บทความเรื่อง Higher Education Faces a More Fragile and Contested Future ในเว็บไซต์ University World News ฉบับวันที่ ๑๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๗ สื่อความท้าทายใหญ่ต่อมหาวิทยาลัย
“Three dilemmas now sit at the heart of higher education: the promise of social equality vs persistent elitism, graduate employability vs cultural formation, and the securitisation of research vs globalisation. Despite this complexity, unstable politics and climate crises, education still offers a way forward.”
ผมมองว่า เป็นความท้าทายที่อุดมศึกษาจะดำเนินการโดยใช้ complexity เหล่านี้เป็นพลัง ไม่ใช่เป็นตัวสร้างความสับสนและอ่อนแอ
ผู้เขียน Simon Marginson ศาสตราจารย์ด้านอุดมศึกษาแห่งมหาวิทยาลัยอ็อกซฟอร์ด บอกว่าหน้าที่ของอุดมศึกษาที่ไม่เคยเปลี่ยนมา ๓ พันปีคือ “the cultural formation of persons” – การหล่อหลอมตัวตนเชิงวัฒนธรรมของบุคคล
อ่านบทความไปไม่กี่ย่อหน้า ก็ตระหนักความเป็น “ปราชญ์” ด้านการศึกษาของผู้เขียน แต่ผมไม่สนิทใจกับความเห็นที่ท่านเขียนว่า การเรียนรู้เป็นกระบวนการ “immersion in knowledge” ผมคิดว่าเป็น “immersion in experience” มากกว่า
ผมได้เรียนรู้ว่า มหาวิทยาลัยวิจัยแห่งแรกของโลก ริเริ่มโดย Alexander von Humboldt ที่มหาวิทยาลัยเบอร์ลินในปี 1810 คือ ๒๑๔ ปีมาแล้ว เป็นการเริ่มระบบวิชาการแห่งคำถามหรือข้อสงสัย ไม่ใช่วิชาการแบบเชื่อต่อๆ กันมาอย่างในอดีต ตามด้วยการก่อตั้งมหาวิทยาลัยวิจัยแห่งแรกของอเมริกา คือ Johns Hopkins ในปี 1876
ต่อมาประเทศผู้นำด้านอุดมศึกษาขยับมาเป็นสหรัฐอเมริกา และในทศวรรษ 1960 – 1970 ผู้นำ ๓ ท่านคือ Clark Kerr, Martin Trow และ Bob Clark ริเริ่มมุมมองต่ออุดมศึกษาว่าเป็นระบบหนึ่งของสังคม และริเริ่ม “การวิจัยระบบอุดมศึกษา” ขึ้น
ทำให้ผมย้อนคิดถึงความเข้าใจ “ระบบมหาวิทยาลัย” (University System) ที่ผมไปเรียนรู้ California University System จากการร่วมดูงานที่ SEAMEO RIHED จัด ช่วงต้นเดือนเมษายน ๒๕๕๔ ที่ผมเล่าไว้ที่ (๑) (๒) ว่า ท่านอธิการบดี Clark Kerr เป็นคนคิดระบบมหาวิทยาลัยที่ประกอบด้วย ๓ ส่วนคือ (๑) วิทยาลัยชุมชน (๒) มหาวิทยาลัยครบเครื่อง (comprehensive) และ (๓) มหาวิทยาลัยวิจัย ที่ทำงานเชื่อมโยงร่วมมือกันเป็นเครือข่าย ถ่ายเทนักศึกษาระหว่างกัน ที่แพร่ไปทั่วสหรัฐอเมริกา เขาจัดกลุ่มมหาวิทยาลัยมากว่าห้าสิบปี ประเทศไทยเราเพิ่งมาจัดเมื่อไม่ถึงสิบปีมานี่เอง
บทความนี้ ปรับปรุงจาก 2024 Burton R. Clark Lecture เรื่อง The Three Dilemmas of Higher Education เสนอในการประชุมของ CGHE (Centre for Global Higher Education) ที่ดาวน์โหลดบทความฉบับเต็มได้ ที่นี่
ผมพบว่า เอกสารฉบับเต็มอ่านสนุกกว่าเอกสารใน UWN ช่วยให้เข้าใจความเคลื่อนไหวเปลี่ยนแปลงของระบบอุดมศึกษาของประเทศตะวันตกได้ดีกว่า โดยมีหลักการสำคัญเกี่ยวกับภารกิจของอุดมศึกษา ๓ ประการคือ
เขาบอกว่า ระบบอุดมศึกษามีจุดเปราะบาง หรือความท้าทาย ๓ ด้านใหญ่ ที่เกิดขึ้นมาระยะหนึ่งแล้ว และความท้าทายที่เกิดขึ้นใหม่ อีก ๓ ประการ
ความท้าทายใหญ่ ๓ ด้าน หรือ ๓ กระแสที่เกี่ยวพันกัน ได้แก่
ความท้าทายในอนาคต ๓ ด้าน ได้แก่
อ่านแล้วผมสะท้อนคิดกับตนเองว่า วงการปราชญ์ของโลกตะวันตกน่าจะรู้ตัวว่า ระบบต่างๆ ของตะวันตกกำลังนำโลกสู่ทางตัน ต้องมีการเปลี่ยนขาดเชิงระบบในหลากหลายด้าน รวมทั้งระบบอุดมศึกษา และดูเหมือนผู้นำทางประเทศตะวันออกรู้ดี และคิดสร้างระบบใหม่ขึ้นมาทดแทน แต่วงการการเมืองและการทหารของโลกตะวันตกมองเป็นการท้าทายอำนาจของตน
ผู้บริหารระบบอุดมศึกษาไทย ควรได้อ่านบทความ The Three Dilemmas of Higher Education นี้ และติดตามความก้าวหน้าในเว็บไซต์ของ Centre for Global Higher Education รวมทั้งน่าจะส่งเสริมให้มี “การวิจัยระบบอุดมศึกษาไทย”
วิจารณ์ พานิช
๒๖ ก.พ. ๖๗
ไม่มีความเห็น