วิกฤติในความเห็นต่าง ตอนสอง


วิกฤติในความเห็นต่าง ตอนสอง

26 มีนาคม 2564

: ทีมงานหญ้าแห้งปากคอก (ท้องถิ่น) [1]

ย้อนอดีตปรองดองสมานฉันท์

เมื่อ 40 ปีที่แล้วจะได้ยินคำว่า “ปรองดองสมานฉันท์” (reconciliation) [2] หรือ “ปรองดองเพื่อชาติ” ที่หมายถึง การไม่ขัดแย้ง ไม่แบ่งฝ่าย ไม่แตกแยก ไม่เกิดความเสียหายต่อประชาชนคนไทย ต่อประเทศไทยโดยรวม เป็นคำเก่าที่เล่าขานมานมนาน ย้อนไปถึงสมัย “ยุทธศาสตร์มวลชน” หรือ “นโยบายการเมืองนำการทหาร” ยุคป๋าเปรมคิดบิ๊กจิ๋วทำคือ “นโยบาย 66/2523” [3] นโยบายการปรองดองและยุติสถานการณ์สู้รบในชนบท นำประเทศไทยไปสู่การปรองดองชาติ และดับไฟสงครามประชาชนลงในวันที่ 1 ธันวาคม 2525 ว่ากันว่าสมัยนั้นเป็น “สงครามความคิด” เช่นกัน เพราะเกิดเหตุการณ์ 14 ตุลาคม 2516 และ 6 ตุลาคม 2519 ส่งผลให้นักศึกษาปัญญาชนคนหนุ่มสาวหนีเข้าป่าหาอุดมการณ์กันมากมาย ที่มีคนรุ่นก่อนย้อนความหลังนำประสบการณ์ที่ผ่านมาร่วม 40 ปีเทียบกับสงครามความคิดสมัยปัจจุบันที่ต่างกันมาก

“สถานการณ์ทางการเมือง” (Political Situation) หรือ “วิกฤตการณ์ทางการเมือง” (Political Legitimation Crisis) เช่น การเดินขบวนประท้วง และการวิพากษ์วิจารณ์รัฐผ่านสื่อมวลชนในรูปแบบต่างๆ ถือเป็นวิกฤติปัญหาใหญ่ของบ้านเมือง หรือ “วิกฤติชาติ” [4] (Difficult Situation or Crisis) เพราะเกิดถี่มาก

จากการตรวจสอบคำศัพท์ในการแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้นานมาแล้ว [5] พบว่ามีการใช้คำว่า “สมานฉันท์” ที่หมายถึง “ความเห็นพ้องต้องกัน” ซึ่งต่อมาได้เปลี่ยนจากสมานฉันท์เป็น “ปรองดอง” จึงเห็นได้ว่าคำว่า “ปรองดองสมานฉันท์” ยังนำมาใช้ได้ในกรณีทั่วๆ ไปด้วย

วิกฤตสองปัญหาใหญ่

ไฮไลต์วิกฤติที่สุด ณ เวลานี้ 2 เรื่องคือ (1) วิกฤตแก้รัฐธรรมนูญ และ (2) การสืบทอดอำนาจของฝ่ายอำนาจนิยมเป็นวิกฤติ ที่ฝ่ายต่อต้านเห็นพ้องว่าต้องขจัด ในขณะที่ “กลุ่มชนชั้นนำอำนาจนิยมเดิม” ก็รักษาสถานะตนเองไว้ (Status quo) อย่างเหนียวแน่น กลุ่มคนเสียรู้ที่รู้ไม่เท่าทันหลงเข้าร่วมสนับสนุนในทั้งสองฝ่ายก็มีจำนวนมาก อาจเรียก “เตะหมูเข้าปากหมา ตกกระไดพลอยโจน”

ปัจจัยต้นเหตุคือ “ความขัดแย้งทางความคิดเห็น” (Conflict Crisis) [6] เป็นต้นเหตุสำคัญ (Origin causes) ของการต่อสู้ขัดแย้งกันทางความคิด (Crisis of Thought) เช่น มี Conflict สูง ระหว่าง Gen-Z GEN-Y ต้นๆ กับพวกเบบี้บูมเมอร์ [7]

โลกปัจจุบันเป็นไซเบอร์ เป็นดิจิตัล เป็นโลกแห่งโซเซียลเน็ตเวิร์คที่ปิดกั้นข่าวสารกันไม่ได้ ท่ามกลางความขัดแย้งต่างๆ มีความขัดแย้งระหว่างวัย หรือระหว่างคนแต่ละช่วงอายุ เรียก “ช่องว่างระหว่างวัย” หรือ “มีความแตกต่างระหว่างวัย” (Generation Gap) [8] เพราะคนแต่ละรุ่นมีชุดความคิดหรือมโนทัศน์ (Conceptualization) [9] ของตนเองที่แตกต่างกันเห็นได้ชัดเจน

ปัญหาวิกฤตรัฐธรรมนูญที่นำไปสู่ “ทางตัน” (Dead-end) [10] ไม่มีทางออกเหมือนถนนที่ตัน จนมีบางคนล้อเลียนว่า “เราไม่ต้องการทางเลือก แต่เราต้องการทางออก” (We want a better solution) “เราไม่อยากติดกับดัก (Trapping) ติดทางออกประเทศไทย” จนถึงขนาดกล่าวหาว่าประเทศไทยเป็น “รัฐพันลึก” (deep state) [11] ที่อธิบายยากหรือไม่มีคำอธิบาย

เราคงเปรียบเทียบหยาบๆ ได้ว่า ระหว่างเผด็จการ กับ ประชาธิปไตย ต่างกันที่ เผด็จการ มักจะทำอำนาจมารวมศูนย์ ผลประโยชน์ส่วนรวม กอบโกยเข้าตนเอง กลุ่มตนเอง เป็นหลัก ส่วนประชาธิปไตย จะเป็นการต่อรองประโยชน์ส่วนรวม ให้ตกอยู่กับคนส่วนใหญ่ หรือส่วนกลาง แต่ประชาธิปไตยไทย ไปไม่ถึงไหน เพราะไปค้างคาอยู่ที่คนกลาง ไม่ไปถึง ชนชั้นรากหญ้าได้จริง ส่วนหัวๆ ก็คอยแต่สร้างโอกาสช่วงชิงกันเอง ขอยกตัวอย่างการบริหารจัดการใน อปท. ในกลุ่มคนผู้มีอำนาจตัดสินใจบริหารจัดการส่วนรวม โดยเฉพาะการอนุมัติ อนุญาตที่สามารถแยกความมุ่งหมายได้ดังนี้ (1) เพื่อผลประโยชน์ส่วนตน รวมประโยชน์ทับซ้อน (2) เพื่อฐานเสียง หรือการได้รับการยอมรับจากคนในสังคม (3) เพื่อมุ่งแก้ปัญหาสำคัญๆ อย่างตรงจุด ตรงเวลา และตามลำดับความสำคัญของปัญหา ซึ่งในการตัดสินใจของผู้มีอำนาจว่าจะเรียงลำดับจุดมุ่งหมายใดมาก่อนเป็นสำคัญ การเลือกจุดมุ่งหมายมุ่งหมายเพื่อการแก้ไขปัญหาย่อมต้องมาก่อนอื่นใด เป็นต้น  

ปรัชญาขี้โกง “งบประมาณมีไว้กิน แผ่นดินมีไว้ขาย กฎหมายมีไว้เลี่ยง คะแนนเสียงมีไว้ซื้อ สื่อมีไว้ใส่ไฟ ประชาธิปไตยมีไว้บังหน้า

เป็นวาทะสโลแกนที่เขียนกล่าวไว้สะใจพวกโกงแผ่นดินมากกว่า ในสถานการณ์จริงมิได้เลวร้ายเป็นเช่นนั้น อย่างไรก็ตาม “ฝ่ายคุณธรรม” ก็ต้องหาคำตอบและแก้ไขให้ได้ว่า เหตุใดจึงยังคงปรากฏเหตุการณ์ดังกล่าวอยู่ เราจะแยกอย่างไรระหว่าง “โจร” หรือ”คนดี” ในเมื่อความทุกข์ยากลำบากของประชาชนยังไม่ทีท่าลดลง นี่ยังไม่รวมปรากฏการณ์ทางธรรมชาติเลวร้ายที่เกิดเป็นวิกฤติขึ้นอีกต่างหากนานัปการ อาทิ ฝุ่นพิษ PM 2.5 ภัยแล้ง โรคโควิด พิษเศรษฐกิจที่ส่งผลต่อคนรากหญ้าและ SME ฯลฯ ที่อาจเป็นวิกฤติระเบิดเวลา ด้วยความเหลื่อมล้ำ [12] นานาประการได้นำไปสู่การมีกรอบความคิดใหม่แนวต่อต้านของอีกฝ่ายอย่างเลี่ยงไม่ได้ กระแสแนวคิดความถูกต้อง เป็นธรรม สิทธิ เสรีภาพ ประชาธิปไตย จึงเกิดในกลุ่มคนที่เหลื่อมล้ำมากๆ ขึ้นทีละเล็กละน้อย เป็นกลุ่มต่อต้านที่แฝงตัวจากมุมมืดเริ่มปรากฏตัวออกมาทีละน้อยตามเวทีการแสดงออก การชุมนุมเรียกร้องต่างๆ เช่น กลุ่มเสื้อแดง ชาวกะเหรี่ยงบางกลอย กลุ่มแรงงานฯ กลุ่มหลากหลายทางเพศ เป็นต้น

จิตวิทยาความขัดแย้ง “วังวน วังเวียน ตีกรรเชียง ฝ่ายอำนาจ”

ความขัดแย้งแนวคิดเกือบศตวรรษ 88 ปียังเป็นขั้วเดิมมาตลอด 2 กลุ่ม [13] คือ สายอนุรักษ์จารีต (Conservative) ที่ขาดความชอบธรรมมารองรับมากขึ้น ส่วนเด็กรุ่นใหม่สายประชาธิปไตย (Liberal) หัวก้าวหน้าถูกมองว่าเป็นพวกก้าวร้าว เอาแต่ชุมนุมประท้วงเรียกร้องสิทธิฯ และเป็นพวกชังชาติ (Hate Speech) โดยมีคนอีกฝ่ายเรียกว่า “สลิ่ม” [14] คอยเสี้ยม กระแนะกระแหน กล่าวหา โจมตี บุลลี่ ดิสเครดิต หรือ กระทำการตรงกันข้ามกับอีกฝ่าย เช่น การ อวย การอุ้ม การเชียร์ การแก้ต่าง รวมถึงการข่มขู่ ฯลฯ แบบขาดเหตุผลรองรับ ไร้ตรรกะ ในความเห็นนี้ “คนรุ่นใหม่หัวก้าวหน้า” กับ “รุ่นเก่าหัวอนุรักษ์” จึงไม่ได้วัดกันที่รุ่นอายุแต่วัดกันที่ “ความคิดทางการเมือง” ฉะนั้น ในกลุ่มคนรุ่นใหม่จึงพบเห็นคนรุ่นป้ารุ่นลุงมาสมทบด้วย หรือในขณะเดียวกันรุ่นเก่ากลุ่มอนุรักษ์ก็มีวัยรุ่นสายโจ๋มาร่วมกลุ่มพิทักษ์ด้วยปะปนกันไป เราอาจพบว่าการเมืองแบบเก่ายังเป็น “การเมืองแบบจักรกลการเมือง” [15] ที่ผูกขาด “ความเป็นคนดี” [16] ยังคงมีความเข้มแข็งในระดับฐานรากอยู่ แต่ในขณะเดียวกัน การเมืองรุ่นใหม่หัวก้าวหน้าเป็น “แบบอุดมการณ์สู้ด้วยนโยบาย” [17] ที่ยังไม่ถึงฝั่ง เพราะยังเอาชนะการเมืองแบบรุ่นเก่าไม่ได้ อาจเป็นเพราะจำนวนประชากรของคนกลุ่มนี้อาจยังมีจำนวนไม่มากพอ หรือยังไม่สามารถสร้างแนวร่วมได้มากพอ

สถานการเช่นนี้ก็จะทำให้ฝ่ายตรงข้ามอีกฝ่ายลงถนนชุมนุมประท้วงมากขึ้น เพราะรัฐกร้าว ไม่ยอมผ่อนปรนปรองดอง รัฐบาลมหากู้ เศรษฐกิจไม่เดิน รากหญ้า SME มีแต่ตายกับตาย ฯลฯ เป็นวิกฤติใน “ความเห็นต่าง” ทางการเมืองที่นำไปสู่วิกฤติทางเศรษฐกิจได้ ดังเช่น วิกฤติรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2560 [18] ณ ปัจจุบัน

ในทางจิตวิทยาสังคมความขัดแย้ง (Conflict) หรือ “การไม่ลงรอยกัน” มีใน 3 ระดับ [19] คือ (1) ระดับบุคลที่เห็นได้ง่าย (2) ระดับโครงสร้างที่สำคัญ เห็นยากขึ้นแต่ยังพอเห็นได้ (3) ระดับที่สามเรียกว่าระดับวัฒนธรรมมองเห็นได้ยาก แต่มีอยู่และลึก โดยมีสาเหตุหลายประการ ที่สำคัญมาจากการสื่อสาร (Communication) ที่ไม่ต้องตรงกัน และ “ความคับข้องใจ” (Frustration) จากเหตุต่างๆ บุคคลจึงสร้างกลไกในการป้องกันตนเองขึ้น (defense mechanism) [20] เกิดพฤติกรรมและปฏิกิริยา (Behavior & Reactions) ต่างๆ เช่น การก้าวร้าว (Aggression) การต่อต้าน การขัดขวาง รวมทั้งการประนีประนอม (Compromise) ได้ ในช่วง 20 ปีที่ผ่านมามีการบัญญัติศัพท์ “Civil Disobedience” ว่า “อารยะขัดขืน” [21] ซึ่งคำนี้ฝ่ายกลุ่มพันธมิตรนำมาใช้อ้างในการขับไล่รัฐบาลทักษิณปี 2549-2551 ที่จริงคำนี้ไม่ต้องแปลเลย ความหมายเนื้อๆ ก็คือ การดื้อแพ่ง ไม่เชื่อฟังรัฐ ต่อต้านฝ่ายปกครองนั่นเอง ณ เวลาปัจจุบันนำมาใช้ในประเทศเมียนมาเรียกว่า “CDM : Civil Disobedience Movement” [22] และมวลชนรุ่นใหม่ฝ่ายต่อต้านยังได้เรียกร้อง “R2P : Responsibility to Protect” [23] ด้วย อันเป็นผลพวงมาจากการรบต่อสู้กันทางความคิดของคนสองกลุ่มนั่นเอง ที่โลกไร้พรมแดนแห่งข่าวสารนั้น “คุกจะใช้ขังความคิดของคนไม่ได้”

ต้องเปิดใจยอมรับ open minded ในทุกฝ่าย

บ้างก็ว่าการปรองดอง (reconciliation) ทำได้ยาก เพราะผลประโยชน์ที่ยังมีกุมเกาะอยู่ในแต่ละกลุ่ม ที่ช่วงชิงกันตลอดเวลา ระบบเอกชน ภาคธุรกิจ การลงทุน มักนำหน้าภาคราชการมาตลอด โดยภาคราชการก็อาศัยฐานจากเอกชนพวกนี้ มาเป็นเงินเดือน สวัสดิการต่างๆ

อีกคำ “กะลาแลนด์” [24] เป็นคำพูดของคนภาคธุรกิจที่มองโครงสร้างใช้ภาคราชการนำ ซึ่งค่อนข้างปรับเปลี่ยนบริบทได้ยาก เพราะมีความเป็นรัฐราชการ (Bureaucratic Polity) [25] ตามสำนวนพื้นบ้าน “ตะเตือนไต” ที่หมายถึง การกระทบสะเทือนถึงผู้มีอำนาจ บารมี ฉะนั้น พลังขับเคลื่อนการปฏิรูปโครงสร้างเดิม จึงย่อมอาศัยพลังที่เหนือกว่า หรือไม่ก็ต้องลดทอนพลังเก่าลงให้ได้ ซึ่งยากมาก

ทุกฝ่ายต้องเปิดใจยอมรับ (open minded) [26]ทุกฝ่าย เพื่อเปิดใจยอมรับความ “แตกต่าง” ย่อมทำให้เกิดการ “เรียนรู้” แล้วจึงนำไปสู่ “การพัฒนา” เพราะความเห็นต่างไม่ใช่ความขัดแย้ง ความคิดแตกต่างได้ แต่ไม่ได้แตกแยกกัน

นพลักษณ์ศาสตร์แห่งคนตะวันออกที่ต้องการความปรองดอง

ปัญหาว่าคนเรามักคิดตามรูปแบบที่มีอยู่ (conventional thinkers) แต่ก็มีคนกลุ่มหนึ่งที่ชอบคิดอิสระ (independent thinkers) [27] เพราะ โลกคือทุกสิ่งที่เราคิดได้ แค่เราเปลี่ยนมุมมองความคิด เราต้องคิดเป็นและคิดต่าง เป็นการคิดต่างที่แตกต่างกันแบบสร้างสรรค์ เป็นงานริเริ่มสิ่งใหม่ ที่คิดต่างจากคนทั่วไป แต่ก็มีคนแห่งความหวังที่ชาติต้องการ คือ

ENNEAGRAM (เอ็นเนียแกรม) [28] หรือ นพลักษณ์ (คน 9 แบบ) เป็นศาสตร์ตะวันออกร่วมพันปีที่อธิบายถึงบุคลิก ความนึกคิด การแสดงออกของคนเรา 9 รูปลักษณ์ (Type) เพื่อให้ง่ายต่อการรู้จักตนเองและเข้าใจผู้อื่น โดยคนในแต่ละลักษณ์จะมีความใส่ใจและแรงจูงใจในชีวิตแตกต่างกันไป มีคนรูปลักษณ์หนึ่งที่น่าสนใจ คือ รูปลักษณ์ “ผู้ประสานไมตรี” (The Peacemaker) หรือ “นักไกล่เกลี่ย” (The mediator) จะเป็นคนสองจิตสองใจตลอดเวลา แต่ขณะเดียวกันก็สามารถวิเคราะห์มุมมองต่างๆ อย่างรอบด้าน คนประเภทนี้จะให้ความสำคัญกับความต้องการของคนอื่น จนบ่อยครั้งละเลยความปรารถนาของตนเอง วุ่นอยู่กับเรื่องไม่สำคัญ จนลืมเป้าหมายแท้จริงของตน นักไกล่เกลี่ยหรือผู้ประสานไมตรีที่เยี่ยมยอด จะเป็นที่ปรึกษาที่ดี และเป็นนักเจรจาต่อรองที่คล่องตัวสุดๆ

วิกฤตของประเทศไทยสู่ New Normal

ยกตัวอย่างวิกฤติปัญหาเดิมมาปัจจุบันเพื่อไปสู่แนวทางแก้ไขปัญหาที่เป็น “New Normal” ที่ไม่พ้นปัญหาวิกฤติเศรษฐกิจอย่างแน่นอน

ชัยอนันต์ สมุทวณิช (2556) [29] สรุป 7 วิกฤติ คือ (1) วิกฤตระบบการเมืองและระบอบประชาธิปไตย (2) วิกฤตทางภาวะผู้นำ (3) การดำเนินนโยบายประชานิยมสุดกู่ (4) วิกฤตการคอร์รัปชันที่มีอย่างกว้างขวางมากกว่าสมัยใดๆ (5) แนวโน้มการเป็นเผด็จการของรัฐ เผด็จการโดยการเลือกตั้ง (6) วิกฤตความชอบธรรมของรัฐบาล (7) วิกฤตที่คนส่วนหนึ่งถูกปลุกระดมให้ปฏิปักษ์ต่อประมุขของรัฐ อย่างไม่เคยปรากฏมาก่อน

เรื่องที่เราต้องทบทวนคือ (1) ตัวแบบการปกครอง ควรได้รับการทบทวน (2) ทบทวนอำนาจนิติบัญญัติ ขอบเขตของฝ่ายนิติบัญญัติมีมากตรงที่นึกจะออกกฎหมายที่ขัดต่อหลักนิติธรรมก็ออกมาได้โดยผ่านกระบวนการที่ถูกต้อง (3) เราจะป้องกันประชานิยมสุดขั้วได้อย่างไร

สุรชาติ บำรุงสุข (2563) [30] สรุป 10 วิกฤติ หลังโควิดได้แก่ (1) เป็นวิกฤตซ้อนวิกฤต (2) เศรษฐกิจพังทลาย (3) ว่างงานและยากจน (4) เชื้อโรคไม่เคยหมด (5) เสริมสร้างสุขภาพไทย (6) มหันตภัยฝุ่นพิษ (7) ร้อนจัดและแล้งหนัก (8) ความยากลำบากในการเป็นรัฐบาล (9) ได้เวลาทบทวนตัวเองแล้ว (10) ไทยในยุคหลังโควิดจะเป็นประเทศที่อ่อนแอ

สุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ (2564) [31] เสนอ 7 มาตรการเร่งด่วนสร้างความเชื่อมั่นให้แก่นักลงทุน คือ (1) ปฏิรูประบบคิดของราชการ จากการทำตัวเป็นผู้กำกับควบคุม (คือทั้งกำกับและควบคุม) มาเป็นผู้ “สนับสนุนส่งเสริม” ให้ประชาชนทำมาหากิน ได้อย่างสะดวก (2) การ “ปฏิรูปกฎหมาย” ที่ซ้ำซ้อน และเป็นอุปสรรคต่อการดำเนินกิจกรรมทางเศรษฐกิจ การออกกฎหมายใหม่ที่ส่งเสริมการค้าและการลงทุน สำหรับคนตัวเล็ก ให้เร็วที่สุด (3) เร่งดำเนินการเรื่อง ข้อตกลงการค้าเสรี เพื่อโอกาสของการส่งออกสินค้าไทย เช่นในขณะนี้เวียดนามมีข้อตกลงการค้าเสรี (FTA) 16 ฉบับกับ 53 ประเทศ ส่วนไทยมีเพียง 14 ฉบับกับ 18 ประเทศ (4) ให้ความสำคัญกับการพัฒนาคน การพัฒนาระบบการศึกษา ส่งเสริมให้เด็กได้รับการศึกษาถ้วนหน้า ต้องทำให้เด็กไทยมีความรู้ที่จะเป็น “พลเมืองของโลก” มีความรู้เรื่องภาษา เทคโนโลยีสมัยใหม่ และส่งเสริมให้เกิดนวัตกรรมใหม่ๆ ส่งเสริมให้เกิด Start up (5) พัฒนาแรงงานไทย ให้มีความรู้และทักษะ ตรงความต้องการของผู้ประกอบการ บริษัทข้ามชาติต่างๆ จึงจะเข้ามาลงทุนในประเทศไทย (6) ต้องสร้างความมั่นใจให้นักลงทุนเรื่องความโปร่งใส ธรรมาภิบาล และความเป็นนิติรัฐของรัฐบาล และระบบราชการไทย และ (7) เร่งปรับปรุงการบริหารราชการ เข้าสู่ E-Government อย่างแท้จริง

มันช่างเป็นปัญหาโลกแตกที่ต้องการอัศวินม้าขาวมาจัดการ ก่อนอื่นขอให้จัดการตัวเองก่อนให้ได้

[1]Phachern Thammasarangkoon & Watcharin Unarine, ทีมงานหญ้าแห้งปากคอก(ท้องถิ่น), สยามรัฐออนไลน์, 26 มีนาคม 2564, https://siamrath.co.th/n/230564. 

[2]คำว่า “ความปรองดองและความสมานฉันท์” มีความหมายที่คล้ายคลึงกัน

การปรองดอง (reconciliation) เป็นการจัดการความขัดแย้งระหว่างกลุ่ม ในสังคมที่เคยแตกแยก ต่อสู้ และปะทะกัน ทั้งในระดับความคิดและในระดับการใช้ความรุนแรงทางกายภาพ ในการตกลงเพื่อเข้าสู่การเจรจาสันติภาพ (peace talk) ระหว่างกลุ่มต่างๆ โดยไม่ใช้ความรุนแรง และทำการสร้างองค์กรหรือสถาบันที่เป็นประชาธิปไตยในการเข้ามาช่วยปรองดองและต่อรองอำนาจระหว่างกลุ่มต่างๆ

ความสมานฉันท์ (Harmony) เป็นการกลมกลืนกัน ความสามัคคีกัน ใช้ได้ในหลายประเด็น เช่น การแก้ปัญหาความขัดแย้งระหว่างเชื้อชาติ ศาสนา ประเทศ แต่การที่จะเกิดคำว่าสมานฉันท์ได้นั้น ต้องใช้ระยะเวลา ไม่สามารถเกิดการเปลี่ยนแปลงได้อย่างรวดเร็วแต่ค่อยเป็นค่อยไป โดยการใช้ “หลักอหิงสา” หรือ non-violence (ไม่ใช้ความรุนแรง)

มีอีกสองคำที่ใกล้เคียงกัน คือคำว่า "Agreement" ซึ่งแปลว่า ความสามัคคี ความพร้อมเพรียง ความพอใจร่วมกัน ความเห็นพ้องร่วมกัน และ คำว่า "Consolidation” ซึ่งแปลว่า “การรวมตัวเป็นหนึ่ง” หรือ “การสมัครสมานกลมเกลียว”

ดู ความปรองดอง&ความสมานฉันท์, https://www.facebook.com/102442818337070/posts/102451285002890/

& รายงานวิจัย การสร้างความปรองดองแห่งชาติ, เสนอต่อคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาแนวทางการสร้างความปรองดองแห่งชาติ สภาผู้แทนราษฎร, โดยสถาบันพระปกเกล้า, 4 มีนาคม 2555, https://library2.parliament.go.th/giventake/content_hr/hr24/d040455-01-2.pdf  &

http://digital.library.tu.ac.th/tu_dc/frontend/Info/item/dc:55

& เยาวชนกับการปรองดองของชาติแบบ Mild Revolution ดร.จีระ หงส์ลดารมภ์, 30 กรกฎาคม 2553,

https://www.gotoknow.org/posts/379845

& สมานฉันท์ โดย เกษม ศิริสัมพันธ์, ผู้จัดการออนไลน์, 31 ตุลาคม 2548, https://mgronline.com/daily/detail/9480000150464  

[3]คำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรีที่ 66/2523 หรือคำสั่งที่ 66/2523 หรือคำสั่งที่ 66/23 เป็นคำสั่งรัฐบาลไทยที่กำหนดนโยบายสำคัญในการต่อสู้กับการก่อการกำเริบคอมมิวนิสต์ช่วงปลายสงครามเย็น คำสั่งดังกล่าวออกเมื่อวันที่ 23 เมษายน 2523 และลงนามโดยนายกรัฐมนตรี พลเอก เปรม ติณสูลานนท์ : วิกิพีเดีย  

ดู คำสั่ง 66/2523 “ป๋าเปรม” คิด “จิ๋ว” ทำ, เจาะประเด็นร้อน คอลัมน์ กระดานความคิด โดย บางนา บางปะกง, 28 พฤษภาคม 2562, https://www.komchadluek.net/news/scoop/373348

& รู้จัก “คำสั่ง 66/23” การปรองดองและยุติสถานการณ์สู้รบในชนบทที่ถูกพูดถึงอีกครั้งยุค คสช., ข่าวประชาไท, 26 มกราคม 2560, 18:57, https://prachatai.com/journal/2017/01/69790  

[4]“วิกฤติ” (Crisis) หมายถึงเหตุการณ์ที่มีลักษณะองค์ประกอบ 4 อย่าง คือ (1) มีเรื่องที่ไม่พึงประสงค์ ไม่ได้คาดหมาย เกิดขึ้น (2) เหตุการณ์มีแนวโน้มที่จะนำไปสู่หายนะ (หมายถึงความเสียหายร้ายแรงเกี่ยวกับเรื่องนั้นๆ เช่น อาจทำให้องค์กรล้มละลาย ทำให้ดีลที่ทำอยู่ล้มเลิก) (3) กระบวนการ กลไกปกติที่มีอยู่ ไม่สามารถใช้แก้ไขปัญหาได้ ต้องมีการออกแบบวิธีการพิเศษเฉพาะ (4) มีเงื่อนเวลาเข้ามาเกี่ยวข้อง ถ้าไม่แก้ไขให้ทันการณ์ ก็อาจไม่มีโอกาสอีกเลย

ดู จัดการกับวิกฤติ (Crisis Management) ทฤษฎีที่เรียนรู้จากชีวิตจริง…บทเรียนครั้งสำคัญของผม, บรรยง พงษ์พานิช ใน ThaiPublica, 18 ธันวาคม 2557, https://thaipublica.org/2014/12/banyong-pongpanich-36/

& วิกฤตการณ์การเมืองไทย พ.ศ. 2548–2553 & วิกฤตการณ์การเมืองไทย พ.ศ. 2556–2557 (วิกิพีเดีย)

[5]มีการตั้ง “คณะกรรมการอิสระเพื่อความสมานฉันท์แห่งชาติ” (กอส.) ในปี 2548 เพื่อแก้ไขปัญหาความไม่สงบในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ ด้วยแนวทางสันติวิธี โดยนายอานันท์ ปันยารชุน อดีตนายกรัฐมนตรี เป็นประธาน

[6]ความขัดแย้ง (conflict) หมายถึง ความสัมพันธ์ระหว่างบุคคลที่เกี่ยวข้องกับจุดมุ่งหมาย หรือวิธีการ หรือทั้งสองอย่าง แต่เป็นการพึ่งพาอาศัยในทางลบอาจกล่าวอย่างกว้างๆได้ว่า ความขัดแย้ง หมายถึง การที่แต่ละฝ่ายไปด้วยกันไม่ได้ในเรื่องเกี่ยวกับความต้องการ ไม่ว่าจะเป็นความต้องการจริง หรือศักยภาพที่เกิดตามต้องการ (เสริมศักดิ์ วิศาลาภรณ์, 2540)

ดู การบริหารความขัดแย้งและบริหารภาวะวิกฤต (Conflict Management and Crisis Management), สถาบันดำรงราชานุภาพ สำนักงานปลัดกระทรวงมหาดไทย, พฤษภาคม 2554, http://www.stabundamrong.go.th/web/book/54/b10_54.pdf

[7]อ้างจาก ศ.พิรงรอง รามสูตร คณะนิเทศศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ใน สิ่งที่เห็นในวิกฤตขัดแย้ง 63 สื่อต้องคิดมากกว่ายึดเรตติ้ง บทเรียนมี อย่ายุให้เข้าใจผิด, สำนักข่าวอิศรา

, 20 พฤศจิกายน 2563, https://www.isranews.org/article/isranews-article/93606-tja.html

[8]การเกิด “ช่องว่างระหว่างวัย” (Generation Gap) เพราะคนเราเติบโตในสภาพแวดล้อม สังคม เศรษฐกิจและเทคโนโลยีที่แตกต่างกัน ทำให้แต่ละรุ่นมีชุดประสบการณ์ ความคิด ความต้องการ การแสดงออกที่แตกต่างกันไป (Thinking Generations)

ช่องว่างระหว่างวัย จะไม่เป็นอุปสรรคในการอยู่ร่วมกันของคน 4-5 เจเนอเรชันในสังคมไทย ถ้าทั้งเด็กและผู้ใหญ่ ทุกเจเนอเรชัน เปิดใจ เรียนรู้ ยอมรับ และปรับวิธีคิด เรียนรู้ทักษะการใช้ชีวิตที่จะอยู่ร่วมกันและทำงานร่วมกันได้อย่างราบรื่นและมีความสุข (Thammasat University, 26 กันยายน 2563)

ดู Generation Gap (ช่องว่างระหว่างวัย ความเข้าใจที่แตกต่าง) โดย นพพล นพรัตน์ ใน acrosswork, 2561,

https://acrosswork.co.th/2018/10/generation-gap-ช่องว่างระหว่างวัย-คว/  

& ช่องว่างระหว่างวัย Generation Gap, TK DreamMakers, 5 มีนาคม 2564, https://webcache.googleusercontent.com/search?q=cache:Kq8vRvw-AUAJ:https://www.schoolofchangemakers.com/knowledge/28507/+&cd=5&hl=en&ct=clnk&gl=th

[9]“ชุดความคิดหรือมโนทัศน์” (Conceptualization) หรือ “การวางกรอบความคิด” (conceptualization) คือ กระบวนการสร้างมโนทัศน์จากปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นจริงในธรรมชาติ โดยอาศัยทฤษฎีและ งานวิจัยที่เกี่ยวข้อง ผลที่ได้จากกระบวนการสร้างมโนทัศน์ คือ กรอบความคิดเชิงทฤษฎี

ความคิดรวบยอด หรือ มโนทัศน์ (Concept) หมายถึง ภาพหรือความคิดใน สมองของบุคคลที่เป็นตัวแทนของสิ่งหนึ่ง ซึ่งภาพหรือความคิดนั้นจะประกอบ ด้วยคุณสมบัติร่วมที่เป็นลักษณะเฉพาะของสิ่งนั้น สำหรับสิ่งหนึ่งหรือเรื่อง หนึ่งนั้นแต่ละบุคคลอาจมีภาพหรือความคิดในสมองต่างกันก็เป็นได้ (ราชบัณฑิตยสถาน, 2551)

ดู เทคนิคการสร้างกรอบแนวคิดในการวิจัย โดย ศ.ดร.สุวิมล ว่องวาณิช ผู้อำนวยการศูนย์เครือข่ายวิจัยการศึกษาแบบบูรณาการ คณะครุศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, 16 กันยายน 2551,

https://home.kku.ac.th/sompo_pu/spweb/research/conceptFW.pdf

[10]สถานการณ์ความขัดแย้งที่เรื้อรังมาเกือบ 3 ปีนั้นได้ปรากฏต่อสายตาชาวไทยและต่างชาติ ผ่านสื่อต่างๆ ส่งผลทาให้ต่างชาติขาดความเชื่อมั่นในการลงทุน ส่งผลกระทบเชิงลบต่ออุตสาหกรรมการท่องเที่ยวอย่างต่อเนื่อง สร้างความเสียต่อระบบเศรษฐกิจ และทำลายภาพลักษณ์ของเมืองพุทธที่มีการเลือกใช้ความรุนแรงในการแก้ปัญหาจนมีผู้คนล้มตาย จากเสพย์ข่าว ภาพและบทวิเคราะห์ต่างๆผ่านสื่อมากมายหลายแหล่ง วันแล้ววันเล่า คนไทยกลุ่มใหญ่ เองก็รู้สึกเบื่อหน่ายกับ กระบวนการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งในสังคมที่ผ่านมา ซึ่งไม่รู่ว่า จะโทษว่าเป็นความผิดของใคร แต่ที่น่าคิด คือ ความขัดแย้งที่เกิดขึ้นตลอดระยะเวลา 4-5 ปีที่ผ่านมานั้น เกี่ยวข้องกับเรื่องของ อำนาจ และผลประโยชน์ ของผู้ที่มีบทบาทสำคัญในกระบวนการกำหนดนโยบายสาธารณะอย่างชัดเจน ซึ่งควรแก้ด้วยกระบวนการขับเคลื่อนทางการเมืองนำการทหาร

ดู การแก้ไขปัญหาความรุนแรงทางการเมืองของไทย: พบทางตันจริงหรือ?, Supattra Jittasathien, วารสารสถาบันพระปกเกล้า, ปีที่ 8 เล่ม 1 (2563) (มกราคม 2553 - เมษายน 2553),

https://so06.tci-thaijo.org/index.php/kpi_journal/article/view/244491 

& สรุปสาระสำคัญจากเสวนาวิชาการ เรื่อง “อำนาจรัฐสภาในการแก้ไขรัฐธรรมนูญ : ผ่าทางตันการเมืองไทย” จัดโดยคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ วันจันทร์ที่ 8 มีนาคม 2564 เวลา 13.00-16.00 น. ทาง Facebook Page : คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์, วิทยากรโดย : ผศ.ดร.ปริญญา เทวานฤมิตรกุล อาจารย์ประจำศูนย์กฎหมายมหาชน คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์, รศ.อานนท์ มาเม้า อาจารย์ประจำศูนย์กฎหมายมหาชน คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์, รศ.ดร.ณรงค์เดช สรุโฆษิต อาจารย์ประจำคณะนิติศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ดำเนินรายการโดย : อ.สุรศักดิ์ บุญญานุกูลกิจ อาจารย์ประจำศูนย์กฎหมายมหาชน คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ สรุปความโดย นายอธิป ปิตกาญจนกุล เรียบเรียงโดย ผศ.ดร.กรศุทธิ์ ขอพ่วงกลาง ผู้ช่วยคณบดีฝ่ายพัฒนานักศึกษา คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์, วันที่ 26 มีนาคม 2564, https://www.law.tu.ac.th/seminar-summary-parliament-power-to-amend-the-constitution/ 

[11]แนวคิดรัฐพันลึก(Deep State) เป็นแนวคิดที่ถูกนำเสนอเพื่อวิเคราะห์สถานการณ์ที่กลไกบางส่วนของรัฐไม่ยอมทำหน้าที่ตอบสนองผู้มีอำนาจรัฐดังที่ควรจะเป็น กล่าวอีกอย่างหนึ่งคือกลไกบางส่วนของรัฐกระทำการเหมือนว่าตนเองเป็นอิสระจากรัฐบาล มีผลประโยชน์ มีความคิดและหลักการเป็นของตนเอง จนในบางครั้งกลไกของรัฐกลับหันมาต่อต้านรัฐบาลเสียเอง

ดู แนวคิด ‘รัฐพันลึก’ (Deep State) โดย  ผศ.(พิเศษ) ดร.ธรรมรักษ์ เรืองจรัส, องค์กรเพื่อการพัฒนาแห่งประเทศไทย (thai-hrd), http://www.thai-hrd.com/images/column_1271961326/Thai%20Deep%20State.pdf

[12]ความเหลื่อมล้ำ (inequality) หมายถึง ความต่างกัน ความไม่เสมอกัน หรือความไม่เท่าเทียมกัน ระหว่างปัจเจกบุคคล ระหว่างกลุ่ม หรือระหว่างประเทศ ความเหลื่อมล้ำอาจมีหลายมิติ ทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม และการเมือง ความเหลื่อมล้ำทางด้านเศรษฐกิจโดยทั่วไปวัดจากรายได้ หรือรายจ่าย มักใช้ค่าสัมประสิทธิ์จินี (Gini coefficient) และสัดส่วนของรายได้เป็นตัวชี้วัด  : สำนักงานราชบัณฑิตยสภา 

ความเหลื่อมล้ำ โจทย์ใหญ่ในสมการคนจน

ธนาคารโลกเปิดเผยว่า 4 ปีให้หลังมานี้ ไทยเป็นเพียงประเทศเดียวในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ที่มีคนจนเพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะในภาคกลางและภาคใต้ คนจนที่พูดถึง คือ คนที่มีรายได้ต่ำกว่าเส้นความยากจน หรือ คนที่มีรายได้ต่อเดือนไม่ถึง 3,000 บาท … ระหว่าง ปี 2558 – 2560 พบว่า มีการเปลี่ยนแปลงของแหล่งรายได้ในกลุ่มคนจน โดยแหล่งรายได้ที่ลดลงมากที่สุด คือ ธุรกิจและฟาร์ม ‘ดร.เดชรัต สุขกำเนิด’ นักวิชาการด้านเศรษฐศาสตร์ อธิบายถึงธุรกิจและฟาร์ม ในที่นี้หมายถึง การทำเกษตรเชิงเดี่ยวและหาบเร่แผงลอย หากดูนโยบายในการพัฒนาของประเทศในช่วงเวลานั้น มีนโยบายการจัดระเบียบหาบเร่แผงลอย ที่ต้องการสร้างภาพลักษณ์ให้กรุงเทพฯ เป็นมหานครแห่งความปลอดภัย ที่สะอาด และสวยงาม

ดู "หัวโตก้นลีบ” คนจนเพิ่มขึ้นหนึ่งเดียวในอาเซียน, theactive, 21 กรกฎาคม 2563, https://theactive.net/read/poverty-series-decharut-interview/

& ความเหลื่อมล้ำและโครงสร้างสังคมไทยที่เสื่อมถอย ก่อให้เกิดความขัดแย้งรุนแรง, อ้างจาก “วาระการปฏิรูปที่สำคัญและแนวทางการบริหารจัดการของ สปช.”, 20 กุมภาพันธ์ 2558

[13]ดู ‘กระบวนการรัฐธรรมนูญ’ สานความขัดแย้ง หนทางแก้วิกฤตการเมือง ในสายตา ‘พรสันต์ เลี้ยงบุญเลิศชัย’

, ที่มา อาทิตย์สุขสรรค์ มติชนรายวัน, ผู้เขียน อธิษฐาน จันทร์กลม, 15 พฤศจิกายน 2563, https://www.matichon.co.th/prachachuen/interview/news_2443970

[14]สุรชาติ บำรุงสุข มองว่า “สลิ่ม” คือตัวแทนชนชั้นกลางปีกขวา(วิกิพีเดีย)

[15]อ้างจาก ดร.วีระ หวังสัจจะโชค ดู นักรัฐศาสตร์วิเคราะห์ผลเลือกตั้งอบจ.63 : ทำไมการเมืองเก่าคว้าชัย การเมืองใหม่แพ้ราบคาบ, โดย วรวิทย์ ไชยทอง, ในmatichon, 21 ธันวาคม 2563 - 14:55, https://www.matichon.co.th/economy/auto

[16]“เสกสรรค์ “ ชี้เมืองไทยคิดขัดแย้งสองกลุ่ม ฝ่ายอนุรักษ์ฯที่ผูกขาด “ความเป็นคนดี” ฝ่ายหัวก้าวหน้า”ขยายแนวร่วมไม่ได้มาก”, thansettakij, 9 มีนาคม 2561, https://www.thansettakij.com/content/politics/266831

[17]ดร.วีระ หวังสัจจะโชค, อ้างแล้ว

[18]ดู วิกฤตขัดแย้งแก้รัฐธรรมนูญ...ซ้ำเติมฟื้นเศรษฐกิจไทย, โดย ธนิต โสรัตน์ รองประธานสภานายจ้างผู้ประกอบการค้าและอุตสาหกรรมไทย, โพสต์ทูเดย์, 28 กันยายน 2563, https://www.posttoday.com/economy/columnist/634132

& วิกฤตรัฐธรรมนูญและวิกฤตรัฐสภา ในฐานะวิกฤตทางการเมือง โดย พิชญ์ พงษ์สวัสดิ์, หนังสือพิมพ์มติชน, 29 กันยายน 2563, https://www.matichon.co.th/article/news_2371010   

[19]ไพบูลย์เสนอ “4เสาหลัก” สมานฉันท์สังคมไทย, ไพบูลย์ วัฒนศิริธรรม บทสัมภาษณ์ ลงในนสพ.มติชนรายวัน วันที่ 7 ตุลาคม 2549, อ้างจากเวบโกทูโนว์, 24 ตุลาคม 2549, https://www.gotoknow.org/posts/55561

[20]ดู สิ่งใหม่ในสังคมโลกสมัยนี้มิใช่สิ่งใหม่แค่คำ,ชุดวาทกรรมชุดใหม่ที่ให้ตื่นตัวแค่นั้นหรือ, เสียงเล็กๆ, นาย สุรชัย ฟูอ๊าด ไวยวรรณจิตร, 7 กรกฎาคม 2553, https://www.gotoknow.org/posts/372847

[21]อารยะขัดขืน (Civil Disobedience) ดู ชัยวัฒน์ สถาอานันท์, อาระยะขัดขืน (กรุงเทพฯ: มูลนิธิโกมลคีมทอง, 2549)

& อารยะขัดขืนของนักปรัชญา Vs อารยะขัดขืนของพันธมิตร: ตอนที่ 1 อารยะขัดขืนใน อารยะขัดขืน ของชัยวัฒน์ สถาอานันท์, อุเชนทร์ เชียงเสน, 12 มิถุนายน 2551, https://prachatai.com/journal/2008/06/17026  

& อารยะขัดขืนของนักปรัชญา Vs อารยะขัดขืนของพันธมิตร: ตอนที่ 2 “อารยะขัดขืน” ของพันธมิตรฯ, อุเชนทร์ เชียงเสน, 20 มิถุนายน 2551, https://prachatai.com/journal/2008/06/17114

[22]เป็นคำย่อในประเทศเมียนมา (พม่า) ว่า “CDM” หรือ  Civil Disobedience Movement คือ  ขบวนการทำอารยขัดขืนของประชาชน ที่ต่อต้านรัฐประหารพลเอกอาวุโส มิน อ่อง หล่ายมิน  ตั้งแต่วันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2564

[23]หลัก R2P Responsibility to Protect หรือ หลักการรับผิดชอบในการปกป้อง เป็นแนวคิดของรัฐที่มีอำนาจอธิปไตย มีความรับผิดชอบในการปกป้องประชาชนภายในรัฐ ให้พ้นจากอาชญากรรมร้ายแรง มี 4 ประเภท คือ (1) การฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ (Genocide) (2) อาชญากรรมสงคราม (War Crimes) (3) การกำจัดชาติพันธุ์ (Ethnic cleansing) (4) อาชญากรรมต่อมวลมนุษยชาติ (Crimes against Humanity)

[24]กะลาแลนด์เป็นคำเปรียบเปรย มาจากคำพังเพยไทยว่า “กบในกะลา” (ครอบ) (a frog in a wall) หมายถึง ผู้ที่คิดว่าตนมีความรู้มาก แต่ที่จริงแล้วมีความรู้และประสบการณ์น้อยมาก จำกัดอยู่ในกรอบแคบๆเท่านั้น เพราะอยู่ในโลกแคบ มองเห็นเพียงกะลาแคบๆ ใกล้ตัว ขาดโลกทัศน์ที่กว้างไกล

[25]Bureaucratic Polity หมายความถึง ระบอบปกครองและการเมืองซึ่งอำนาจบริหาร และอำนาจกำหนดนโยบายอยู่ในมือของข้าราชการ ฉะนั้นรัฐประเภทนี้จึงเรียกว่า Bureaucratic state หรือรัฐราชการ

ดู รัฐราชการ(1) โดย นิธิ เอียวศรีวงศ์, มติชน, 17 กรกฎาคม 2560, https://www.matichon.co.th/columnists/news_604174  

& รัฐราชการ (2) โดย นิธิ เอียวศรีวงศ์, มติชน, 24 กรกฎาคม 2560, https://www.matichon.co.th/columnists/news_608277

[26]เปิดใจยอมรับ (open minded) หมายถึง ต้องใจกว้างยอมรับในความเห็นต่าง

[27]ดู ชีวิตที่พอเพียง 3857. คิดต่าง, วิจารณ์ พานิช(Prof. Vicharn Panich), 28 ธันวาคม 2563, https://www.gotoknow.org/posts/687966

[28]Enneagram of Personalityแปลว่า "นพลักษณ์" คุณเป็นคน type ไหน ดู ENNEAGRAM คืออะไร จากหนังสือ เอ็นเนียแกรม คน 9 แบบ : มองคนด้วยมุมใหม่ เปลี่ยนใจให้เป็นสุข' Enneagram Made Easy โดย เรนนี บารอน และอลิซาเบ็ท เวเกิล, จัดพิมพ์โดยสำนักพิมพ์มูลนิธิโกมลคีมทอง, http://cymiz.com/forum/single.php?id=2419

& คน 9 บุคลิก ที่ผู้นำต้องเข้าใจ และเลือกใช้ให้ถูกคน, ปัณณวิชญ์ เตชะเกรียงไกร, ลีดเดอร์ วิงส์ leaderwings,

6 กรกฎาคม 2559, https://www.leaderwings.co/business/enneagram/

[29]วิกฤตประเทศไทย โดย: ชัยอนันต์ สมุทวณิช, 24 พฤศจิกายน 2556, https://mgronline.com/daily/detail/9560000145900  

[30]วิกฤตไทย 2563 ข้อสังเกต 10 ประการ โดย สุรชาติ บำรุงสุข, 11 เมษายน 2563, https://www.matichon.co.th/columnists/news_2134208  

[31]“หญิงหน่อย” ตื่นแต่เช้า โพสต์โชว์กึ๋นแนะรัฐ 7 มาตรการด่วนฟื้นเศรษฐกิจไทย : สยามรัฐออนไลน์, 10มีนาคม 2564, https://siamrath.co.th/n/226172

หมายเลขบันทึก: 689732เขียนเมื่อ 26 มีนาคม 2021 15:49 น. ()แก้ไขเมื่อ 27 มีนาคม 2021 04:24 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท