หลังจากที่ผมมาเขียนเรื่องการศึกษา ปัญหา และขีดจำกัดในการพัฒนาระบบการศึกษาทุกระดับ ตั้งแต่ระดับกระทรวง มาถึงระดับโครงสร้างแผนและนโยบาย ระดับการบริหารจัดการ ระดับการดำเนินงานและชุดความรู้ที่ใช้ในการดำเนินงานก็พบว่า มีขีดจำกัดมากมายเหลือเกินที่ผมพยายามปล่อยประเด็นมาทีละเรื่อง ๆ
ประเด็นใหญ่ที่ยังเป็นปัญหาอยู่ในปัจจุบัน ยังไม่เป็นนักบริหาร
ซึ่งจำเป็นจะต้องมีการสะกิดกันบ้างเล็กน้อยว่าผู้บริหารกับนักบริหารต่างกันอย่างไร
ผู้บริหาร สถานศึกษา คือผู้มีตำแหน่งสูงสุดในสถานศึกษานั้นๆ มีอำนาจสั่งการ พัฒนา และดูแลการบริหารจัดการให้ประสบผลสำเร็จตามวัตถุประสงค์และเป้าหมายที่ตั้งไว้
แต่ นักบริหาร สถานศึกษาที่เป็นผู้ที่มีความสามารถในการดำเนินงานต่างๆ ดังกล่าวข้างต้นให้ประสบผลสำเร็จเป็นอย่างไร จึงจะเรียกว่า นักบริหารที่แท้จริง
ทีนี้เราจะทำให้ผู้บริหาร กับนักบริหารเป็นคนๆเดียวกันได้อย่างไร เป็นเรื่องใหญ่เลยล่ะครับ เพราะผู้บริหารที่ไม่เข้าใจหลักการบริหารมีอยู่มากมายเหลือเกิน
ทั้งในเชิงของความสามารถส่วนตัว ความสามารถในเชิงการบริหารจัดการ และความสามารถในทางวิชาการ ทั้ง 3 ความสามารถนี้เป็นสิ่งที่จำเป็นต้องมีในผู้บริหารอย่างครบถ้วน มิเช่นนั้น ก็จะเกิดปัญหาในการทำงานต่างๆ ได้อย่างง่ายดาย
เพราะเป็นผู้ให้คุณให้โทษกับลูกน้อง ทำให้งานเดินหรือสะดุดได้อย่างง่ายดาย ในเชิงความสามารถส่วนตัว มีประเด็นสำคัญที่ต้องพิจารณาหลายเรื่องด้วยกันเช่น
ผมจึงคิดว่า ถ้าจะแก้ไขระบบการศึกษา เราอาจจะจำเป็นต้องมา ทำความสะอาดผู้บริหารให้เป็นนักบริหารที่ดีเสียก่อน หรือเปล่า?
ผมไม่แน่ใจนะครับ ! ว่าเราจะเริ่มต้นตรงไหนดีระบบการศึกษาเท่าที่ผมเห็น หาที่จับต้องไม่ได้เลย ไม่มีชิ้นให้ดึง เละเป็นส่วนใหญ่
อาจจะต้องฝังหรือเผาเท่านั้นกระมังครับ แล้วมาเริ่มต้นกันใหม่ เพราะพอคิดว่าจะแก้ตรงไหนก็ตาม มันติดหนุบติดหนับไปหมดเลยครับ หาจุดเริ่มต้นไม่ได้
เริ่มตรงนี้ก็จะติดตรงนั้น สงสัยจะต้องปฏิรูปขนานใหญ่แล้วครับ
นักการศึกษาทั้งหลายที่ “ตื่นแล้ว” มาคุยกันหน่อยดีไหมครับ ว่าจะเอาอย่างไร? ใครที่ยัง “หลับอยู่”ก็เชิญตามสบายเถอะครับ
ผมไม่ปลุกหรอกครับ สวัสดีครับ...
ชอบคำว่า จำเป็นต้องทำความสะอาดผู้บริหารมาก แต่ก็นึกไม่ออกว่าจะทำอย่างไร เพราะเขาก็มองในมุมของเขา บางคนเดินขบวนจนร้องเท้าฉีกก็ยังไม่ยอมลง มันยังไม่มีมาตรการหรือวิธีใดที่จะแก้ไข เคยอ่านพบมาบ้างว่า ในญี่ปุ่น ใครเก่งก็เสนอตัวเข้าไปว่ามีแผนงานอะไรจะพัฒนาองค์กรให้ก้าวหน้า
เขาจะแข่งขันกันมันสมองระดับบริหาร คนที่เคยเป็นลุกน้อง ถ้ามีความสามารถก็ปรับขึ้นมาแทนกันได้ ถ้ายอมรับกันที่ความรู้ ความดี ความสามารถ มันก็จะไม่มีปัญหา
แต่ในบางประเทศ แค่ไปเสนอผิดหูเข้าหน่อย พณฯ.ท่านก็ตาขวางแล้ว ยิ่งผู้บริหารในสถานศึกษายุค CEO. ลองไม่เรียนว่าท่านอย่างนั้นท่านอย่างนี้ ลูกน้องมีหวังอนาคตชำรุด
มันไปติดสาละวนอยู่กับเรื่องไม่เจียมบอดี้ ฟุ้งจนเกินฐานะ แต่ผลงานไม่เอาอ่าว
บ่นไปก็เท่านั้น ขึ้นอยู่กับว่าจะเอาKM.ไปบรรเทาเรื่องนี้ในระดับนโยบายได้อย่างไร เพราะคนที่ใกล้ชิดนโยบายก็อาจสะดุ้งว่า..อ้าว! กูเองก็เป็นนี่หว่า!!!!!!
ครูบาครับ
ตอนนี้ผมกำลังหากระพรวนสวยๆ ไปแขวนคอแมว หวังว่าแมวจะชอบ และไม่กัดหนูตายซะก่อน
ครูบาช่วยอาสาไปแขวนให้หน่อยนะครับ ไหนๆ ก็ ไหนๆ แล้ว ยอมสละชีพเพื่อชาติหน่อยนะครับ
พวกหนูๆจะได้ปลอดภัยซะที
อย่าให้ผมเสี่ยงเลย มีวิธีง่ายๆ
ไปชวนพวกที่ร้องเพลงผู้บ่าวกินแมว
มาจัดการเสียก็สิ้นเรื่อง
ขอบคุณเป็นอันขาดครับ .. เอ๊ย.. ไม่ใช่ครับ .. ขอบคุณอาจารย์มากๆครับ
ทำไมต้องมากๆด้วย มีเหตุผลครับ คือผมเพิ่งได้พบผู้บริหารและว่าที่ผู้บริหารรร.ราว 60 ชีวิต ไปเมื่อวาน ได้ชวนคุยและหาแนวร่วมอย่างที่เคยเรียนอาจารย์ไปบ้างแล้ว .. วันนี้ก็เพิ่งแยกย้ายกันกลับไปเมื่อสักครู่นี้เอง .. ดร.ประพนธ์ มาช่วย ชวนคิดชวนคุย ในหัวข้อที่ผมตั้งไว้ว่า " ผู้บริหารกับนวัตกรรมการจัดการความรู้ และสารสนเทศ " บันทึกนี้ของอาจารย์จึงเป็นเหยื่ออันโอชะของผม ที่จะ Copy ไปใส่ Ms Word แต่งตัวนิดหน่อยและแจกจ่ายเป็นเสมือนเครื่องราง ของขลัง สำหรับผู้บริหารสถานศึกษา ไว้ใช้ป้องกันตนและองค์กร จาก การหลงทาง หรือ การตกหลุม ครับ .. ผมแอบคิดเข้าข้างตัวเองว่าอาจารย์ เสนอบันทึกนี้ในจังหวะนี้ ส่วนหนึ่งเป็นเพราะรู้ว่าผมน่าจะได้ใช้ประโยชน์ต่อสิ่งที่กำลังทำ เลยไม่ได้เอ่ยขออนุญาต แต่ขออยู่ในใจพร้อมเก็งคำตอบไว้เรียบร้อยว่า อาจารย์ตอบว่า "ไม่ขัดข้อง"
อาจารย์พินิจครับ
ด้วยความยินดีครับ
แต่ขอ % จากการอ้างอิงหน่อยนะครับ
ครูบาครับ แล้วหนูจะปกครองกันเองได้ไหมครับ
ผมกลัว แมวไม่อยู่หนูร่าเริง นะครับ
เพราะได้ยิน... เสียงลือเสียงเล่าอ้างอันใดพี่เอย......
สองเขือพี่หลับไหลลืมตื่น ฤาพี่....
กราบเรียนท่าน ผอ ดิศกุล
ขอบพระคุณที่มาเติมให้สมบูรณ์ ก่อนจะนำไปตีพิมพ์แจก หน้าถนนราชดำเนินนอก เผื่อคนตาไม่บอดจะอ่านเข้าใจบ้าง
ผมไม่เข้าใจว่าทำไมผู้บริหารระดับสูงจึงต้องแกล้งโง่
หรือถ้าไม่โง่ หรือไม่แกล้งโง่จะขาดคุณสมบัติ
เห็นครูบาบอกว่า ถ้าไม่โง่สุดๆ จะเป็นรัฐมนตรีไม่ได้ ถึงเป็นได้ก็อยู่ได้ไม่กี่วัน
จริงหรือเปล่าครับ
ท่านขุนพลเม็กดำ
แล้วเราจะสู้เขาไหวไหมครับ ขบวนกองทัพปลดแอกเราจะตีแบบป่าล้อมเมืองไหวไหมครับ
ตอนนี้ขอให้ซ่องสุมกำลังให้พร้อมและตั้งมั่นอยู่กับที่ก่อน จนกว่าท่านแม่ทัพแห่งป่าชายน้ำจะปล่อยสัญญาณควันดีแตกเป็นสัญญาณบุกครับ
แต่ท่านแม่ทัพมีบัญชาเฉพาะหน้า
ขอให้เราไปประสานกับกองพันผู้บ่าวกินแมว เพื่อเบิกทางสะดวกก่อนการบุกโจมตีกองกำลังแมวหอคอยงาช้าง
จึ่งประกาศมาให้ทราบทั่วกัน
ตอนนี้เกิดวิฤติศรัทธาขึ้นในผู้นำทุกระดับ
แต่มันยังไม่สุกงอม กำลังปล่อยให้มันเฟะไปเรื่อยๆ
ปัญหาทของประเทศไทย
อยู่ที่เรามีผู้นำที่ไร้ภาวะผู้นำ
อาจารย์ท่านใดสอนเรื่องภาวะผู้นำช่วยไปทำการบ้านต่อหน่อยว่า..
ที่สอนนๆไปนั้น จะสร้างหรือทำให้เกิดสภาวะผู้นำอย่างแท้จริงได้อย่างไร คงต้องเติมเต็มในเนื้อหาสาระด้วยว่า
จะเกิดผู้นำตัวจริงเสียงจริงได้นั้น จะต้องก่อเกิดด้วยองค์ประกอบอะไร นโยบาย หลักการ วิธีการ ที่มาสอดรับกันอย่างมีประสิทธิภาพ ใช่ไหม ถ้าใช่จะทำให้ทรงพลังได้อย่างไร
การพัฒนาชาติ ต้องมาที่พัฒนาผู้นำ
ที่ชาติอื่นเขาแซงหน้าเรา เพราะเขามีผู้นำที่ดี
มีคำถามว่า
1 ทำยังไงเราจึงจะมีผู้นำที่ดีอย่างนั้นบ้าง
2 กลไกการเรียน-การสอน-ภาวะผู้นำต้องยกเครื่อง
อย่างไรหรือไม่
3 เรื่องนี้ควรเป็นนโยบายระดับชาติ ที่มีเจ้าภาพรับผิดชอบอย่างทุ่มเท-หวังผล-ต่อเนื่อง-อย่างเป็นระบบ ซึ่งก็เป็นจุดอ่อนอีกนั่นแหละ จะเห็นว่าเรามีวาระแห่งชาติออกมาหลายเรื่อง..แต่กลายเป็นว่า ..วาระของคุณ คุณก็ทำไปสิ เรื่องนี้น่ากลัวมากที่ระดับสูงไม่สามารถทำงานเชิงรุกได้
..เรารับผิดชอบกันน้อยไปหน่อย เมื่อไม่เอาสังคมเอาประเทศเป็นตัวตั้ง ก็มักจะตีความเอาข้างผลประโยชน์
ประเทศนี้จึงเดินมาถึงทางตันทุกเรื่อง เพราะเราไม่รู้จริง จึงไม่มีความรู้ไปผ่าตัดปัญหาให้ลุล่วง ทุกเรื่องที่สำคัญๆทำได้ครึ่งเดียว มันเหมือนหุงข้าวแล้วไฟฟ้าดับ ข้าวกึ่งดิบมันก็อืดคาหม้อ เสียทุกอย่าง เกิดบ่อยๆครั้งก็เคยชิน แล้วก็ยกตัวอย่างที่ถูลู่ถูกัง ว่าคนโน้นเขายังทำยังงี้ ยังงั้น แทนที่จะเอาตัวอย่างที่ดี ก็เอาตัวอย่างที่ไม่ดีมาใช้มาทำ
ผมขอฟันธงอย่างนี้ครับ ขณะนี้สังคมไทยเป็นสังคมที่ผิดปกติ ถ้าเอาเกณฑ์ปกติไปจับ เราจะวิเคราะห์ปัญหาได้ไม่ครบถ้วน ไม่ถูกต้อง
ถามว่าผิดปกติตรงไหน เอาเรื่องเดียว แค่เรื่องล้วงลูกนี่ระบบราชการก็เสื่อมโทรมอย่างที่สุดแล้ว
แล้วจะทำอย่างไร ในเบื้องต้นคนไทยต้องเรียนรู้วิธีที่จะอยู่ในสังคมที่ผิดปกติ
ถามว่าจะแก้ปัญหานี้ได้ไหม ไม่ได้ครับ
เพราะอะไรละ เพราะยังไม่เห็นคน เห็นแผน เห็นพลัง ที่จะลุกขึ้นมาทำตรงนี้
เหตุผลละ เรื่องนี้อยู่นอกระบบราชการ ถ้าแก้ด้วยระบบทำไม่ได้ ที่เขายึดอำนาจก็เพราะเหตุผลนี้ส่วนหนึ่งก็ได้ ไม่แน่ใจว่าคิดถูกคิดตรงกับคณะปฏิรูปหรือเปล่า
สรุป สุดท้ายจริงๆ เรื่องนี้ข้าราชการทุกคน คนไทยระดับที่มีการศึกษาสูงๆ คนไทยที่สนใจเรื่องสังคม รู้แล้วทั้งนั้น แต่ไม่รู้ว่าจะทำฉันใด อาจารย์คงเคยเห็นหมาที่ก้างติดคอ มันทุรนทุรายแก้ไขปัญหาแบบเอาเป็นเอาตาย เพราะแก้ไขไม่ได้มันตายจริงๆด้วย..
และสิ่งที่ว่านี้กำลังจะมาถึงไม่ช้านี้ เราจะได้รู้เสียทีว่า..
ก้างที่คาคอประเทศไทยนั้นจะเป็นอย่างไร
อาจารย์แสวง ถามว่า
หนูจะปกครองกันเองได้ไหม
ต้องร้องเพลงนี้ครับ..
" หากแมวขาดหนู แล้วแมวจะรู้สึก ..แอ่นแอ๊นแอ่นแอ๋น"
ครูบาพูดอะไรมาเป็นเหยื่อผมหมดแหล่ะครับ
ผมจองเพลงนี้ครับ วันปฐมฤกษ์เบิกฟ้า ๒๕๕๐ (อุ๊ย ตกใจ.............หมดไปอีกปีแล้วหรือนี่)
"วันใดขาดหนูแล้วแมวจะรู้สึก วันไหนสำนึกแล้วแมวจะเสียใจ มีหนูตัวงามอยู่ในรัง แมวมิเคยจะใส่ใจ ต่อวันหนูไปจึงได้คร่ำครวญ........"
โอ้ยแค่นึกก็อยากจะขึ้นเวทีจับไมค์ แล้วครับ
ฮึม ฮึม...............................
ขอบคุณครับ
อาจารย์ค่ะ ทุกวันนี้ผู้บริหารการศึกาส่วนใหญ่นึกถึงแต่ค่าหัว แต่ไม่นึกถึงเจ้าของค่าหัวค่ะ เวลานี้ก็เลยเป็นช่วงของการแย่งเด็กนักเรียน ประเภทเด็กข้าใครอย่าแตะ แค่เด็กจะไปเรียนที่อื่นยังห้ามครูแนะแนวเลยค่ะ
เข้ามาอีกครั้งเพื่อเรียนท่าน ดร. แสวง รวยสูงเนิน ว่า .. ที่ท่าน .. ขอ % จากการอ้างอิงหน่อย นั้น .. ไม่หน่อยล่ะครับ อ้างและอิง เต็มๆ ทั้ง 100 % เพียวๆ แบบไม่มีน้ำหรือโซดามาเกี่ยวข้อง แถมโฆษณา Blog ของท่านให้อีกต่างหาก ค่าโฆษณายังไม่คิดครับ เก็บไว้รับเป็น จอกๆ เมื่อ F2 F กับท่านครับ.