ภาวะการกลืนลำบาก เกิดได้จากการที่อวัยวะที่ใช้ในการกลืนไม่แข็งแรงซึ่งอาจเกิดจากโรคทางระบบประสาทและสมองทำให้กลืนลำบาก สำลัก รวมถึงเกิดจากประสบการณ์/เหตุการณ์ที่ทำให้เกิดการกลัวจากการกลืน เช่น กลืนแล้วสำลัก หายใจไม่ออก ทำให้กลัวไม่กล้ากินและกลืนอาหาร ซึ่งส่งผลกระทบในหลายด้าน เช่น การกิน โภชนาการ อารมณ์ การเข้าสังคม
การให้บริการในผู้รับบริการกลัวการกลืนอันเนื่องมาจากภาวะกลืนลำบาก
หลังจากทำการซักประวัติ สอบถามอาการ และตรวจประเมินความพร้อมและความสามารถในการกลืนของผู้รับบริการเรียบร้อยแล้ว ผู้บำบัดเก็บรวบรวมข้อมูล วางแผนการฝึกและตั้งเป้าหมายร่วมกับผู้รับบริการและให้การบำบัดรักษาผู้ป่วยตรวจประเมินซ้ำและปรับการรักษาให้เหมาะสมจนสำเร็จเป้าหมาย
วิธีการรักษาภาวะกลืนลำบาก
**ให้ตรวจประเมินและเข้าพบปรึกษานักกิจกรรมบำบัดในทุกสัปดาห์ (3ครั้งใน21วัน)
เพิ่มเติม
(1) ให้ผู้ป่วยนอนหงาย ก้มคอเพื่อดูปลายเท้าและค้างไว้ 60 วินาที จากนั้นลงไปพัก 60 วินาที ทำซ้ำ 3 ครั้ง ระหว่างทำให้หายใจปกติไม่กลั้นหายใจและไม่หนุนหมอน
(2) ยกศีรษะเพื่อดูปลายเท้า ขึ้นลงโดยไม่ค้าง ทำซ้ำ 30 ครั้ง
มีงานวิจัยพบว่า ทำ shaker exercise จำนวน 30 ครั้ง/วัน ความถี่ 3 วัน/สัปดาห์ นาน 6 สัปดาห์ ช่วยให้กล้ามเนื้อบริเวณคอหอยมีความแข็งแรงมากขึ้นและหูรูดหลอดอาหารส่วนต้นเปิดกว้างขึ้น มีอาหารตกค้างในลำคอลดลง การสำลักอาหารเข้าหลอดลมลดลง และผู้ป่วยทั้งหมดสามารถเปลี่ยนจากสายให้อาหารมารับประทานอาหารทางปากได้
2. ให้เทคนิคในการกระตุ้นในช่องปากเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการกลืน (กระตุ้น,แก้ไขและยับยั้ง การรับความรู้สึกและปฏิกิริยาสะท้อนกลับที่ผิดปกติ)
-บริเวณปุ่มรับรสขมและโคนลิ้น เพื่อเพิ่มการหดตัวของลิ้น
-เพดานอ่อน เพื่อเพิ่มการยกตัวของเพดานปาก
-กล้ามเนื้อคอหอย (superior and medial pharyngeal constrictor muscles) เพื่อเพิ่มการเคลื่อนไหวของคอหอยและการเปิดปิดของหูรูดหลอดอาหารส่วนบน (Upper Esophageal Sphincter)
[ในหัวข้อ 1 และ 2 ให้ทำในสัปดาห์ที่ 1 (วันที่1-7) จากนั้นติดตามผลโดยการประเมินดูความแข็งแรงของกล้ามเนื้อและรีเฟรกซ์ต่างๆ + สามารถทำต่อเนื่องเพื่อเพิ่มความแข็งแรงของกล้ามเนื้อและเพิ่มประสิทธิภาพในการกลืนให้มากขึ้นได้]
3. ประเมินอารมณ์ตึงเครียดและวิตกกังวลโดยให้คะแนนความเครียด 0-10 บันทึกข้อมูล เมื่อมีความกังวลหรือกลัวเกิดขึ้น ก่อนรับประทานอาหารให้ฝึกหายใจและเคาะอารมณ์เพื่อลดความกังวล โดยหายใจเข้าลึกออกยาวช้าๆ 10รอบ นับ1-10 ไปหน้าและย้อนกลับ จากนั้นใช้นิ้วเคาะเบาๆ ระหว่างหัวคิ้ว พร้อมพูดกว่า หายกลัว กลืนได้ 3 ครั้ง และเริ่มทานอาหาร (ใช้เทคนิค breathing และ Emotional tapping) → สามารถทำได้ทุกครั้งก่อนเริ่มทานอาหารเมื่อเกิดอาการกลัวหรือวิตกกังวล
4. ปรับความเข้มข้นของอาหารให้เหมาะสม โดยเริ่มจากความข้นที่ผู้รับบริการสามารถกลืนได้โดยไม่สำลักก่อน ประเมินซ้ำทุก 7 วัน เพื่อเพิ่มความก้าวหน้าปรับระดับของอาหารให้ไปถึง/ใกล้เคียงอาหารปกติ (ใช้เทคนิค Food texture re-education และ Graded exposure )
อาหารระดับ 1: อาหารปั่นข้น เนื้อเดียวกัน เกาะกันเป็น ก้อน ไม่มีน้ำ และไม่จำเป็นต้องบดเคี้ยว (pureed) เหมาะ สำหรับผู้ที่มีภาวะกลืนลำบากปานกลางถึงมาก เช่น โจ๊กปั่นข้น, พุดดิ้ง, ผักผลไม้ปั่นข้น
อาหารระดับ 2: อาหารปั่นข้นปานกลาง ถึงมาก เนื้อนุ่ม เกาะกันเป็นก้อนได้ง่าย และต้องการการบดเคี้ยว (semisolid) เช่น ซุปข้น, ไข่ตุ๋น, สังขยา, ไอศกรีม
อาหารระดับ 3: อาหารอ่อน เคี้ยวง่าย ย่อยง่าย (soft solid) เหมาะสำหรับผู้ที่มีภาวะกลืนลำบากเล็กน้อย เช่น ต้มจืดไข่น้ำ, ข้าวต้นข้น, ผลไม้ที่มีลักษณะอ่อนนุ่ม, ข้าวสวยนิ่มกับแกงจืด
อาหารระดับ 4: อาหารปกติ
5. ในการเริ่มรับประทานอาหารให้เลือกอาหารที่ชอบ/อยากกินเพื่อเพิ่มแรงจูงใจในการกิน ให้ใช้ช้อนแตะที่ริมฝีปาก/ในปากเพื่อกระตุ้นในการเริ่มรับประทานอาหาร รวมถึงซ้อมขยับฟันในการเคี้ยว จากนั้นช้อนชาตักอาหารคำเล็กๆ วางกลางลิ้น จากนั้นให้ค่อยๆ เคี้ยวใช้ลิ้นในการตวัดอาหารไปที่ฟันกรามทั้งซ้ายและขวา เคี้ยวข้างละ 5 วินาที เมื่อพร้อมกลืนให้ก้มคอลงเพื่อให้กลืนได้ง่ายขึ้น (ท่าทางขณะกลืน เลือกตามพยาธิสภาพของผู้รับบริการ) ระหว่างกลืน ใช้ Self-talk ในใจ“มั่นใจ กลืนได้” เพื่อเพิ่มความมั่นใจในการกลืน หากกลืนไม่ลงสามารถบ้วนทิ้งแล้วลองใหม่ได้ ถ้าเริ่มรู้สึกกลัวให้พัก/จิบน้ำเล็กน้อยก่อน แล้วค่อยเริ่มใหม่อีกครั้ง และฝึกสติในการเคี้ยวแยกการกลืนกับการหายใจออกจากกัน
เพิ่มเติม
-ก่อนทานอาหารกระตุ้นการทำงานของสมองกับจิตจดจ่อรับความรู้สึกผ่านกิจกรรมการเคี้ยว กลืน กินอาหารอย่างมีสติ ดังนี้
-การจัดท่าขณะกลืน
6. ฝึกการกลืนโดยแบ่งมื้ออาหารเป็น 5 มื้อต่อวัน ในระยะเวลา 21 วันต่อเนื่องกัน ในสัปดาห์แรก (วันที่1-7) เริ่มด้วยการฝึก 3-5 คำ ตามวิธีด้านบน แล้วกินตามวิธีปกติ ทั้งมื้อเช้า, กลางวัน, เย็น ในสัปดาห์ที่สอง (วันที่ 8-14) เริ่มเพิ่มจำนวนคำที่ฝึกให้มากขึ้น (ประมาณครึ่งถ้วย) และในสัปดาห์สุดท้ายให้ลองเพิ่มปริมาณเป็นกินให้หมดทั้งถ้วย → ติดตามผลประจำสัปดาห์ ดูความสามารถในการรับประทานอาหารและความมั่นใจในการกลืนของผู้รับบริการโดยให้คะแนนความมั่นใจ 1(น้อย) ถึง 7(มาก) และปรับแผนตามความก้าวหน้าของผู้รับบริการ
ผู้เขียนบันทึก : ณิชารีย์ เจียรชัย 6223009 นักศึกษากิจกรรมบำบัดชั้นปีที่ 3 มหาวิทยาลัยมหิดล
อ้างอิง
ไม่มีความเห็น