ในช่วงระยะเวลากว่า 1 ปีที่ผ่านมา หลาย ๆ คนมีคำถามและข้อสงสัยรวมถึงคำพูดต่าง ๆ มากมายในเรื่อง "การลาออก" จากการเป็นอาจารย์ของผมเอง บางคนก็ว่าโง่บ้าง (ส่วนใหญ่) หลายคนก็บอกว่าน่าเสียดาย แต่ถ้าลองย้อนกลับไปถึงวันนั้น วันที่ยื่นใบลาออกจากการทำงานจนผ่านมาถึงวันนี้ผมตอบได้เลยครับว่า "คุ้มค่าที่สุด" กับประสบการณ์และความรู้ที่ได้รับมาตลอดระยะเวลาหนึ่งปี
การเริ่มต้นทำงานแบบอิสระเสรีกับองค์กรพัฒนาเอกชนต่าง ๆ NGO ก็ดีหรือว่าการได้รับโอกาสเข้าไปทำงานกับท่านผู้ว่าราชการจังหวัด เพื่อศึกษาและค้นหาปัญหาการจัดทำโครงการของหน่วยงานราชการทั่วทั้งจังหวัด ได้เดินย่ำไปบนพรหมและผืนนา ผ่านยอดดอยสูงเสียดฟ้ารวมทั้งก้มหน้าซบรักแท้ที่บ้านกับพ่อแม่ ช่วงชีวิตที่หนึ่งปีที่ผ่านมาสามารถเติมเต็มชีวิตกับเบญจภาคีแห่งการพัฒนาทั้ง 5 ที่ไม่ใช่เพียงเดินเข้าไปศึกษาหรือว่าอ่านหนังสือจากตำรา แต่เป็นการใช้ชีวิตเข้าไปสัมผัส กิน นอน นั่ง และเดิน โดยเฉพาะอย่างยิ่งใช้กายและจิตทำงานร่วมกันเพื่อสร้างสรรค์ชาติไทย
แต่ในที่สุดผมเองก็ได้มาพบกับภาคีที่ 6 ตัวแปรหรือตัวจักรสำคัญที่จะทำให้เบญจภาคีทั้ง 5 ทำงานสอดประสานกันได้อย่างลงตัวโดยที่ไม่มีคำว่า "ผลประโยชน์" ที่เป็นตัวเงินเข้าไปเกี่ยวข้อง กับองค์กรที่มีชื่อหรือสร้อยด้วยคำว่า "หลวง"
โครงการหลวง สถาบันวิจัยเกษตรหลวง องค์กรหลวงต่าง ๆ เป็นต้นแบบของการบูรณาการสรรพกำลังของเบญจภาคีที่น่าศึกษา คนระดับมันสมองหลาย ๆ ท่านที่ลาออกจากงานประจำทั้งด้วยสาเหตุจากการรักที่จะทำงานเพื่อในหลวง รวมทั้งอัดอั้นตันใจกับระบบราชการที่มีปัญหาเรื้อรังรอบด้าน ทำให้หลาย ๆ ท่านหันหน้าที่จะมาทำงานในช่วงชีวิตที่เหลืออยู่ทุ่มเทวิญญาณและร่างกายทำงานเพื่อ "ในหลวง" พ่อหลวงของปวงชนชาวไทย
ครูบาอาจารย์ นักวิชาการ ข้าราชการ วิศวกร เกษตรกร พ่อค้า ประชาชนที่มีความรู้ความสามารถปวารนาตัวเข้าทำงานโดยมิได้หวังสิ่งตอบแทนเป็นเงิน แต่หวังประโยชน์ที่ได้รับความสุขทางด้านจิตและใจ
การทุ่มเททำงานอย่างเสียสละ ใช้เงินทุกบาททุกสตางค์อย่างคุ้มค่ากับแนวคิดที่ว่า "เงินของในหลวง" ต้องใช้อย่างประหยัดและคุ้มค่าที่สุด เป็นแนวคิดที่ทำให้ที่ผันผ่านในแต่ละวันอุดมไปด้วยคุณค่าอย่างแท้จริง
ความสุขที่เสพได้ด้วยจิตพร้อมกับการทำงานร่วมกันอย่างฉันมิตร แนบสนิทเข้าสู่กายและจิตของผู้ทุ่มเททำงานเพื่อในหลวง
การทำงานแบบหลวง เพื่อหลวง องค์กรหลวง รัฐบาลหลวง เป็นประตูสู่การบูรณาการงานเศรษฐกิจและสังคมเข้าสู่ชีวิตของพี่น้องชาวไทยทุกคน
วันนี้และวันหน้าตัวผมเอง ในช่วงชีวิตที่เกษียณการ "ทำงานราชฯ" นี้ขอตั้งจิตและทุ่มเทแรงกายทำงานเพื่อ "ทำงานหลวง" ตลอดไปครับ
ปภังกร วงศ์ชิดวรรณ
ศรัทธา และเชื่อมั่นในสิ่งที่ทำ ทำให้เต็มที่ และทำให้มีความสุข
ผมกับอาจารย์ "ไม่ต่างกัน" ในเนื้อหาที่กล่าวในบันทึก
ให้กำลังใจและผมเชื่ออีกว่า อาจารย์ที่พลังที่มุ่งมั่นอยู่เต็มเปี่ยมหัวใจ
อ่านบันทึกนี้แล้วรู้สึกได้ถึงพลังของ คุณ ปภังกรที่มีมากมายส่งผ่านมาถึงดิฉันด้วย ขอบคุณมากค่ะ และขอเป็นกำลังใจให้อีกคนนะคะ
ผมก็เคยเป็นครูในระบบของคนอื่นอย่างคุณปภังกรนะครับ ตอนนี้หันมาเป็นครูในระบบแต่เป็นระบบที่เราควบคุมได้มากกว่า ก็แฮปปี้ดี และก็ทำงานกับครูในระบบอื่นๆได้บ้าง ไม่ได้บ้าง ก็ลุยไปเรื่อยๆ
ถ้าจะคิดให้แปลกแยกมันก็ได้ แต่ถ้าจะคิดแบบชื่นชมความหลากหลายแล้วบูรณาการกัน นั่นก็ยิ่งดี
ผมว่าจิตวิญญาณความเป็นครูไม่ได้อยู่ที่ระบบ แต่มันอยู่ในตัวคนมากกว่า ไม่มีคนจ้าง ก็เป็นครูได้ทุกที่ ทุกเวลา คิดอย่างนี้ แล้วสบายใจครับ
คุณค่าคนอยู่ทีผลของงาน ไม่อยู่ที่ตำแหน่ง นี่คือสัจธรรมของชีวิตครับ
ตำแหน่งเป็นทางผ่านไปทำความดี นี่คือ ศักยภาพของชีวิต
ณ วันเรานอนที่เชิงตะกอน คนจะมีเรื่องดีๆพูดถึงเราว่าอะไรบ้าง นี่คือ มรณานุสติ
วันนี้ทำให้ดีที่สุด แม้จะมีเพียงวันเดียวก็มีความหมายต่อตนเองและผู้อื่น
ดีที่สุดทั้งต่อคนเองและผู้อื่น (ดร. อาจอง พูด) คือดีที่สุดของดีที่สุด
โชคดีครับ
เป็นกำลังใจสำหรับตอนดึกครับ