จากที่นำเสนอในเบื้องต้นไว้แล้ว คราวนี้ผมขอเสนอตัวอย่างบทบาทของ สถาบันพัฒนาจิตนาการ (IDI- Imagination development institute) และวิธีการทำงาน ที่น่าจะประกอบด้วย การทำให้ตนในสังคมเป็นคนช่างสงสัย ไม่เชื่อในสิ่งที่เห็นอยู่ด้วยสัมผัสต่างๆ รู้วิธีการตั้งสมมติฐาน รู้จักการทดสอบ ทดลอง (คล้ายกับงานวิจัย) แต่ต้องเพื่อการสร้างความรู้ ไม่ใช่เพื่อสร้างขยะกระดาษเปื้อนหมึกเพียงอย่างเดียง แล้วนำความรู้ไปสนับสนุนการทดสอบและขยายผลการสร้างจินตนาการในเรื่องต่างเพื่อการพัฒนาความรู้เพียงอย่างเดียว
สำหรับบทบาทของ สถาบันจัดการความรู้ (KMI- Knowledge Management Institute) ก็น่าจะเริ่มที่การกระตุ้นให้คนค้นหา รวบรวม แบ่งแยก จำแนก จัดระบบ ตรวจสอบ บ่มเพาะ และเผยแพร่ความรู้ไปในที่และรูปแบบที่เหมาะสม
ส่วนบทบาทของสถาบันพัฒนาปัญญา (WDI-Wisdom development institute) ก็เน้นการนำความรู้ไปใช้งานจริงเพื่อพัฒนาภูมิปัญญาและทักษะในการดำรงชีวิต ทดสอบ บ่มเพาะ ขยายผลการใช้งาน ทั้งในระดับบุคคล ครัวเรือน ชุมชน องค์กร และระดับประเทศ ที่สนับสนุนการทำแผนและนโยบายที่ดีกว่าเดิม
การดำเนินงานของทั้ง ๓ องค์กรข้างต้น สามารถทำแบบบูรณาการ หรือพัฒนาเป็นงานย่อยของ สคส ไปก่อนก็ได้ จนกว่าจะเข้มแข็งเป็นองคาพยพที่หนุนช่วยกันอย่างเต็มที่
ถ้าทำได้ การจัดการความรู้น่าจะชัดเจนและเข้มแข็ง จนสามารถเป็นที่พึ่งของชาวบ้าน สังคมและ ประเทศชาติได้เป็นอย่างดี
จึงเรียนมาด้วยความเคารพในความคิดของนักจัดการความรู้ทุกท่านไม่มีความเห็น