เมื่อวานดิฉันไปร่วมกับคณะชาวบ้านของเรา กลุ่มชะโนดโนนทัน ทำแผนงานของกลุ่มเสนอ อบต. ที่จริงกลุ่มนี้เคยคุยเรื่องการทำแผนมาแล้วหลายรอบ แต่คราวนี้เป็นการทำแผนจริงจังครั้งแรกของกลุ่ม โดยมีโจทย์ของจริง ซึ่งก็ช่วยให้การทำแผนไม่ยากมากนักในเชิงเนื้อหาเพราะงานที่พวกเราทำก็ของจริงเช่นกัน แต่ที่เป็นปัญหาเป็นเรื่องทักษะการใช้มือ ความคุ้นเคยกับการเขียน
ดิฉันกับอาจารย์ทนายทำโครงของแผนไว้ แล้วช่วยกันดึงเนื้อหาทุกหัวข้อจากตัวชาวบ้านเอาไปใส่ในโครงที่เตรียมไว้
สิ่งที่เกิดขึ้นระหว่างการทำแผนคือ การคุยของชาวบ้านจะกลับไปกลับมาตลอด ซึ่งต้องปล่อยให้ไปบ้าง ดึงกลับมาบ้างตามโอกาส
พอคุยถึงเรื่อง ปลูกไม้เสริมในไร่นาตามแผน ก็จะปรารภต่อเนื่องไปเรื่อย ๆ
พ่อยอด คนไปเก็บหมากผลในที่ของเราก็เหลือเกิน เอาไปกิน ไม่บอกเราซักคำ ถ้าบอกเราหน่อย เราก็จะได้ดีใจ ว่า สิ่งของที่เราปลูก คนอื่นก็ได้กินด้วย นี่เล่นมาเอาไปเลย แต่ว่าก็ไม่หยุดปลูกหรอก ปลูกไปเรื่อยนั่นแหละ
พ่อบอน พวกเขาไม่อยากปลูก มัวแต่ไปหาเงิน
แม่เหวยเปรยเสริม เขาจะทำได้อย่างไร พวกเขายังไม่ตื่น
ครั้นพอซักไซ้กันถึงกิจกรรมที่จะทำ ทุก ๆ คนก็ช่วยระดมว่าสิ่งที่ตนเองอยากทำในนา มีการขุดสระ ปรับที่นา ปลูกไม้ผล เลี้ยงปลากินพืช เลี้ยงหมูกี้ พอคิดมาถึงแผนที่มันครบกระบวน บางคนก็เริ่มงง..หรืออะไรก็ไม่ทราบ
สมเด็จ เราเสนอแผนนี้ เราเสนอรวมกันหรือว่า เสนอของใครของมัน ถ้าเราเสนอเยอะ ๆ แบบนี้แล้ว อบต. เขาจะเลือกแบบไหน แล้วเขาจะสนับสนุนใครบ้าง แล้วเขาจะให้หรือ
อาจารย์ทนาย อย่าไปคิดแทนเขา เราวางแผนงานของเราให้ชัดเจน เราเห็นของเราที่จะทำหรือเปล่า
พ่อยอด เราก็ต้องเสนอเป็นกลุ่มสิ เราทำงานเป็นกลุ่ม
สมเด็จ ผมเข้าใจอยู่ แต่ว่ากลัวเขาจะยุ่งยากในการพิจารณา เพราะมันใหญ่....
เออ .. คนแบบนี้ก็มี มันเห็น เขา แต่ไม่เห็น ตัวเอง
ดิฉันมองหน้าน้องเนียง งง ความคิดของสมเด็จ....แต่ในท้ายที่สุดก็ทำตามที่วางไว้
คุยมาถึงเรื่องการปรับที่นา ที่ในความหมายนั้นครอบคลุม การทำคูนาให้กว้างขึ้น การปรับให้เกิดถนนเข้านาเพื่อให้สะดวกในการขนข้าว วัสดุอื่น ๆ ก็ได้เกิดความคิดแตกออกมาอีก
น้องฉันดี น้องจะปรับให้เป็นคูนาใหญ่รอบที่นาเลย
พ่อบน ผมจะปรับนาพี้นที่ประมาณ ๑ ไร่ให้ราบเสมอกัน
น้องเนียง น้องจะปรับที่ให้มันได้ปลูกต้นไม้เพิ่มขึ้น
พ่อยอด ผมได้สระแล้วผมไม่เอา
ดิฉัน ทำไมถึงไม่เอา อยากจะปรับอยู่ไม่ใช่หรือ
พ่อยอด ก็อยากได้อยู่
ดิฉัน อยากได้ก็เขียนลงไป
พอได้ออกความเห็นหลายแง่มุม หลายการออกแบบจากแผนคิดไว้ของหลายคน ก็ทำให้ได้ขอบเขต เห็นคำตอบ ข้อสรุปร่วมกันว่า
การปรับไม่ควรทำทั้งหมดจนเต็มพื้นที่ เพราะงบอาจสูงเกินไป
พื้นที่ที่จะทำให้อยู่ในขีดที่เราจะดูแลได้ จัดการได้ พัฒนาให้เห็นการเปลี่ยนแปลงได้
ช่วงบ่าย คณะชาวบ้านก็ได้เขียนผังประกอบแผนผัง ก็ใช้เวลากันเต็มที่ในความพยายามที่จะจำลองไร่นาของตนเองลงแผ่นกระดาษ
เพราะมันจะต้องเขียนทิศที่ตั้งของไร่นา
พี่นวย ครูถามนักเรียนที่โรงเรียน ทิศใหญ่ ๆ มีกี่ทิศ
เด็กนักเรียนตอบ ทิดมี ๔ ทิด
๑. ทิดต้น (พ่อเฒ่าอาวของน้องฉันดี )
๒. ทิดบด ( พ่อพี่นวย น้องเนียง)
๓. ทิดอำคา ( พ่อหมอหวัด)
๔........
ก็พลอยทำให้บรรยากาศการพยายามปลุกปล้ำผังไร่นาได้ชื่นบานขึ้น
แม่เหวย แม่บุตร สมาชิกรุ่นใหญ่ และเป็นคนนอกระบบรู้หนังสือ ระดับอุดมศึกษา ยุ่งยากใจตั้งแต่ เริ่มขีดเส้นตีกรอบผัง มีไม้บรรทัดวางเป็นแนวเส้นให้ พอตอนขีด มือที่จับดินสอมันพาลากออกนอกเส้นไม้บรรทัดไปโน่น... อิสระชนจริง ๆ ไม่อยู่ในเส้นเด็ดขาด เอ้า...เพียรเอาจนได้...มาติดเรื่องทิศ กว่าจะซักไซ้ไล่เลียงกันได้ว่า ทิศเหนืออยู่ตรงไหน ลำห้วยอยู่ด้านไหน สระจะกว้างยาวเท่าไร .... มากขึ้น มากขึ้น ทุกที
แม่เหวยถอนหายใจ เอ หรือจะไม่เอา มันยากแท้ เขียนอะไรก็เขียนบ่เป็น ไม่เอาดีกว่า
ดิฉัน ทำได้ เขียนได้ เดี๋ยวจะบอกให้ หันหน้ามานี่ มาใกล้ ๆ
แม่เหวยขยับมาหา ดิฉันให้แกทำส่วนที่แกทำได้ ไปก่อน และช่วยบอกทีละอย่าง พาวาดรูปปลา พอซ้อมวาดได้แล้ว ก็ให้วาดเติมลงในห้วย วาดได้แล้ว คราวนี้ก็เสริม ปู ปลาไหล เข้าไปอีกโดยไม่ต้องบอก เออ....ดีเหมือนกันค่ะ แม่ มือมันไปได้แล้วใช่ไหมล่ะ
ฝีมือแม่เหวย
ฝีมือแม่บุตร
เห็นความพยายามอย่างยิ่งยวดของหมู่ชาวบ้าน ซึ่งก็คงไม่มีใครได้เห็น นอกจากเห็นภาพที่พวกเขาเขียนเสร็จแล้วแล้วผู้ที่เห็นนั้นก็อาจคอมเม็นท์ต่อตามถนัด เติมอันนั้น อันนี้เข้าไปอีกจะดีขึ้นอีกนะคะ ไปโน่นเลย
สำหรับดิฉัน บทเรียนนี้ก็หนักมากพอดูแล้ว สำหรับนักเรียนนอกระบบรู้หนังสือ ระดับอุดมศึกษาเหล่านี้ แค่จะใช้มือบังคับเส้นให้มันเป็นไปตามต้องการก็ทุลักทุเลแล้ว ลองเป็นการดำนาสิ การทอผ้าสิ การทำปุ๋ยหมักสิ การเกี่ยวข้าวสิ จะไม่บ่นสักคำเลย.....
๖ โมงเย็นเห็นหน้าไม่ชัดแล้วสำหรับหน้าหนาว พวกเราจึงแยกย้ายกันกลับบ้าน
เก่งขึ้นมากเลยครับ
อ่านมีสาระ และสนุกดีครับ