ยอมรับเสียงข้างมาก เคารพเสียงข้างน้อย
กำลังนั่งลุ้นผลการเลือกตั้ง (๒๔ มีนาคม ๒๕๖๒) ตอนนี้พรรคใหญ่กำลังขับเขี้ยวกันในระดับไม่ถึงหมื่นคะแนน ฟังไป เรียนรู้ไป สิ่งที่ประทับใจที่สุด คือ วิธีการคิดจำนวนสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) ขอสรุปให้ฟังวิธีการสำหรับท่านที่ยังไม่รู้อีกครั้งดังนี้ครับ
- ให้คนไทย เข้าคูหา กาเบอร์เดียว คะแนนเดียว หนึ่งคนหนึ่งเสียง
- คะแนนของแต่ละคนไทยแต่ละคน จะถูกนำไปในการคำนวณ เพื่อให้ได้ นัยะดังนี้
- นำไปตัดสินว่า ในเขตนั้นใครจะได้เป็น ส.ส. แบบแบ่งเขต ซึ่งพรรคเป็นคนเลือกผู้สมัครลงแข่งขัน ใครได้คะแนนสูงสุดก็ได้เป็น ส.ส. (เรียกว่า ส.ส.เขตฯ)
- นำไปตัดสินว่า แต่ละพรรคจะมี ส.ส. ที่พึงมีกี่คน วิธีการคือ
- เอาเสียงของทุกคนมารวมกัน แล้วหารด้วย ๕๐๐ จะได้ จำนวนเสียงประชาชนต่อ ส.ส. ๑ คน เช่น ถ้ามีผู้มาใช้สิทธิ์และะกาเลือกเป็นบัตรดีจำนวน ๕๐ ล้าน จะได้ ๕๐,๐๐๐ คน ต่อ ส.ส. ๑ คน เป็นต้น
- จากนั้นนำเอาตัวเลขนี้ไปหารจำนวนเสียงที่ทั้งหมดที่แต่ละพรรคได้ จะทำให้ทราบว่า พรรคนั้น ๆ จะได้ "ส.ส. ที่พึงมี" เท่าใด ตัวอย่างเช่น ถ้า พรรคหนึ่งได้คะแนนเสียงทั้งหมด ๗ ล้านคะแนน หารด้วย ๕ หมื่น พรรคจะได้ ส.ส. ทั้งหมดที่พึงมีเท่ากับ ๑๔๐ คน
- ดังนั้น แต่ละพรรคจะรู้ว่า ตนเอง จะได้ ส.ส. ปาร์ตี้ลิสท์ เท่าใด โดยนำเอาจำนวน ส.ส.เขตฯ มาลบออกจากตัวเลข ๑๔๐ เช่น ถ้าพรรคหนึ่งได้ ส.ส.เขตฯ ไปแล้ว ๑๒๐ คน จะได้ ส.ส. ปาร์ตี้ลิสท์ เพัียง ๒๐ คน เท่านั้น
- นำไปตัดสินว่า พรรคใด จะมีสิทธิ์เป็นผู้จัดตั้งรัฐบาลก่อน โดยต้องมีนายกรัฐมนตรีเป็นคนที่พรรรคนั้นเสนอให้ประชาชนทราบก่อนการเลือกตั้ง
แสดงว่า ทุกคะแนนเสียง ไม่ได้ถูกละเลย ผมรู้สึกทึ่งกับคนคิดระบบนี้จริง ๆ วิธีนี้น่าจะเป็นวิธีปฏิบัติแทนคำว่า "ยอมรับเสียงข้างมาก เคารพเสียงข้างน้อย" ได้อย่างแยบยล ....
ผลคะแนนที่น่าสนใจ
ขณะนี้นับคะแนนไปแล้วร้อยละ ๙๕ ของคะนนทั้งหมด มีผลคะแนนที่เกิดขึ้นบบพลิกความคาดหมาย จนนักข่าวต่างเสนอโดยใช้คำว่า "ปรากฎการณ์" ดังนี้
- ผลคะแนนรวมไม่เป็นทางการ เป็นดังนี้
- พรรคพลังประชารัฐ ที่นำเสนอ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชาเป็นนายกรัฐมนตรี ได้คะแนนรวมมากที่สุด ประมาณ ๗ ล้าน ๕ แสนคน
- พรรคเพื่อไทย ได้อันดับสองที่ประมาณ ๗ ล้านคน
- อันดับสามคือพรรคอนาคตใหม่ ได้ประมาณ ๕ ล้านเสียง
- ประชาธิปัตย์ได้อันดับสี่ ได้ประมาณ ๓ ล้านกว่า และ
- อันดับห้าคือพรรคภูมิใจไทยได้ประมาณ ๓ ล้านเสียงพอ ๆ กับอันดับสี่
- นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ได้ประกาศลาออกจากหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ แล้ว เพื่อรักษาสัจจะของตนที่ได้พูดไว้ว่า ถ้าได้ ส.ส. ไม่ถึง ๑๐๐ จะลาออก
- แทบจะไม่ได้ ส.ส. ที่กรุงเทพฯ เลย
- พรรคอนาคตใหม่ ได้คะแนนมากกว่าทุกโพลที่สำรวจ
ตีความเหตุแห่งผลการเลือกตั้ง
มีการตีความต่าง ๆ มากมายจากนักวิชาการหน้าจอหลาย ๆ ท่าน ต่างวิจารณ์อ้อมไปมา บ้างบอกว่า ที่พรรคประชาธิปัตย์เสียคะแนนเพราะคลิปของนายอภิสิทธ์ ที่ออกมาประกาศจะไม่เอา "ลุงตู่" บ้างบอกว่า พรรคอนาคตใหม่ได้คะแนนมาก เพราะ มีคนรุ่นใหม่ออกมาใช้สิทธิ์มาก ... แต่ผมตีความแบบนี้ว่า
- การเลือกตั้งครั้งนี้ ชัดเจนที่สุดว่า เราจะเอา "๓ เสาหลัก" คือ ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ต่อไปหรือไม่ (ผมเขียนเรื่องนี้ไว้ที่นี่) ถ้าเลือกพรรคเพื่อไทยกับอานาคตใหม่ ก็มีแนวโน้มว่าจะไม่ให้ความสำคัญกับเรื่องนี้ แต่ถ้าเลือกพรรคพลังประชารัฐหรือประชาธิปัตย์ ก็จะรักษาระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุขต่อไป
- ฐานเสียงของพรรค์ประชาธิปัตย์กับเสียงของพรรคพลังประชาชน น่าจะเป็นฐานเสียงเดียวกัน คือ กลุ่มคนที่ไม่เอาทักษิณ ชินวัตร ดังนั้นถ้าปล่อยให้แบ่งคะแนนกัน จะไม่มีพรรคใดได้อันดับหนึ่งแน่ เมื่อคิดพิจารณาโอกาสแล้ว จึงประกาศไม่เอาพลเอกประยุทธ์ เพื่อเทคะแนนหมดไปให้พรรคพลังประชารัฐ .... เพื่อจะได้ส่งไปให้ถึงอันดับหนึ่งชนะพรรคเพื่อไทยให้ได้ .. จึงถือว่า คุณอภิสิทธ์ เสียสละเพื่อ ๓ เสาหลัก นั่นเอง
- ส่วนพรรคอนาคตใหม่ ที่ได้คะแนนมากผิดหูผิดตา ผมมองว่า เพราะพรรคที่ถูกยุบไปเทคะแนนให้ส่วนหนึ่ง
จบครับ