ความเชื่อกับสุขภาพ 2


ครบรอบ 1 ปี กับอาการปวดตามข้อต่าง ๆ ของพ่อ(โรคเกาท์) ตลอดระยะเวลา 1 ปีที่ผ่านมา ไม่มีวันไหนเลยที่พ่อไม่มีอาการปวด ซึ่งมักจะเปลี่ยนที่ปวดอยู่เรื่อย เริ่มจากนิ้วเท้า ข้อเท้า เขา หลัง ไหล่ ศอก และข้อมือ อาการคือจุดที่ปวดก็จะปวดมาก ๆ บางทีก็บวมแดง บางทีก็ไม่บวม เมื่อจุดไหนหายก็จะย้ายไปปวดจุดใหม่ เวียนกันอยู่ตามจุดต่าง ๆ ที่กล่าวมา แต่ก็ยังดีที่ไม่ปวดพร้อมกันทุกจุด 

ทุกครั้งที่พ่อมีอาการปวดก็จะทนแทบไม่ไหว ถามหาแต่ยาลดอาการปวด ในช่วงแรก ๆ ก็ยังคงกินยาตามที่แพทย์จัดให้กิน แต่ก็ช่วยบรรเทาได้บ้างเล็กน้อย แต่ใจจริงก็ไม่อยากให้พ่อทานยาแก้ปวดมาก เพราะพ่อเป็นโรคไตเสื่อม กังวลว่าไตพ่อจะพังเร็วกว่าเดิม

ระหว่างนั้นฉันก็หาข้อมูล สอบถามผู้รู้ เสาะหาวิธีการรักษาจากแหล่งต่าง ๆ มากมาย ได้ทั้งข้อมูลและคำแนะนำดี ๆ จากเพื่อนพ้อง ญาติมิตร ครูอาจารย์ แต่ก็ต้องมานั่งพิจารณาและตัดสินใจอีกทีว่าแบบไหนที่จะเลือกใช้กับพ่อดี โดยมีปัจจัยด้านการเงิน ความสะดวกในการดูแลพ่อ ภาวะโรคไตของพ่อ และความรู้สึกของแม่(นางจะเครียดมากกับอาการปวดของพ่อ ฉันและพี่น้องจึงต้องคอยแบ่งเบาภาวะความรู้สึกของแม่ด้วย)

วิธีแรกที่เลือกแก้ปัญหาเร่งด่วนเพื่อลดอาการปวดของพ่อ คือ พาพ่อไปหาหมอเฉพาะทางด้านกระดูก ในเชียงใหม่ หมอเลือกฉีดยาให้ และจ่ายยาที่มีผลต่อไตน้อยที่สุด (หมอว่าอย่างนั้น แต่คิดว่าคงมีผลแหละเพราะมันเป็นยาแก้ปวดเนอะ) พ่อก็อาการดีขึ้น ปวดน้อยลง แต่สิ่งที่ทำขนานกันมาตลอดคือการควบคุมอาหาร โดยที่แม่จะเป็นผู้จัดการตรงนี้ทุก ๆ มื้อ แต่ก็มีบางมื้อที่พ่อก็แอบกินสิ่งต้องห้าม แล้วอาการปวดมากก็กลับมา ทำให้พ่อได้เรียนรู้ว่าการแอบกินสิ่งที่ห้ามกินก็จะปวดแบบนี้แหละ 

วิธีที่สอง เป็นวิธีปรับสภาวะสมดุลของร่างกาย ตามแบบฉบับของ "หมอเขียว ใจเพชร กล้าจน" ตอนแรกจากที่อ่านตามเอกสารต่าง ๆ ก็ไม่เข้าใจทั้งหมด จึงต้องไปเข้าร่วมอบรมกับจิตอาสาฯที่จัดขึ้นที่ค่ายคุณธรรมหลังวัดอุโมงค์ จ.เชียงใหม่ เขาบอกว่า"หมอที่ดีที่สุดคือตัวเราเอง" เขาแนะวิธีดูแลตัวเองด้วยยา 9 เม็ด (ยอมรับว่าบางวิธีฉันก็ยังรู้สึกมีข้อกังขาอยู่) แล้วฉันก็กลับไปบอกเล่าให้พ่อกับแม่ฟัง แต่ดูเหมือนจะไม่เข้าใจกัน  เอ......ทำยังไงดีละพ่อกับแม่พากันงงขนาดนี้?  โชคดีที่ทางจิตอาสาฯ จัดกิจกรรมแบบนี้ขึ้นอีก ฉันจึงพาพ่อลงมาเรียนรู้ด้วยตัวเอง พ่อได้มาแชร์ประสบการณ์ร่วมกับจิตอาสาฯ ได้ลงมือปฏิบัติเอง ในระยะเวลา 2 วัน ทำให้เกิดสิ่งที่ไม่น่าเชื่อก็คือ หลังจากที่พ่อกลับไปแล้วพ่อทานอาหารจืดขึ้นมาก พ่อเลือกได้ว่าอาหารอะไรที่ตนกินได้และกินไม่ได้  พ่อหาพืชพันธุ์ใบไม้ใบหญ้ามาต้มและแช่มือแช่เท้าตัวเองทุกวัน (แม้พ่อจะไม่ได้ทำตามวิธีของหมอเขียวทุกวิธี แค่เห็นการเปลี่ยนแปลงแค่นี้ฉันก็อุ่นใจ) เมื่อเวลาผ่านไประยะหนึ่งพ่อมีอาการปวดไม่มากเท่าที่เคย สามารถไปไหนมาไหนได้ปกติ ทำงานได้ ขี่รถจักรยานยนต์ได้  ไปเลี้ยงควายได้ทุกวัน และที่สำคัญคือแม่มีสุขภาพจิตดีขึ้น พวกเราลูก ๆ ก็มีความสุขเช่นกัน

สิ่งที่กล่าวมาข้างต้นเป็นเพียงวิธีรักษาที่อิงทางวิทยาศาสตร์มากที่สุด และขณะเดียวกัน (ตัดภาพไปที่บ้าน) พ่อกับแม่ย่อมไม่หนีไปจากเรื่องของพิธีกรรมความเชื่อ พากันไปดูดวง ทำนาย

หมอดูคนที่ 1 (ดูดวงจากข้าวสาร) บอกว่าพ่อไปทำผิดป่าต้นน้ำ จะต้องไปทำพิธีขอขมาเจ้าที่ป่าต้นน้ำ ด้วยไก่คู่ เหล้า 1 ขวด หลังจากที่ทำเสร็จแล้วถามพ่อว่าอาการเป็นยังไงบ้าง พ่อบอกว่า "ดีขึ้นนะ รู้สึกตัวเบาขึ้น"

หมอดูคนที่ 2 (ดูดวงจากใบไม้) บอกว่าพ่อเสียขวัญ ทำพิธีเรียกขวัญ ด้วยหมู 1 ตัว หลังจากทำเสร็จฉันก็ถามพ่อเหมือนเดิม คำตอบของพ่อคือ "ก็ดีนะ ตัวเบาขึ้น ไม่หนักไม่เพลีย"

หมอดูคนที่ 3 (ดูดวงจากไพ่ยิปซี...คนนี้มีความทันสมัย 55) บอกพ่อว่าพ่อก่อกรรมไว้กับลูกที่ล่วงลับไปแล้ว 3 คน (เสียชีวิตตั้งแต่อายุแรกเกิด -3 เดือน) พ่อต้องไปทำบุญให้ลูกทั้ง 3 คน ต้องไปบวชพระ 7 วัน และถวายผ้าไตรจีวรให้พระป่าหรือพระธุดงค์ กลับจากดูดวงมาพ่อไปปรึกษาเจ้าอาวาสที่วัดแถวบ้าน เจ้าอาวาสบอกว่าจะต้องรออีกนานนะจะมีพิธีบวชพระ แต่พ่อรอนานไม่ได้จึงไปที่วัดถ้ำตอง อ.จอมทอง แม่ชีแนะนำให้พ่อปฏิบัติธรรม 15 วัน ตอนแรกพ่อก็อิดออดบอกว่า 15 วันมันนาเกินไป ฉันก็เลยบอกพ่อว่า เลือกเอาที่พ่อสบายใจนะ อย่าทำอะไรที่ทำให้รู้สึกเครียดมาก ถ้าทำแล้วกังวลใจ หงุดหงิดใจก็ไม่ต้องทำ แต่พ่อบอกว่าพ่ออยากปฏิบัติธรรม อยากส่งกุศลผลบุญให้ลูกทั้ง3คนที่ล่วงลับไปแล้ว พ่อจึงตัดสินใจมาปฏิบัติธรรมที่วัดถ้ำตอง ตั้งใจไว้ว่าจะปฏิบัติ 7 วัน แต่พ่อบอกฉันก่อนกลับจากส่งพ่อที่วัดว่า รอพ่อโทรไปละกันนะว่าจะให้มารับตอนไหน  ปรากฏว่าพ่อปฏิบัติธรรมได้ 15 วัน เห็นการเปลี่ยนแปลงของพ่อคือ หน้าตาสดใส สดชื่น อารมณ์ดี ผิวพรรณเกลี้ยงเกลา  พ่อบอกว่าอาการปวดต่าง ๆ ทุเลาลงบ้าง ไม่ปวดมากมาย แต่ที่สำคัญนอกจากพ่อจะได้หลักธรรมคำสอน แนวปฏิบัติที่ดีแล้ว พ่อยังได้เพื่อนใหม่อีกด้วย

ยังไม่จบแค่นี้ค่ะ ด้วยอาการปวดของพ่อที่เคลื่อนย้ายไปปวดตรงนั้นที ตรงนี้ที แม้ฉันจะอธิบายตามหลักวิชาการ (เท่าที่มีความรู้อยู่บ้าง) พ่อกับแม่ก็ไม่เข้าใจอยู่ดี ก็ยังคงพากันไปดูดวงอีก...

หมอดูคนที่ 4 (ดูดวงจากตะกอนในเหล้าต้ม) หมอบอกว่าพ่อโดนคุณไสย จากใครคนหนึ่งที่หมอก็ระบุตัวคนนั้นได้ ซึ่งพ่อจะต้องไปแก้ไขตรงนี้  พ่อกับแม่ก็มีความเชื่ออย่างหนักแน่นว่าต้องใช่แน่ ๆ ณ ตอนนี้ยังไม่ได้ไปแก้ ไม่รู้จะเกิดอะไรขึ้นอีกบ้างหลังจากนี้......

ณ ตอนนี้อาการของพ่อก็อยู่ในภาวะที่ไม่น่าเป็นห่วงมาก ดูแลตัวเองได้ ช่วยเหลือตัวเองได้ ทำงานได้ สุขภาพจิตดี แม่ก็มีความสุขมากขึ้น 

#ร่างกายกับจิตใจมีความเกี่ยวพันกันเสมอ

#แม้ว่าที่ผ่านมาพวกเราได้สูญเสียคุณตาที่น่ารัก ในวัย 99 ปีไป แต่ตอนนี้พวกเราก็ผ่านช่วงเวลาที่ยากลำบากนี้มาได้ด้วยดี
#แม้ว่าฉันจะได้รับอุบัติเหตุทำให้ขาหักแต่ก็ผ่านช่วงเวลาที่ยากลำบากนี้ก็ผ่านไปด้วยดี
#เชื่อว่า..การผสมผสานวิธีการรักษาทั้งสองศาสตร์ ยังคงเป็นการต่อยอดให้สภาพจิตใจของพ่อ แม่และพวกเราเองดีขึ้น
#จากที่เคยหงุดหงิดกับวิถีความเชื่อของพ่อแม่กลายเป็นว่าตอนนี้ยอมรับได้ เข้าไปเป็นคนหนึ่งที่มีส่วนร่วมในการตัดสินใจ ทำให้พ่อแม่รู้สึกดีขึ้น
#ไม่ว่าวิทยาการก้าวล้ำแค่ไหนเราก็หนีตัวตนของตัวเองไม่ได้
#ถ้าพ่อแม่จะล้มป่วยอีกฉันเองที่จะแข็งแรง

#ขอบคุณพี่สาวน้องสาวที่ผ่านช่วงเวลาเหล่านี้ไปด้วยความเข้าใจ
#เคยหงุดหงิดบ้างที่เสียเวลาในการทำงานแต่กลับมีข้อดีคือทำให้จัดการเวลาทำงานและดูแลคนที่บ้านได้ดีมากขึ้น

เรื่องราวหนึ่งปีก่อนหน้านี้

https://www.gotoknow.org/dashb...

หมายเลขบันทึก: 653768เขียนเมื่อ 26 กันยายน 2018 10:40 น. ()แก้ไขเมื่อ 26 กันยายน 2018 10:58 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (2)

เยี่ยมมาก ๆ ค่ะ เขียนจากใจลูกที่เข้าใจพหุศาสตร์รอบตัวที่แต่ละศาสตร์เป็นมายาวนานต่างกัน

การตัดสินใจเป็นของเจ้าของสุขภาพ ได้ร่วมตัดสินใจแล้วคุณพ่อสุขภาพดีขึ้น ๆ ดีใจด้วยนะคะ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท