นารีพิฆาต : จุดตายของนักบริหาร


“นารีพิฆาต” เป็นคำที่ใช้พูดเปรียบเปรยกับผู้กระทำความผิด เกี่ยวกับผู้หญิง ซี่งอาจจะถึงตาย ถ้าไม่ตายด้วยอายุขัย ก็อาจจะตายจาก บทบาทหน้าที่การงานหรือเกียรติยศชื่อเสียงอันดีงามที่เคยสั่งสมเอาไว้ นารีพิฆาต เป็นคำพูดเปรียบเปรยสำหรับชายที่กระทำความผิดเกี่ยวกับหญิง อาจจะเป็นเพราะไปล่วงละเมิดทางเพศ หรือการไม่มีสัจจะ ไม่รักษาคำมั่นสัญญาที่ให้ไว้ การไม่รู้จักข่มจิตข่มใจเอาไว้เวลาสิ่งยั่วยุมากระทบ นารีพิฆาตมักจะเกิดกับบุคคลที่เป็น ผู้บริหาร ผู้นำ รวมทั้งพระภิกษุสงฆ์ที่มีชื่อเสียง หรือไม่สำรวมปล่อยใจตามสิ่งที่มายั่วยุ การป้องกันก็ขึ้นอยู่กับตัวเราเป็นสำคัญ ให้ยึดมั่นในกายสุจริต วจีสุจริตและมโนสุจริต

นารีพิฆาต : จุดตายของนักบริหาร

 

นารีพิฆาต : จุดตายของนักบริหาร

ดร.ถวิล  อรัญเวศ

        เราอาจะเคยได้ยินได้ฟัง คำว่า “นารีพิฆาต” มาบ้างแล้ว ไม่มากก็

น้อย  หรือมีหลายคำที่เกี่ยวข้อง เช่น สตรีมีอำนาจเหนือขุนพล

        “นารีพิฆาต” เป็นคำที่ใช้พูดเปรียบเปรยกับผู้กระทำความผิด

เกี่ยวกับผู้หญิง ซี่งอาจจะถึงตาย ถ้าไม่ตายด้วยอายุขัย ก็อาจจะตายจาก

บทบาทหน้าที่การงานหรือเกียรติยศชื่อเสียงอันดีงามที่เคยสั่งสมเอาไว้

        นารีพิฆาต มีคำเชิงสัญลักษณ์ที่มีคนทักและเตือนให้ระวังไว้เสมอ

โดยเฉพาะผู้ปกครองคน ผู้เป็นผู้นำคนที่ไม่ได้ระมัดระวัง หรือไม่สำรวม อาจจะถึงจุดจบ
จุดตายได้จากการที่คิดว่า เป็นเรื่องเล็กน้อย ไม่สำคัญ

         สัตว์ใหญ่ ๆ ที่เขาเตือน เช่น ช้าง (ชู้สาว) เป็นเรื่องที่ต้องระมัด

ระวัง เพราะเป็นเรื่องผิดศีลธรรม และกฎหมายบ้านเมือง ไม่ว่าจะอยู่ที่

ประเทศไหนก็ตาม เขาถือกันมากเรื่องนี้

         นารีพิฆาต มักจะเกิดกับบุคคลสำคัญ โดยเฉพาะนักบริหาร

ผู้นำประเทศ หรือแม้กระทั้งพระภิกษุสงฆ์ที่มีชื่อเสียง มีลาภสักการะ

หรือมีชื่อเสียงโด่งดัง

         จะป่วยกล่าวไปใย แม้พระพุทธเจ้าก็เคยถูกนางจิญจมานวิกา

ใส่ร้าย แต่พุทธองค์ไม่ได้เป็นดั่งที่นางกล่าวหา ก็รอดมาได้ มีเรื่องเล่ามาว่า

         สมัยพุทธกาลก่อนพระพุทธเจ้าจะได้ตรัสรู้มีเรื่อง

นางจิญจมาณวิกา เป็นผู้หญิงที่รับอาสาเดียรถีย์ หรือนักบวชภายนอก

พุทธศาสนา ที่เสื่อมลาภสักการะและจ้างนางจิญจมานวิกาให้มาสร้างความวุ่นวายในพระพุทธศาสนา
โดยการพูดต่อหน้าสาธารณชนว่าตนเองท้องกับพระพุทธเจ้า โดยเริ่มแรกนางก็หลบเข้าไปในพระเชตวันมหาวิหาร
และทำทีว่าเดินออกมาจากวัดนี้เป็นประจำ เมื่อคนถามก็บอกว่าไปอยู่กุฏิของพระพุทธเจ้า จนผู้คนเริ่มระแวงสงสัย
นางทำอย่างนี้อยู่ 9 เดือน จนกระทั่งนางมีท้องใหญ่ขึ้นเรื่อย ๆ แล้วนางก็เข้าไปยังหมู่สงฆ์และพุทธศาสนิกชนทั้งหลาย
แล้วนางก็ร้องตะโกนว่า พระพุทธเจ้าทำนางท้อง พระพุทธเจ้าทรงนิ่งเฉยไม่แก้ตัวอะไร เพียงแต่ตรัสว่า เรื่องนี้มีเพียง 2 คนเท่านั้นที่รู้
คือเรากับนางจิญจมาณวิกา คำตรัสของพระพุทธเจ้ายิ่งสร้างความสงสัยให้ชนทั้งหลายเป็นอย่างยิ่ง ท้าวสักกเทวราชเห็นดังนั้น
 จึงสั่งให้เทพบุตรจำแลงร่างเป็นหนูไปกัดเชือกที่หน้าท้องปลอมของนางจนหลุดออกมา และความจริงก็ปรากฏแล้วว่า
ท้องของนางเป็นท้องปลอม นางตกใจวิ่งหนีไปไม่ทันพ้นพระเชตวัน ธรณีก็สูบนางลงไปสู่อเวจีทันที

      

การป้องกันนารีพิฆาต

         การที่จะถูกนารีพิฆาตหรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับตัวเราเป็นสำคัญ กรรม หรือ

เจตนาของเรา กระทำโดยหวังผลจากการล่วงละเมิด จะส่งผลต่อเรา เพราะ

เจตนากระทำ จะก่อให้เกิดกรรม เกิดวิบากกรรม

            แต่มีท่านผู้รู้ ที่เคยให้คำแนะนำในเรื่องนี้ไว้ จะทำให้เราไม่ถูกนารีพิฆาตได้

โดยตัวเรานี้แหละเป็นสำคัญ จะต้องมีคุณธรรม มีหลักธรรม เช่น

 

 

1.     การมีสัจจะ  ไม่คิดนอกใจคู่ครอง หรือการให้คำมั่นสัญญากับหญิงใดไว้

จะต้องปฏิบัติตามคำมั่นสัญญานั้น อย่าคิดว่าเป็นเรื่องเล็กน้อยไม่สำคัญ เพราะอาจจะ

เข้าทำนองว่า เสียน้อยเสียยาก เสียมากเสียง่าย (ข้อนี้จะถือว่าเป็นกฎเหล็กก็ว่าได้)

2.     การมีทมะ คือการรู้จักข่มใจเอาไว้ได้  หรือการรู้จักสำรวมหู สำรวมตา

โดยเฉพาะอายตนะ คือรูปสวย ๆ เสียงไพเราะ กลิ่นหอม ๆ เร้าใจ รสที่อร่อย การสัมผัสที่อ่อนนุ่มหรือนุ่มนวล เหล่านี้
เมื่อเจอให้มีสติ สัมปชัญญะอยู่เสมอ ดังคำที่พระท่าน

สอนเดินจงกรมว่า “ยุบหนอ พองหนอ”

3.     การมีความอดทนอดกลั้น อย่าหลงใหลในเสียงพูดจาคำหวาน ๆ ข้อนี้

พระพุทธองค์ก็ได้ตรัสสอนภิกษุสงฆ์สาวกเอาไว้ว่า

              ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย “ในโลกนี้ ไม่มีเสียงใดที่จะสามารถผูกรัด

ใจชายได้เท่ากับเสียแห่งหญิง” จะต้องสำรวม ระมัดระวังตัวไว้ ไม่ให้ลุ่มหลง หรือ

หลงใหลจนต้องกระทำความผิด หรืออกุศลกรรม (กรรมที่กรทำโดยไม่มีความชาญฉลาด)

4.     ไม่ควรอยู่ในที่ลับตากับหญิงสองต่อสอง เพราะเมื่อไรที่เราขาดสติ

สัมปชัญญะ หรือเกิดอาการเมาเพราะดื่มแอลกอฮอร์ หรือยาเสพติดให้โทษ อาจจะทำให้

เสี่ยงต่อการกระทำความผิดได้ง่าย

           เรื่องนี้ พระพุทธเจ้าก็ได้บัญญัติพระวินัยไว้ไม่ให้พระภิกษุสงฆ์อยู่ในที่ลับตา

ที่ลับหูกับหญิงสองต่อสอง ถ้าภิกษุรูปใดล่วงละเมิดก็จะเป็นอาบัติ และถ้าหากหญิง

ที่อยู่ในที่ลับตาหรือที่ลับหูสองต่อสองโจทก์อย่างไร พระภิกษุรูปนั้น ก็ให้ยอมรับตามนั้น

 

สรุป

        นารีพิฆาต เป็นคำพูดเปรียบเปรยสำหรับชายที่กระทำความผิดเกี่ยวกับหญิง

อาจจะเป็นเพราะไปล่วงละเมิดทางเพศ หรือการไม่มีสัจจะ ไม่รักษาคำมั่นสัญญาที่ให้ไว้

การไม่รู้จักข่มจิตข่มใจเอาไว้เวลาสิ่งยั่วยุมากระทบ นารีพิฆาตมักจะเกิดกับบุคคลที่เป็น

ผู้บริหาร ผู้นำ รวมทั้งพระภิกษุสงฆ์ที่มีชื่อเสียง หรือไม่สำรวมปล่อยใจตามสิ่งที่มายั่วยุ

การป้องกันก็ขึ้นอยู่กับตัวเราเป็นสำคัญ ให้ยึดมั่นในกายสุจริต วจีสุจริตและมโนสุจริต


หมายเลขบันทึก: 702470เขียนเมื่อ 30 เมษายน 2022 01:07 น. ()แก้ไขเมื่อ 30 เมษายน 2022 01:07 น. ()สัญญาอนุญาต: สงวนสิทธิ์ทุกประการจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (1)
อนุญาตให้แสดงความเห็นได้เฉพาะสมาชิก
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท