ความภาคภูมิใจในชีวิตครู
วันนี้วันที่ 11 มกราคม 2550 อีกไม่กี่วันก็จะถึงวันครูแล้ว เร็วเหมือนกันนะ ถามตัวเองว่าเมื่อปี 2535 หลังจากจบจากเรียนต่อได้ย้ายไปดำรงตำแหน่ง อาจารย์ 1 ระดับ 5 ที่โรงเรียนเล็กๆแห่งหนึ่งใน อำเภอโพนพิสัย จังหวัดหนองคาย ครูใหญ่มอบหมายให้สอนประจำชั้น ป.4 วันหนึ่งในหมู่บ้านมีงานศพ ทางโรงเรียนได้ให้ครูไปช่วยงาน จึงได้เข้าไปเห็นประเพณีพิธีกรรมของชาวบ้านซึ่งหมู่บ้านนี้เป็นชาวไทยพวนและสิ่งที่ทำให้ตกใจที่สุดคือการที่ได้เห็นนักเรียนในโรงเรียนนั่งล้อมวงอยู่กับผู้ปกครอง มีเสียงเฮและเสียงถกเถียงกันเป็นระยะ จึงถามพี่ๆว่าเขาทำอะไรอยู่ ได้รับคำตอบว่าเล่นไฮโล
ยอมรับว่า ตกใจ ทำไมเยาชนของชาติตัวน้อยๆเหล่านี้รู้จักการเล่นไฮโล ด้วยเหรอ เราเองรู้จักไฮโลเมื่อตอนเรียนคณิตศาสตร์เรื่องความน่าเป็นสมัยเรียนมัธยมศึกษา
ด้วยความสงสัยจึงเดินเข้าไปดูใกล้ๆ จะเรียกว่าช็อกก็ว่าได้เพราะไปเห็นนักเรียนในชั้นเรียนที่เป็นเด็กที่ฉลาดที่สุดห้องเป็นคนเขย่า มีพ่อแม่เป็นคนเก็บเงินและจ่ายเงิน จึงถามพี่ๆอีกว่าทำไมไม่ห้ามเด็กพี่ๆตอบว่าผู้ปกครองเขาพามาเองบอกว่าถ้าวันไหนพ่อแม่มือตกจะต้องพาลูกชายคนนี้มาเขย่าแทนเพื่อเอาทุนคืนให้ได้และเกือบทุกครั้งก็เป็นเช่นนั้นจริงๆ ทำให้พ่อแม่ต้องให้เด็กชายคนนี้ไปด้วยทุกครั้งที่มีงานศพยอมรับว่านี่คือแรงบันดาลใจที่จะต้องหาวิธีให้เด็กคนนี้ถอนตัวจากวงการนี้ด้วยความสมัครใจให้ได้
จึงได้คิดหาวิธีการต่างๆมาใช้ ในที่สุดวันที่ประสบผลสำเร็จก็มาถึงในเช้าวันหนึ่งเด็กคนนั้นเดินเข้ามาบอกว่า“ครูครับ ต่อไปผมจะไม่ไปเล่นไฮโลกับพ่ออีก ผมสัญญาครับครู”
จำได้ว่าพูดกับเด็กไปว่า ” ครูจะคอยดู” (ช่างเป็นคำพูดที่ไม่สร้างสรรค์จริงๆ ถ้าย้อนอดีตได้คงจะหาคำพูดที่ดีกว่านี้ ถึงวันนี้อยากจะบอกคำว่าครูขอโทษ)
ตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมาเขาไม่เคยเสียคำพูดที่เคยให้สัญญาไว้เลย ไม่ว่าจะมีงานศพบ้านใกล้บ้านไกล จากการสอบถามเพื่อนๆนักเรียนที่คอยเป็นหูเป็นตาให้และคำบอกเล่าของพี่ในโรงเรียนก็พูดเป็นเสียงเดียวกันว่าไม่เคยเห็นเขาเล่นอีกเลย
วันหนึ่งได้เจอพ่อแม่ของเขา พ่อเขาเดินเข้ามาพูดว่า ครูใช้วิชาอะไรถึงห้ามลูกเขาได้นับถือจริงๆ ก็เลยบอกว่าลุงเหลิม ลุงมีลูกดีเอง ครูเพียงแต่แนะนำข้อดีข้อเสียของการพนันและอนาคตของเขาให้เขาฟัง เขาก็คิดเองได้ ลุงควรภาคภูมิใจในตัวเขาให้มาก เพราะลุงจะได้พึ่งพาเขาในภายหน้า
และปัจจุบันนักเรียนคนนั้นก็ได้เป็นเสาหลักของครอบครัวด้วยการประกอบอาชีพพยาบาลในโรงพยาบาลในอำเภอ และเป็นคนดีในหมู่บ้าน
ครูจำได้ว่าวันที่ครูจะย้ายมาบ้านเม็กดำ เธอมาขนของช่วยครูและบอกครูว่าครูครับผมจะลางานไปส่งครูครับและผมอยากจะบอกครูว่าผมมีวันนี้ได้เพราะครู
ครูภูมิใจในตัวเธอมาก และยังจำชื่อได้ดี
เด็กชายพิบูรณ์ สะวิสัย
ขอบคุณแก้ไขแล้วนะแต่ไม่เห็นผลเลย
ขอบคุณค่ะคุณขจิตที่แวะมาทักทาย และคำคำชมที่สร้างกำลังใจและกระตุ้นวิญญาณครูก่อนที่มันจะหายไป
ดีมากเลยครับ
เรื่องแบบนี้แหละน่าจะเข้าตากรรมการอยู่นะครับ
จะมีครูสักกี่คนหนอ
ที่นั่งทบทวนหยาดเหงื่อและรอยยิ้มประจำปีของตนเอง เธอช่างเกิดมาเพื่อที่จะเป็นครู
และแล้วเธอก็เป็นครูที่ดีดั่งใจที่ใครๆอยากจะได้ครูดี แล้วเธอก็ดีให้เขาได้สมใจ
เรื่องของครูดี ต่างจากเรื่องประกวดครูดีเด่น
เพราะครูคนนี้ดีโดยไม่ต้องไปเสียเวลาประกวดก็เด่นและดีได้ แถมยังได้รับผลแห่งความดีตอบแทนจาก
เด็กชายพิบูรณ์ สะวิสัย
เธอรู้ไหม ตัวเองก็ตอบแทนตัวเองได้ ไม่อย่างนั้นความภาคภูมิใจจะมาจากไหน
คนทำดี ความดีก็บังเกิดกับคนๆนั้น
ไปตักบาตรทำบุญแทนกันไม่ได้ อย่างมากก็ส่งความปรารถนาให้กัน แผ่กุศล ที่คนแผ่นั่นแหละรับกุศลก่อนเป็นคนแรก
มันก็ย้อยรอยมาที่ครูบอกพ่อแม่ของเด็กว่า ลูกเขาดีได้เพราะตัวเขาเอง ที่เชื่อฟังครู เชื่อฟังพ่อแม่ ใครไปเชือฟังแทนไม่ได้ รักแทนก็ไม่ได้ เขารักตัวเอง เขาคิดเอง ทำดีเอง
ความสำคัญของครู อยู่ที่ไปเอื้อให้เกิดสิ่งที่พูดว่าเองๆๆๆทั้งหลายนั้น
เพราะเหตุนี้หรือเปล่านะเธอจึงตั้งปนิธาณไว้ว่าทะเลใจ มันคงหมายถึงความกว้างใหญ่ไพศาลของน้ำใจครู ดีใจที่มีครูมีน้ำใจมหาศาลเท่ามหาสมุทร์
ขอให้โชคดี มีความสุขกับการเป็นครู คนเราถ้าค้นหาความพอใจไม่เจอ จะมีอาชีพไหน ใหญ่โตเท่าใด มันก็ไม่เป็นท่าได้ทั้งนั้น
ได้อ่านเรื่องครูเป็นเรื่องที่ 2 ในการเข้ามาเป็นสมชิกบล็อกครั้งแรก ดีใจนะคะที่มีเพือนร่วมอุดมการณ์บางครั้งท้อนะคะในอาชีพครูแต่ชีวิตนี้คงเป็นอะไรอีกไม่ได้นอกจากครู
ยินดีที่รู้จัก อดีตครูหนองคายปัจจุบันครูเม็กดำ
นามสกุลสะวิสัยที่ปากคาดก็มีเยอะนะคะวันหลังดิฉันอาจมีโอกาสไปเห็นเด็กชายพิบูรณ์ สะวิสัยของครูคะ
กลับมาอ่านอีกครั้ง ได้กำลังใจเพิ่มเป็นของขวัญวันครูอีกเยอะเลยค่ะ
คุณครูเป็นผู้มีจิตวิญญาณของความเป้นครูโดยแท้จริง
จะมีสักกี่คนที่ทำได้อย่างครู...ขอชื่นชมจริงๆคะ