้าวกล้องกับผักสดและงา

......ผมติดใจสวนพ่อวิบูลย์ เข้าไปในสวนพ่อวิบุลย์ จั๊กแหม่นหยังเย็นจ้อย ๆ หวา มีทุกสิ่งทุกอย่าง เห็ดก็มี สมุนไพรก็มี (บุญสวน ).....

คืนนั้นพากันนอนเต็มลาน ชานเรือนไม้ใผ่ ไม่มีใครเข้าไปนอนในห้อง สายมุ้งก่ายเกย สอดไปมา มุ้งกางติดกันเป็นแพ เหมือนชีวิตของพวกเราที่โยงใย พัวพันใกล้ชิดกัน ...ท่ามกลางความสงัดของกลางคืน เสียงสัตว์เล็กสัตว์น้อยกรีดเสียงกันระงม เบิกบานใจ เย็นฉ่ำจากต้นไม้หายใจ

ต้องได้กำชับกันหลังสวดมนต์ สี่ทุ่มแล้ว ขอให้หยุดคุยกันจะได้พักผ่อนเต็มที่ ต้องเดินทางต่อ ส่วนตอนเช้ามืดใครตื่นก่อนห้ามคุยกัน ให้ทำธุระของตนเองไป หรือถ้าจะคุยต้องไปไกลจากจุดที่พักผ่อน

ไม่รู้ทำไมเวลาฟังผู้รู้เล่าประสบการณ์ ที่ต้องนั่งนิ่งฟัง ก็มักจะง่วงงุนงง ง่วงจริง ๆ  จัง  ๆ แต่พอท่านพูดเตรียมจะจบ หูตาสว่างสดชื่นขึ้นมาเชียว....ตัวเรามันเล่นตลกกับตัวเอง

มีคนแนะนำเราว่า ใช้เวลากับพ่อผู้ใหญ่วิบูลย์น้อยไปหน่อย
ควรเป็นหนึ่งวันเต็ม กับหนึ่งคืน
แต่ดิฉันคิดว่า เปิดให้ชาวบ้านได้ใช้อายาตนะเต็มที่สัมผัสสวนของพ่อ ได้นอนฟังเสียงกบ เขียดที่ชาวบ้านนึกว่านอนในป่า ได้เห็นตัวพ่อผู้ใหญ่ และได้ฟังคำพูดของท่าน ที่เหลือให้ชาวบ้านได้ไปคิดต่อ ให้เป็นเนื้อตัวของเขาเอง ข้อมูลมันเยอะท่วมโลกอยู่แล้ว เราต้องพยายามจัดให้คนได้คิดด้วยตนเอง หาทางเอาเอง .... การจากบ้านนาน ๆ ในต่างถิ่นนั้น จะทำให้พวกเขากระวนกระวายคิดถึงสวน คิดถึงควาย คิดถึงพ่อบ้าน แม่บ้าน .......ดิฉันแก้ตัว ดิฉันไม่อยากทำตามคนอื่นบอก

เช้าตรู่หลังจากแห่ขบวนมอบ ครก เครื่องปั้น เสื่อ หมอนมอบให้พ่อแล้ว เรามุ่งสู่เกาะเสม็ด......

รู้สึกกลิ่นไอเค็ม ต้นไม้ที่เขียวชะอุ่ม ชุ่มชื่น บางจุดก็มองเห็น ...ทะเล้..ทะเล....โน่นแน่ะ

ลาวพลัดถิ่นทั้งหลายหอบขนสัมภาระพะรุงพะรัง หอบเสื่อ กระเป๋า(ถุงปุ๋ย) มะละกอ ครก เครื่องสัมตำ กล้วยเป็นเครือ พิณ แคน กลอง แห่กันเป็นขบวนแถวเรียงหนึ่งลงเรือ ดิฉันดีใจที่ได้นุ่งผ้าถุง เดินรวมอยู่ในผ้าถุงทั้งหลาย เราได้ใส่เสื้อผ้าของเรา อวดในต่างถิ่น คนแถวนั้นแตกตื่น มันคล้าย ๆ กับการอพยพแรงงานชุดใหญ่ แต่บรรยากาศมันไม่เหมือนมันตื่น ๆ แปลกใหม่ ตื่นตา ตื่นใจ
มีลาวอยู่แถวนั้นทักกันวุ่น
หมวดเจ้า สิไปไส
สิไปยึดเกาะเสม็ด ไปนำกันบ่???   บุญสวนตอบ

ชาวบ้านตื่นเต้นและกลัวทะเล ด้วยค่าที่มันใหญ่ เวิ้งว้างเหลือที่จะจินตนาการได้

ไปดูปะการังเป็นอันดับแรกที่ทะเล ดิฉันผลักดันให้ทุกคนได้ลองไปดำน้ำดู แม้แต่คนที่ว่ายน้ำไม่เป็น ภรรยาดาบเชียรถูกดิฉันคะยั้นคะยอ ให้ใส่ชูชีพ ตอนลงน้ำนี่ซิ คนว่ายไม่เป็นทำท่าเหมือนจะหลุดออกมาจากชูชีพเพื่อมาจมน้ำด้วยความกลัวนั้น เธอหวีดร้อง โวยวาย และคว้าคอแสงเดช ผู้ลอยตัวอยู่ใกล้ ๆ  รัดคอแน่น .......ด้วยความช่วยเหลือกันและกัน เธอได้ดูปะการังเหมือนเพื่อนคนอื่น

อีกรายอุ้ยริน ใส่แว่นตากันน้ำเท่ นั่งเรือมาดี ๆ ก็หงายหลังลงจากเรืออย่างนิ่ม ๆ  ดิฉันใจหายวาบ คิดว่าแกหล่นจากเรือ ที่ไหนได้  เพื่อน ๆ บอกว่า อุ๊ยรินมาหาลูกชายที่พัทยา เล่นน้ำทะเลเป็นประจำ

ดูปะการังแล้วก็เดินป่าบนเกาะเล็ก ๆ นั้น จึงได้ตั้งวงตำหมากฮุ่งกัน ตำแจกจ่ายผุ้คนแถวนั้น แถมมีหมากสีดา ( ฝรั่ง ) สองหน่อมาร่วมวงชิมกับเรา หมากสีดาส่งภาษาของเขา พวกเราก็เว้าลาวของเรา รู้เรื่องบ้างไม่รู้บ้าง ชิมแล้ว เธอก็แลบลิ้นออกมาพัด  แล้วเธอก็ชิมอีก

คืนนั้นเรารำวงชายหาดกัน สนุก มีคนแถวนั้นมาร่วมสนุกด้วยหลายคน

ขากลับนี่สิ  ทยอยพากันท้องเสีย ท้องร่วง จอดทุกปั๊ม ที่ผ่าน บางทีก็จอดข้างทางเลย กลั้นไม่อยู่ ดิฉันพยายามบอกเขาว่าไม่ต้องกลั้น ถ้าปวดก็จอดรถ และห้ามกินยาให้หยุดถ่าย ไม่เป็นอันตราย ให้กินน้ำเกลือตลอด ดิฉันหันกลับไปมอง แต่ละคนหน้าเหลือสองนิ้ว ท้องเสียกันมากกว่าครึ่งหนึ่งของคนทั้งหมด ดีที่ทีมดนตรีทั้งหมดไม่เป็นไร สร้างเสียงเพลงได้ตลอดทาง

ท้ายที่สุด แม่บรรเทา เมื่ออีกประมาณ ๑๖  กม.ถึงขอนแก่น เธอผุดลุกคน หน้าซีดขาว แล้วทรุดฮวบลงเบาะที่นั่ง พากันหอบอุ้มกันลงมาจากรถมาวางแผ่หลาไว้ข้างถนนแล้วพ่อด่อนทำหน้าที่เป่าด้วยน้ำ มีมนต์คาถาด้วย ดิฉันตกใจแต่ไม่แสดงออก ตอนนั้นแม่มือเย็น เท้าเย็นแล้ว ก็พากันนวดกัน  พักใหญ่ ๆ  รถพยาบาลถึงมารับ 

ถึงรพ. ขอนแก่นก็ทยอยไปหาหมอ ครู่หนึ่งก็มีเสียงประกาศ ใครที่ท้องเสียมากจากทะเลบ้าง มีกี่คน ให้มาพบหมอพร้อมกันเลย ดูจากใบเสร็จร่วม ๓๐ กว่าคน คุณหมอบอกว่า เป็นลำไส้ติดเชื้อ เนื่องจากการไม่ถ่ายระบายออก ห้ามกินยาหยุดถ่าย  ส่วนแม่บรรเทาเป็นหนักกว่าเพื่อนได้ฉีดยา และนอนพักดูอาการประมาณชั่วโมงจึงได้เคลื่อนที่กัน ซึ่งตอนนั้นก็เกือบเที่ยงคืนแล้ว

ดิฉันต้องจารึกไว้ทีนี้ว่า คณะที่โรงพยาบาลขอนแก่น เจ้าหน้าที่ คุณหมอ พยาบาล ทำให้พวกเราอบอุ่นและซาบซึ้งเป็นอย่างยิ่งในการดูแลของโรงพยาบาลที่ฉับไว กระตือรือร้น และเป็นมิตร ขอได้รับคำขอบคุณอย่างสูงจากคณะชาวบ้านพลัดถิ่นแบบพวกเรา

เราถึงนครพนมตีสี่กว่า ๆ   นอนหมดแรงกันหลายคน..

  ชาวบ้านกลัวท้องร่วง ท้องเสีย หากเกิดขึ้นต้องหาทางหยุด กลัวจะช๊อคตาย บอกอย่างไรก็ไม่เชื่อว่า ปล่อยให้ท้องเสียไปเลย ไม่ต้องทำอะไร เพียงแต่กินน้ำเกลือไว้
  ไม่ไปอีกแล้วทะเล
  เข็ดแล้วรถแอร์ หายใจไม่สะดวก เมาแอร์ คราวหน้าขอรถแดงเด้อ หัวหน้า
  ขอรถที่มีเครื่องเสียงดี ๆ หน่อย เล่นไม่จุใจ
  ........

สายเกือบแปดโมงเช้า จึงพากันแยกย้ายกลับหมด เหลือความเงียบและเศษข้าวของ รอยเท้าทิ้งไว้ รวมทั้งถ่ายก้อนโตในโถชักโครก .... คงปวดมาก ไปส้วมราดน้ำไม่ทัน เลยใช้ชักโครก แล้วไม่รู้จะล้างอย่างไร เลยทิ้งอย่างนั้นและปิดฝาชักโครกเสีย ....ดิฉันก็เลยได้จัดการให้ และหัวเราะหึ หึ อยู่คนเดียว คนคนนั้นก็คงคิดขอโทษขอโพยดิฉันเหมือนกัน  .... ก็มันไม่มีทางเลือกจริง ๆ  นี่นา หัวหน้า...

 

 

 

 

 

คำสำคัญ (Tags): #เปิดโอกาส
หมายเลขบันทึก: 75365เขียนเมื่อ 30 มกราคม 2007 21:18 น. ()แก้ไขเมื่อ 11 กุมภาพันธ์ 2012 17:12 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (2)

สนุกสนาน บานตะไท ดีใจกับชาวบ้านด้วยค่ะที่ได้ไปเปิดโลก เย้

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท