คำนำของผู้เขียน
..............
หนังสือ โรงเรียนเป็นชุมชนเรียนรู้ เล่มนี้ เขียนขึ้นเพื่อเป็นพลังหนุนการเปลี่ยนขาด (transform) ระบบการศึกษาไทย ให้เป็นระบบที่มีครูทุกคนเป็นพลังขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่อง ผ่านการเรียนรู้จากการทำงานประจำ ที่เรียกว่า การเรียนรู้จากประสบการณ์ แบบที่มีการพัฒนาขึ้นเป็นระบบที่เหมาะต่อการเรียนรู้ร่วมกันของครู ที่เรียกว่า “การศึกษาชั้นเรียน” (Lesson Study – LS) ที่ในบางที่เรียกว่า “การศึกษาชั้นเรียนและชุมชนเรียนรู้” (Lesson Study and Learning Community – LSLC) ส่งผลให้ “โรงเรียนเป็นชุมชนเรียนรู้” (School as Learning Community - SLC)
ระบบการศึกษาที่พึงปรารถนาเป็นระบบที่หนุนให้ผู้เรียนทุกคนได้พัฒนาเต็มศักยภาพของตน และได้พัฒนาทักษะการเรียนรู้เอาไปใช้ตลอดชีวิต โดยที่การเรียนรู้นั้นนำสู่การพัฒนาครบทุกด้าน ที่เรียกว่า holistic learning ทั้งด้านกาย จิต วิญญาณ หรือพัฒนาครบ VASK
หนังสือเล่มนี้มุ่งให้กำลังใจ และให้เครื่องมือแก่ครู ให้เป็นพระเอกนางเอก ลุกขึ้นมาร่วมกันเป็นผู้กระทำการหรือผู้นำการเปลี่ยนแปลง โดยเริ่มที่การเปลี่ยนแปลงตนเอง เปลี่ยนแปลงวัฒนธรรมการปฏิบัติงานของพวกตน ให้พุ่งเป้าจดจ่อจดจ้องที่การเรียนรู้ของนักเรียน ในลักษณะที่มีความเท่าเทียมกันในห้องเรียน คือครูจ้องมองศิษย์ทุกคน ศิษย์ที่ด้อยกว่าได้รับการจ้องมองมากกว่า เพื่อช่วยเกื้อหนุนประคองการเรียนรู้ให้ดำเนินสู่เป้าหมายได้ สู่สภาพที่นักเรียนทุกคนบรรลุผลลัพธ์การเรียนรู้ตามที่ตั้งเป้าหมายไว้
ท่านจะได้เรียนรู้ศาสตร์ว่าด้วยการตั้งเป้าหมายในการศึกษาที่มีถึง ๔ ระดับ ที่ครูเป็นผู้ร่วมกันกำหนดเป็นส่วนใหญ่ ที่มีส่วนเชื่อมโยงและตอบสนองเป้าหมายใหญ่ของประเทศ เขตการศึกษา และโรงเรียน ดังนั้น การปฏิบัติงานของครูแนว โรงเรียนเป็นชุมชนเรียนรู้ นี้ จึงเป็นการสนองนโยบายการศึกษาของหน่วยเหนือไปโดยปริยาย เป็นการสนองด้วยท่าทีและปฏิสัมพันธ์แนวราบ ที่ครูร่วมกันส่งรายงานให้แก่หน่วยเหนือผ่านรายงานของ “การศึกษาชั้นเรียน” รวมทั้งส่งหรือสื่อสารแก่วงการศึกษาของประเทศในภาพรวม
เนื่องจากศาสตร์ว่าด้วยการเรียนรู้ และศาสตร์ว่าด้วยความเป็นครู มีความซับซ้อนและลุ่มลึกกว้างขวาง เรียนได้ไม่รู้จบ การเรียนรู้เพื่อความเป็นครูจึงต้องทำอย่างต่อเนื่อง หนุนให้ครูเพิ่มพูนความรู้ ๓ ด้าน ที่สำคัญยิ่งต่อการปฏิบัติหน้าที่ครูยุคใหม่ที่ไม่สอนผ่านการบอก แต่เน้นสอนผ่านการสร้างความสงสัยใคร่รู้ให้แก่ศิษย์ แล้วหนุนให้แสวงหาคำตอบเอง โดยครูใช้ความรู้ ๓ ด้านของตนในการทำหน้าที่แนวใหม่นี้คือ ความรู้เชิงสาระ (content knowledge) ความรู้ด้านการเรียนรู้ (pedagogic knowledge) และความรู้ด้านการเรียนรู้ต่อแต่ละสาระ (PCK – pedagogic content knowledge) การเพิ่มพูนความรู้ทั้งสามด้านในตัวครู ทำได้ไม่ยากผ่าน กระบวนการศึกษาชั้นเรียน (lesson study) ที่เสนอไว้ในหนังสือเล่มนี้
ที่จริงโรงเรียนจำนวนหนึ่งในโครงการ โรงเรียนพัฒนาตนเอง (TSQP – Teacher and School Quality Program) ที่สนับสนุนโดย กสศ. (กองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา) ที่ดำเนินการมา ๕ ปี ได้มีกระบวนการเรียนรู้ต่อเนื่องร่วมกันของครูในโรงเรียน และเรียนรู้ข้ามโรงเรียนในกระบวนการ online PLC coaching ที่ช่วยให้ครูร่วมกันสร้างการเรียนรู้ใส่ตนได้อย่างน่าชื่นชม หากนำเอาวิธีการ “ศึกษาชั้นเรียน” เข้าไปบูรณาการ ก็น่าจะช่วยให้การเรียนรู้ร่วมกันผ่านการพัฒนางานของครูไทย มีพลังมากยิ่งขึ้น เกิดการเรียนรู้แบบที่มีข้อมูลสนับสนุนมากยิ่งขึ้น
ความเป็นชุมชนเรียนรู้ของโรงเรียนไทยได้เกิดขึ้นก่อนแล้วในโรงเรียนจำนวนหนึ่ง ผมขอมีส่วนร่วมสนับสนุนให้ชุมชนเรียนรู้ของโรงเรียนเหล่านั้นเข้มแข็งยิ่งขึ้น โดยเสนออุดมการณ์ ปรัชญา และวิธีการ SLC ให้ทีมงานในโรงเรียนนำไปปรับใช้ และเผยแพร่ความสำเร็จที่การเรียนรู้ของนักเรียนออกสู่วงกว้าง เพื่อให้เกิด โรงเรียนเป็นชุมชนเรียนรู้ ขึ้นทั่วแผ่นดินไทย
ผมขอขอบคุณมูลนิธิสยามกัมมาจล และกองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา ที่ร่วมกันจัดพิมพ์เผยแพร่หนังสือเล่มนี้ เพื่อเป็นพลังขับเคลื่อนการปฏิรูประบบการศึกษาไทย
วิจารณ์ พานิช
๒๔ กันยายน ๒๕๖๖ วันมหิดล
นิวยอร์ก
ไม่มีความเห็น