"ไม่คม"นอกฝัก ดีกว่า “คม" ในฝัก


มีดที่คม หรือไม่คมก็แล้วแต่ มาแลกเปลี่ยนเรียนรู้กัน ก็จะทำให้คมขึ้นกว่าเดิมแน่นอน

 ในระบบการจัดการความรู้ของสังคมไทย วัฒนธรรมหนึ่งที่เป็นอุปสรรคในการจัดการความรู้คือ วัฒนธรรม คมในฝัก  ที่หลายๆ  คนมีความรู้ แต่ไม่ค่อยเอาความรู้ออกมาใช้เพื่อการแลกเปลี่ยนเรียนรู้กัน  ซึ่งมีหลายสาเหตุด้วยกัน เช่น 

 

  • บางคน ก็คมจริงๆ ไม่อยากจะชักออกมา เพราะว่า กลัวคนอื่นจะไม่สบายใจ ที่เห็นความคมของตนเองมากกว่าคนอื่น  อันนั้น  ว่าโดยธรรมชาติของความรู้นะครับ จากหลักทางศาสนาพุทธก็เช่นเดียวกัน คนที่รู้ และอ้างอิทธิฤทธิ์ของตนเอง นั่นแสดงว่า เป็นผู้ไม่รู้จริงๆ  นี่ก็เป็นวัฒนธรรมคมในฝักอีกรูปแบบหนึ่ง
 
  • และคนไม่คม ที่ไม่ได้รู้อะไรมากนัก แต่ว่าไม่กล้าโชว์ออกมาให้คนอื่นเห็น ว่าตัวเองไม่รู้ ก็คือ ทำลักษณะเหมือนคมในฝัก แต่ถ้าชักออกมาจริง ๆอาจมีแต่ด้ามก็ได้ครับ
 
  • บางคนอาจจะมีมีดที่เป็น สนิมอยู่ในฝัก ที่จริงไม่ได้คม แต่ไม่อยากให้คนอื่นเห็นว่าตัวเองไม่คม  เมื่อมีการชักออกมาก็ไม่ได้คมอะไร มีแต่สนิม
 
  • บางคนก็เป็น มีดธรรมดา ๆ นี่เอง แต่ว่า ไม่อยากให้คนอื่นเห็นว่าตัวเองไม่คม นี่ก็เป็นอีกลักษณะหนึ่งที่เป็นวัฒนธรรมอีกแบบในปัจจุบัน

 เพราะฉะนั้น เรามาช่วยกันเปลี่ยนวัฒนธรรมนี้ได้ไหมครับ

ใครที่มีความรู้ขนาดไหนก็นำออมาแลกเปลี่ยนเรียนรู้กัน  เราจะได้รู้ว่า เราจะช่วยกันพัฒนาโดยรวมได้อย่างไร  

ถ้าเป็นลักษณะ คมในฝัก ที่ผ่านมานั้น ไม่ค่อยมีข้อดีในการพัฒนาโดยรวมสักเท่าไหร่ครับ

ถึงแม้ว่าจะคมจริง แต่เมื่อไม่เอาออกมาใช้ก็ไม่มีประโยชน์อะไร 

 หรือโดยเฉพาะคนที่มีสนิมเขรอะอยู่ในฝักอยู่นั้น เมื่อชักออกมาก็จะทำให้สนิมหลุดออกไป และนำมาลับใหม่ให้เกิดความคมได้นะครับ 

 หรือมีดธรรมดาที่ไม่มีสนิมหรือไม่มีคม เมื่อชักออกมา เพื่อลับให้เกิดความคมได้เช่นกัน  

ดังนั้น เลิกเถอะครับ วัฒนธรรม คมในฝัก นี่ไม่มีประโยชน์อะไร กับใครเลยนะครับ

เราควรนำมีดที่คม หรือไม่คมก็แล้วแต่ มาแลกเปลี่ยนเรียนรู้กัน ก็จะทำให้คมขึ้นกว่าเดิมแน่นอน 

อย่าคมอยู่แต่ในฝักเลยครับ ออกมาลับให้คมอยู่ข้างนอกฝัก จะได้ใช้ประโยชน์ได้มากกว่าแน่นอน

ไม่เสียชาติเกิดครับ 

ขอบคุณมากครับ

หมายเลขบันทึก: 70537เขียนเมื่อ 2 มกราคม 2007 10:00 น. ()แก้ไขเมื่อ 17 เมษายน 2012 19:07 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (10)

ดร.แสวง ครับ

  • วันนี้ดีใจ ที่ได้มาแจมเป็นความคิดแรก 
  • สังคมเรียนรู้ผู้คนก็ต้องมีคุณลักษณะไม่หวงวิชา ไม่หวงความรู้ ประสบการณ์ ความสามารถ อย่างที่อาจารย์กลั่นเป็นความรู้ออกมาครับ พร้อมที่จะโชว์ความรู้ประสบการณ์นั้นเท่าที่มีอยู่อย่างจิรงใจที่จะให้ จริงใจที่แบ่งปัน จริงใจที่จะแลกเปลี่ยน เอื้ออาทรความรู้ ไม่อวดอุตริที่จะใช้ความรู้ไปเพื่อข่ม ทำร้าย หรือบลั๊ฟใคร ผมเห็นว่านับสังคม gotoKnow ก็ได้พิสูจน์ให้เห็นถึงจุดยืนตรงนี้ดีวันดีคืนครับ
  • ผมไม่กลัวเลยครับกับสนิมร่วงกราวเมื่อยามชักออกจากฝัก เพราะผมชินเสียแล้วครับ
  • แต่ก็ถูกก่นว่าจากผู้รู้หลายท่านครับว่าความรู้ที่ผมเขียน ผมนำเสนอจากประสบการณ์งานที่ผมทำนี้ว่าไม่มีคุณค่าทางวิชาการ ไม่มีอ้างอิง ไม่มี ฯลฯ แต่ผมก็บ่ยั่นครับ ใจมันอยากจะนำสิ่งที่มีใอยู่ข้างในนั้นออกมาเพื่อคนอื่นได้รับทราบ รับรู้และเรียนรู้เป็นสำคัญเสียแล้วครับ

 

 โอ้โห้!  ขึ้นปีหมู

นี่เล่นเรื่องฤทธิ์มีดสั้นเลยหรือครับท่านเล่าฮู

กะจะเชือดหมูหรือสับสุกร

ขอคาระวะ 1 จอก ที่ให้แง่คิดดีมาก

.อย่างผมนี้ ชักออกมามีแต่ด้าม ด้ามเหี้ยนๆ

แต่ผมก็ไม่เคยอายใคร ..ยอมรับว่ารู้แค่นี้จริงๆ

มีอะไร รึป่าว!

ถ้าเราไม่ยอมรับต้นทุนความรู้ของเราเอง

ยังจะหลอกตัวเอง มันก็เต็มที

เราจะแลกเปลี่ยนความรู้อะไรได้ ถ้าเอาแต่อางขนาง

อย่างโน้นอย่างนี้  มันเสียเวลาน่ะ ยิ่งมีน้อยอยู่ด้วย

ผมเสนอว่า..เวทีบล็อกคือพื้นที่ๆเรามาแลกโง่กัน

ถ้าทุกคนคิดอย่างนี้มันจะช่วยคลายน๊อตวัฒนธรรม

ไทยลงไปได้ 

  ฝรั่งไม่มีตรงนี้นะครับ เขาเปิดใจที่จะเรียน

และรับทุกเรื่อง ทุกกรณี ทุกสถานการณ์

เขาจึงเรียนไปได้เร็วกว่าเรา เพราะลดท่าทีท่าทาง

ที่เป็นสวะรอบใจออกไปอย่างที่เล่าฮูเคยอธิบายไว้

ชอบมาก มากจริง ขอคาระวะอีก 1 จอก เอื๊อก!!

เรียนอาจารย์

หนูดีใจมากคะ ที่ได้ติดตามงานของอาจารย์ และคิดว่าสนิมจากมีดที่ไร้คมอย่างหนูคงถูกกระเทาะออกบ้างนะคะ (ยิ้มๆ ด้วยความชื่นชมคะ)

ครูนง ครูบา และคุณก้ามปู

ผมก็ไม่ค่อยมีคมเท่าไหร่หรอก ก็พยายามชักออกมาลับนี่แหละครับ

ชักทุกทีสนิมเขรอะจนกองเชียร์ต้องยิ้มเขินๆแบบให้กำลังใจ

แต่ก็มีกองไม่เชียร์หัวเราะแบบไม่ค่อยขำ

แต่ผมก็ทำแบบอยากพัฒนาตัวเองเป็นเบื้องต้น

และแลกเปลี่ยน เป็นเบื้องสอง

กองเชียร์อย่าเพิ่งถอดใจนะครับ

ขอบคุณครับ

ทุกคนน่าจะได้อ่านน่ะคะอาจารย์จะได้เลิก วัฒนธรรม คมในฝักกันซะที มีอะไรก็น่าจะนำมาพูดคุยกันไม่ใช่รู้อะไรมาก็เก็บไว้คนเดียว ไม่รู้ว่าเรื่องที่ทราบมาจริงเท็จประการใด เอามาเล่าสู่กันฟังจะได้มีการแลกเปลี่ยนความคิดกันและทำให้เกิดความคิดใหม่ๆขึ้นมาบ้างน่ะคะ
ชอบมากครับ โดนใจตั้งแต่เห็นชื่อเรื่องแล้ว เข้ากับสังคมไทยจริง ๆครับ อยากให้คนได้อ่านเยอะๆ อาจารย์น่าจะนำไปลงในนิตยสารหรือเวปอื่นบ้างนะครับ
เห็นด้วยกับอาจารย์คะ  เราควรนำเอาความรุ้มาแลกเปลี่ยนประสบการณ์กันเพื่อให้เกิดประโยชน์  ดีกว่าเก็บไว้คนเดียวแล้วไม่เกิดประโยชน์

ขอบคุณอาจารย์มากค่ะ.....ใครได้อ่านคงจะได้แง่คิดดีๆและกล้าที่จะแสดงออกในสิ่งที่ควรกล้าค่ะ

คนไทยก็เป็นอย่างนี้เสมอ ยากที่จะแก้ไขได้ค่ะอาจารย์
 ชอบค่ะ  เป้นเรื่องที่อ่านแล้วรู้สึกว่า ทำให้เรากล้าที่จะเอาความรู้หรือความคิดที่เรามีอยู่ นำออกมาใช้ มาแลกเปลี่ยนดีกว่าเก็บไว้คนเดียว  เพื่อที่ว่ามันอาจจะเป้นประโยชน์กับสังคมก็ได้
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท