3-4 วันมานี้ จู่ๆก็มีคนแปลกหน้า มา Contact ผมทาง MSN ขณะที่ผมกำลังง่วนอยู่กับการจัดหมวดหมู่จดหมายในตู้ e-mail ที่ส่งมาจากนักศึกษา 5 หมู่เรียน ที่เรียนวิชา เทคโนโลยีสารสนเทศสำหรับครู ในภาคเรียนนี้ แขกแปลกหน้าที่เข้ามาทักผมเธอใช้ชื่อยาวๆ ว่า .. "เด็กน้อยน่ารัก@รักอื่นใดเล่าเท่ารักของแม่?" ซึ่งต่อไปผมจะใช้แค่ "เด็กน้อยน่ารัก" เพื่อลดความรุงรังครับ ส่วน นามกร ที่ผมใช้ในการสื่อทาง MSN นั้นคือ "เช่นนั้นเอง" และนี่คือบทสนทนาของเราในเวลาไม่กี่นาที ...
เด็กน้อยน่ารัก : เริ่มว่า ...
หวัดดีค่ะ อ. พิชิต งานยุ่งไหมคะ ธุรกิจ ไปได้สวยไหม
เด็กน้อยน่ารัก :
หนูเอาเมล์มาจากเว็บค่ะ เห็น อ.เป็นคนเก่งเกี่ยวกับเว็บ หน่ะ
เช่นนั้นเอง :
พินิจ ครับ ไม่ใช่ พิชิต
เด็กน้อยน่ารัก :
ขอโทษ มองผิดค่ะ
เช่นนั้นเอง :
ไม่เป็นไร เรียนอะไร อยู่ที่ไหนล่ะครับ
เด็กน้อยน่ารัก :
จบแล้วค่ะ ป.ตรี ปี 40 ทำงาน มน.
เช่นนั้นเอง :
ทำงาน ? หรือ
เด็กน้อยน่ารัก :
อยู่ ส่วนงาน IT เป็น นัก วิชาการโสตฯ
เช่นนั้นเอง :
ได้ mail มาจากไหนนะ ?
เด็กน้อยน่ารัก :
หนูสนใจ เรื่องเขียนเว็บ และ Photoshop ค่ะ เลยหาข้อมูลในเว็บ
บังเอิญเจอ เมล์ อ. ค่ะ เลยเซฟไว้ ตอนนี้ไม่ได้เรื่องอะไรซักอย่าง .. .. จบ แล้วค่ะ
เช่นนั้นเอง :
ผมใช้ Web มาก .. ทำไม่เก่ง .. แต่เขียนอะไรไว้หลายที่ หลายเรื่อง
เด็กน้อยน่ารัก :
ค่ะ เคยอ่าน
เช่นนั้นเอง :
ที่ไหนล่ะ
เด็กน้อยน่ารัก :
ในเว็บค่ะ ... ( ผมว่าต้องใน GotoKnow แน่นอน แต่ไม่ได้ถามเธอ )
เด็กน้อยน่ารัก :
อยากทำเว็บ แต่ก็ยังไม่ได้ลงมือเลยค่ะ อ.พอจะแนะนำได้ไหม ว่าเริ่มจากไหนก่อนดี ภาษาก็ไม่เก่งลืม ๆไปแล้วล่ะ
เช่นนั้นเอง :
เรียนรู้ทีละน้อย ฝึกสังเกตและปฏิบัติบ่อยๆ เดี๋ยวก็ดีเอง .. อย่าใจร้อน
ควรเริ่มด้วยคำถามว่า เราจะะทำสิ่งนี้เพื่ออะไร อย่างน้อยตอบให้ชัดเจนจริงๆสัก 2-3 ข้อ แล้วจึง หาความรู้เท่าที่จำเป็น อย่าโลภ .. เริ่มทำงานตามเป้าหมายโดยใช้ความรู้น้อยๆเหล่านั้นไปก่อน
เด็กน้อยน่ารัก :
คือมันสับสน อันโน้นก็อยากได้ อันนี้ก็อยากได้ อันนี้ก็ยังไม่ได้ทำ อันนั้นอีก อันนี้ก็ยังไม่ได้ เริ่ม สับสน ทำก็ไม่เป็น ไม่เข้าใจอะไรสักอย่าง
เด็กน้อยน่ารัก :
คือเป็นคน อยากรู้ ใฝ่รู้ แต่ ขาดครู มาตลอดชีวิต ไม่เข้าใจ ไม่สามารถ หาคำตอบได้ ไม่มีที่ปรึกษา ในเรื่องที่เราอยากรู้ ถามผู้รู้เขาก็ไม่มีเวลาให้เรา เกรงใจเขามาก ๆ
เช่นนั้นเอง :
เมื่อเป้าหมายชัดเจน เราจะต้องรักการทำงานนั้นเป็นแน่ และจะมีเรื่องให้คิดให้ทำอย่างต่อเนื่อง ต่อไปจะพบเองว่ามีบางอย่างที่เรายังทำไม่ได้ ก็จะได้เรียนรู้ สิ่งจำเป็นต้องรู้ เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ในที่สุดเราจะค่อยๆ เก่งโดยไม่รู้ตัว และ เป็นการเก่งที่มีสาระ คือได้งานที่เป็นประโยชน์ด้วย ถ้าจุดประสงค์สำคัญของงานที่ทำ ไม่ได้เน้นที่ตัวเอง แต่สนใจประโยชน์ผู้อื่น คือมองออกนอกตัวด้วยความเสียสละ .. งานก็จะยิ่งก้าวหน้าได้ง่าย พร้อมกับความรู้ความสามารถที่เพิ่มพูนขึ้นรื่อยๆครับ
เด็กน้อยน่ารัก :
ขอบคุณ ค่ะ สำหรับ คำแนะนำ ดี ๆ.
......... อย่างนี้ผมก็เรียกว่า การทำงาน ครับ !
ครับ
ผมว่าอาจารย์กำลังแซวผมนะครับ
อาจารย์เรียกไปก็ได้ ว่าการทำงาน
แต่ทำงานอย่างไรให้ได้งาน นั้น น่าจะเป็นอีกเรื่องนะครับ
ที่ผมเขียนว่า งาน ผมเน้นตัวหลังครับ
ผมชอบแซวเพื่อนว่าชอบพูดว่าตัวเองมีผลงาน
ขอแถมหน่อยว่า มีลูกกี่คน
ตอบว่า ๒ คน
ผมถามว่า แล้วทำงานมาเท่าไหร่ จึงได้ผลงานเท่านี้ คิดประสิทธิภาพกี่ %
บางคนก็ตอบว่าไม่ถึง ๑%
พ่อผาย ปราชญ์แห่งบุรีรัมย์ เคยตอบว่า ต้องใช้ความพยายามถึงกว่า ๘๐๐ ครั้ง จึงได้ลูกคนแรกมา
คิดเป็น % แค่ประมาณ ๐.๑%
อันนี้ อย่า ซีเรียสนะครับ เทียบให้ดูเล่นๆ ว่างาน ผลงาน และการทำงาน มันต่างกันอย่างไรครับ
ขอบคุณ ท่าน ดร. แสวง รวยสูงเนิน มากครับที่ให้เกียรติมาเยี่ยม
พาดหัวบันทึกนี้ของอาจารย์พิมพ์ ง ตกไปเล่าครับ
ขอบคุณมากครับ
อาจารย์แฮนดี้แมน ครับ
แบบว่า.....ว่าแต่เขา อิเหนาเป็นเองจนได้อีกแล้วครับท่าน...5555...
โอ๊ย...ขาดคุณสมบัติกันหมดเลยนะคะ เป็น"อิเหนา"เอง เอ๊ย...อิเหนาเป็นเองกันทั้งนั้นเลย
แต่ว่าในความเห็นนี่คงต้องยกเว้นนะคะ เพราะพอ post ไปแล้วแก้เองไม่ได้ ถึงจะเห็นว่าผิดก็เถอะ แถมบางทียังไม่ทันเสร็จดี เผลอกด enter ก็ไปแล้วเหมือนกัน
ไว้เรามาขอทดสอบเป็น"ยามภาษา"กันใหม่นะคะ คุณขจิต และครูนง เริ่มจากบันทึกต่อๆไปของคุณพี่ Handy นี่แหละ ใครเจอที่ผิดก่อนกัน
ขี่จักรยาน วนมาดูอีกรอบครับ