13 มกราคม 2550 ประมาณ 09.00 น. รถตู้สีสวยวิ่งผ่านประตูโรงเรียนบ้านเม็กดำ และเข้าจอดที่บริเวณลานพระพุทธองค์ คณะผู้มาเยือนลงจากรถ พร้อมคำเชิญจากกลุ่มเด็กที่ทำหน้าที่มัคคุเทศก์ วันนี้พวกเราดีใจและภูมิใจ ที่ได้รับเกียรติจากท่านครูบาสุทธินันท์ ปรัชญพฤทธิ์ พร้อมด้วยท่าน ดร. นฤมล บรรจงจิต และคณะจากสถาบันวิจัยสังคม จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้มาร่วมแลกเปลี่ยนเรียนรู้ในวันนี้
เราเริ่มต้นด้วยการทักทายสร้างความคุ้นเคย ครู ชุมชน และเด็กๆที่เม็กดำ ออกอาการตื่นเต้นนิดหน่อยด้วยเราไม่เคยคาดคิดมาก่อนว่าจะมีโอกาสได้เรียนรู้จากผู้รู้ในสถาบันอันทรงเกียรติเช่นจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย สถานีพันธุ์ไม้ เป็นจุดแรกในการแลกเปลี่ยน ทุกคนสนุกสนานกับการรู้จักไม้ต้น ไม้หนุ่ม ไม้เบี้ย รวมถึงการคาดคะเนทรงพุ่ม ความสูงและแรงจูงใจในการเรียนเรื่องป่า ถัดมาที่ห้องแสดงผลงานจากการสรุปบทเรียน การถอดบทเรียน ของเด็กๆ ไม่ว่า จะเป็นปฏิทินป่าใหญ่โคกจิก ชุดยาสมุนไพร การเก็บตัวอย่างพันธุ์ไม้ หนังสือทำมือเล่มเล็ก ฯลฯ เด็กๆถามว่าส่งไปไว้ที่ศูนย์หนังสือจุฬา จะมีคนมาซื้อไหม ต่อด้วยกิจกรรมที่จับจิตจับใจ กว่าจะเป็นป่าไม้สักผืนต้องสู้ทนกล้ำกลืนแค่ไหน ใครอยากรู้เชิญท่านมาดูการปลูกป่าของเด็กๆที่เม็กดำได้นะครับ สู้กันมาได้หนึ่งปีต้นแค่นี้เอง แต่เวลาตัดไม้ทำลายป่าใช้เวลาไม่กี่นาทีก็เรียบร้อยแล้ว เสียงแจ้วๆของเด็กๆบอกว่า นี่ต้นเม็กและนี่พระเอกของเรา ช้างน้าว ครับผม งานวิจัยใครว่าทำได้เฉพาะคนเรียนปริญญา เด็กบ้านนอกบ้านนา เรียนแค่ชั้น ป. 6 ก็ทำวิจัยได้ เด็กๆของเราเล่าเรื่องการวิจัยไก่ดำ ทำเอาพี่ๆหลายคนตาโต แถมท้ายเด็กๆได้โชว์เสียงเพลงแบบประสานเสียง ทำเอาพี่ๆจากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ทนไม้ได้ต้องคว้าไมล์โชว์เสียงให้น้องๆฟัง หลังจากนั้นทุกได้สนุกกับการเรียนรู้เรื่องไม้ไผ่ เปลไม้ไผ่ แจกันไม้ไผ่ แบบบางคนได้ทดลองสานเปลด้วยตัวเองอีกด้วย
ช่วงสายๆขบวนของเราก็ขยับไปเรียนรู้เรื่อง ธรรมมาสน์เสาเดียว ที่วัดบ้านเม็กดำ เรียนที่นี่มีครูคนสำคัญ พ่อจันดา ธนูศรี ได้มีเมตตาให้ความรู้แก่พวกเรา เสาเดียวของธรรมมาสบ่งบอกถึงการก่อเกิดชุมชนที่มีอายุหลายร้อยปี โดยเฉพาะพ่อจันดา ธนูศรี ท่านเกิดเมื่อปี พ.ศ. 2475 ที่เล่าว่าเป็นปีแห่งการเปลี่ยนแปลงการปกครองของไทย จากนั้นอาหารกลางวันแบบกินข้าวป่า ก็เริ่มขึ้นที่ลำพังชู สายน้ำที่หล่อเลี้ยงผู้คนมาเนิ่นนาน พี่น้องชาวบ้านเม็กดำหลายท่านได้ร่วมวงในวันนี้ เมื่ออิ่มหมีพีมัน (หรือเปล่าก็ไม่รู้) พวกเราได้ร่วมแลกเปลี่ยนเรียนรู้แบบวงเสวนาที่ไม่เป็นวิชาการ ทุกคำกล่าวขานพวกเราขอน้อมรับด้วยความยินดี และพร้อมที่จะนำไปปรับปรุงพัฒนาให้ก้าวหน้าตามลำดับ ผมจับประเด็นคำถามในฐานะครูที่รับหน้าที่สอนลูกผูกใจหลานในชั้นประถมและมัธยมต้นซึ่งผมถือว่าเป็น ต้นน้ำทางการศึกษา หลอมรวมคำถามได้ว่าทิศทางการก้าวไปข้างหน้าจะเป็นอย่างไร ผมตอบได้ทันทีว่า เราจะก้าวไปอย่างมั่นคง มั่นคงด้วยการเดินทีละก้าว กินข้าวทีละคำ เพียงแต่สิ่งสำคัญที่ทุกคนต้องร่วมสานฝันนั่นคือ
บนเส้นทางการศึกษาของไทย ต้นน้ำ กลางน้ำ ปลายน้ำ ต้องเชื่อมร้อยต่อกันอย่างมั่นคง
เรียน คุณขจิต
เรียนคุณแผ่นดิน