ผลสำรวจ ยิงลูกโทษ ถ้ายิงเพื่อห้ามแพ้จะไม่ค่อยเข้า


นกเรียน นักศึกษา ลูกน้องในที่ทำงาน ก็ไม่เคยเตรียมตัวด้านสติ

วันนี้ อ่านข่าว จาก นสพ Star soccer รายวัน  30 มค 50  หน้า 33

ผลสำรวจเผยว่า  ในการเตะลูกโทษ ที่ส่งผลต่อการแข่งขัน ชี้ชะตา

  • โอกาสเข้า แค่ 53%  ถ้า  ต้องยิงเพื่อไม่ให้ทีมแพ้
  • โอกาสเข้าตั้ง 90 % ถ้า ต้องยิงแล้ว ชนะ

สำรวจจากปี 1976 - 2004   ในบอลโลก และ บอลยูโร (ชิงแชมป์ยุโรป)

ดร.  ไกร์  กล่าวว่า " นักเตะไม่มีการเตรียมตัวด้านจิตวิทยา"

*******************************************************

ผมอ่านผลวิจัยนี้ แล้ว ย้อนมาดู  ได้ ข้อคิดเล่นๆ ดังนี้

  • นักเรียน นักศึกษา  ของไทย  เรียนมาแบบ ไม่มีการเตรียมจิตวิทยาเชิงปฏิบัติเช่นกัน    ดังนั้น เมื่อไปทำงาน  ไปเลี้ยงครอบครัวของตน มีลูก  ฯลฯ  ก็ขาดการยับยั้งชั่งใจ  ไม่พอเพียง    ใช้อารมณ์  ตกเป็นเหยื่อบริโภคนิยม เพราะ มีภูมิคุ้มกันน้อย       
  • ผมไม่แน่ใจว่า    ถ้าเด็ก มอหก  โดนกดดันว่า ถ้า เอ็น ฯ ไม่ติด   พ่อแม่จะเสียใจ   เท่ากับ ไป "กดดัน" เด็ก จนพลาดได้     แต่ กลับกัน  ถ้าเอ็นฯ ติด  จะ เจ๋งมาก  เพราะ ไม่ชัวร์ว่าจะติดตั้งแต่ต้น
  • ผมว่า จิตวิทยา  ที่ดี คือ การฝึกสติ    การเข้าใจเรื่องของวิปัสสนากรรมฐาน 
  • ในองค์กร ก็เช่นกัน  ถ้า เจ้านายกดดันลูกน้องมากๆ  ผมว่า ฟอร์มตกได้เหมือนกัน
  • ผมชื่นชม  ที่ฝรั่งเขาเป็น นักเรียนรู้จริงๆ   เขาทำวิจัยเชิงจิตวิทยาเยอะมาก  เผยแผ่ ให้อ่านบ่อยๆ    ส่วนงานวิจัยทางจิตวิทยาของไทย --->  ผมด้อยโอกาสที่จะได้อ่านจริงๆ  ใครมีเว็ป link ให้ด้วยก็ดีครับ 
  • อยากเห็น งานวิจัย เชิงจิตวทยา เชิงพฤติกรรม   ในองค์กร  ในสถานศึกษา  ในห้องเรียน  ในชุมชน   มากๆๆ   มากกว่า ข่าว สาร ไร้สาระ  ในสื่อต่างๆ  
  • นักกีฬาไทย แข่งในบ้าน จะเล่นดี   แต่ มักจะแย่เมื่อแข่งนอกบ้าน    
  • ผมเชื่อเสมอว่า  "กำลังสติ  สำคัญกว่ากำลังใจ   แต่  ในเบื้องต้น ก็ต้องมี กำลังใจ เอาไปสร้างกำลังสติ"
  • อื่นๆ

 

 

คำสำคัญ (Tags): #จิตวิทยา#วิจัย
หมายเลขบันทึก: 75166เขียนเมื่อ 29 มกราคม 2007 21:37 น. ()แก้ไขเมื่อ 11 กุมภาพันธ์ 2012 17:12 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (3)
  • จำคำสอนอาจารย์ได้เสมอค่ะ
  • สติเกิด--ปัญญาเกิด
  • ด้วยความเคารพค่ะ

ผมก็ใช้กับลูกๆผมในการเรียน แต่คนอื่นไม่เข้าใจหลักนี้ ก็เลยมีผลแบบปนๆกันครับ

ก็เลยมีเครียดบ้าง และผมจะคอยใช้หลักของผมในการอธิบาย และให้กำลังใจครับ

ผมเคยใช้หลักนี้  ในการเป็นโค๊ชให้ "น้องนักเรียนคนหนึ่ง" ที่ผมไม่เคยรู้จักและไม่เคยเห็นหน้า  ในการสอบเอนทรานซ์เมื่อฤดูกาลที่ผ่านมา  ได้ผลครับ  ส่วนหนึ่งมาจากความพร้อมทาง "สมอง" ที่น้องเขาเตรียมตัวมาตลอดอยู่แล้ว  ผมเพียงแต่ใส่ความพร้อมทางด้าน "จิตใจ" ให้น้องเขาไป

ผลที่ออกมา  น้องเขาก็ไม่เคยคิดอยู่ในหัวเลยว่า  จะเอนท์ติดในสถาบันที่ไม่คิดไม่ฝัน

คนส่วนใหญ่ (93% ของประชากรโลก) โฟกัสแต่ปัญหาครับ  ที่คืออุปสรรคที่ขัดขวางศักยภาพของมนุษย์  แต่ก็ยังดีที่มีคนไทยตั้ง 1% ที่มองไปที่แสงสว่างแทนการมองหาแต่ความมืด

มนุษย์เราถูกโปรแกรมให้มองแต่ในความมืดตั้งแต่มนุษย์เกิดมาบนโลกครับ  คงต้องใช้ความพยายามกันให้หนัก  เพื่อเปลี่ยนให้มนุษย์ "เลิกจ้องแต่ผนังถ้ำ" เสียที  ก่อนอื่นต้องบอกเขาทราบเสียก่อนว่า  ที่เขามองอยู่หนะมันเป็นผนังถ้ำนะ  ไม่ใช่ปากถ้ำ  แม้มันจะเหมือนกันราวกับภาพถ่ายก็ตาม  แต่ก็นั่นแหละ  แทนที่เขาจะหยิบไปพิจารณา  เขากลับตัดสินผู้ว่า "มีแต่คนวิกลจริตเท่านั้นที่แนะนำเขาเช่นนี้"  แถมยังขู่อีกว่า  "ขืนพูดอีก  เดี๋ยวจับไปเผาทั้งเป็น" เหตุการณ์เช่นนี้  เคยเกิดมาแล้ว  และจะเกิดขึ้นเรื่อย ๆ กับผู้ที่พยายาม "เคลื่อนย้ายกระบวนทัศน์" ของมนุษย์  ใช่ใครครับท่านอริยชน?
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท