บันทึกดัดฟันเมีย


ช่วงนี้บ้านผมมีวัยรุ่น ๒ คน

คนหนึ่งก็ลูกสาวคนโต คนหนึ่งก็เมียคนโต

เอ๊ะ !?!

...............................
ช่วงนี้ทีมทำแท้งของผมไม่พร้อม
แต่จะว่าเป็นทีม จริงๆก็คงไม่ใช่

คนที่อยู่ในเส้นทางทำแท้งของผม อาจจะไม่ใช่ทีมของผมทั้งหมด บางคนทำเพราะจำยอม นั่นคือลูกศิษย์ เขากำลังเรียน เขาต้องทำแท้งเพราะต้องทำให้เป็น นี่เป็นข้อกำหนดของการเรียน แต่บางคนเป็นผู้ร่วมงานที่ต้องจำใจมาดูคนไข้ของผม และพวกเขารู้สึกเครียดที่ต้องมาดูแลคนไข้ทำแท้งของผม “เขากลัวบาป”
นั่นจึงเป็นที่มาที่จำต้องบอกว่า ทีมของผมยังไม่พร้อม

มันจึงทำให้ในตอนนี้ ผมจึงไม่สามารถให้บริการยุติการตั้งครรภ์ได้เหมือนเมื่อก่อน ประหนึ่งว่า ช่วงนี้ใครจะมาเกิดก็เกิด เกิดในวาระแบบไหนก็เกิดไปตามมีตามเกิด เอาเหอะ กรรมใครกรรมมัน (ผมไม่รับ)

เมื่อปลายสัปดาห์ที่แล้ว จู่ๆก็มีคนไข้มาให้ผมทำแท้งอีกครั้ง หลังจากที่ห่างหายกันไปนาน

บ้าจริง.....(ผมสบถในใจ)

เมื่อเจอเธอ ผมถึงกับรู้สึกฉุนขึ้นมา นั่นก็คงเป็นความรู้สึกส่วนตัวที่ช่วงนี้จะมีใครที่มาขอให้ทำแท้ง ผมจึงรู้สึกเบื่อๆ เบื่อที่บางที่ก็ไม่รู้ว่าจะช่วยพวกเขาได้อย่างไร แต่ช่างเหอะ มันคงไม่ใช่กงการอะไรของผมนี่นา

“หมอคะ ดิฉันเสียเงินไปกว่า ๕ พัน เพื่อซื้อยาทาง internet มาเพื่อยุติการตั้งครรภ์ แต่มันก็ยังไม่แท้ง” เธอเริ่มต้นด้วยประโยคเช่นนี้ ซึ่งทำให้ผมต้องหยุดอารมณ์ฉุนที่ส่งออกไปเมื่อครู่

“ขอหมอดูยาที่ว่านั่นหน่อยได้ไหมครับ” มันดูสุภาพดีนะครับ ที่ถามออกไปอย่างนั้น แทนคำผรุสวาทที่กำลังคิดอยู่ในใจ “ไปซื้อมันทำไมวะ” “ไปรู้ได้ยังไงว่ามันเป็นยาทำแท้งจริงๆ” “เวรจริง อุตส่าห์ไปซื้อของราคาแพงมา ทำแท้งไม่สำเร็จแล้วมาหาผมทำไมวะ” มันอยู่ในหัว แต่ไม่สามารถพูดออกไปได้ ในเมื่อผมเองก็ยังไม่สามารถช่วยเธอคนที่นั่งอยู่ข้างหน้านี้ได้ จะว่าไป อันที่จริงก็คงเป็นเพราะเราเอง ที่ทำให้การเข้าถึงบริการมันยากเย็นแสนเข็น ยาที่สามารถให้บริการได้โดยไม่ต้องเสียเงิน จึงกลายเป็นยาที่มีราคาแสนแพง

“ดิฉันคงใช้ยาผิดวิธี จึงไม่ทำให้เกิดการแท้ง” เธอยังคงเล่าต่อ

เธอคนนี้คงมีอะไรบางอย่างที่ผมต้องหยุดฟัง เพราะเมื่อแรกที่พบหน้ากัน ผมก็รู้สึกว่าเธอไม่ปกติ

อันที่จริงเธอกำลังป่วยด้วยซ้ำ เธอป่วยด้วยโรคที่ไม่น่าจะสามารถมีลูกคนนี้ได้อีกต่อไป แต่เธอไม่ได้ปรึกษาแพทย์ด้วยเหตุที่ไม่กล้า (อันที่จริง ใครก็ตามที่จะมาขอทำแท้ง ล้วนมีความกลัวเช่นนี้ทุกคน เชื่อไหม เธอเหล่านั้นกลัวหมอด่า กลัวพยาบาลด่า กลัวการถูกเหยียดหยามจากคนรอบข้าง จากพวกเราผู้ซึ่งถูกเรียกว่า หมอและพยาบาล) เธอจึงได้เข้าไปใน internet และสั่งยาทำแท้งในราคากว่า ๕ พันมาใช้

“ทำไมต้องทำแท้งล่ะ” ผมถามออกไป

“หนูลำบากมากนะคะหมอ” เธอตอบ ซึ่งผมเชื่อว่า ท่านหลายคนที่กำลังอ่านอยู่ตอนนี้ก็คงยิ้มอยู่ที่มุมปาก “แมร่ม...พูดเหมือนกันทุกคน” ใช่ไหม?

“ดิฉันเริ่มป่วยด้วยโรคนี้มาตั้งแต่ตั้งท้องลูกคนที่แล้ว ตอนนั้นสามีก็บอกให้ไปเอาลูกออก” ผมสังเกตเห็นว่า แววตาของเธอเริ่มมีน้ำตามาเอ่อมากขึ้น

“แต่จะให้หนูไปทำแท้งได้อย่างไร ในเมื่อลูกคนนี้เกิดมาเพราะเรา ๒ คนรักกัน หนูทำใจไม่ได้หรอก” คราวนี้น้ำตาเธอไหลพราก ผมก็ทำได้แค่ฟัง และยื่นกระดาษซับน้ำตาให้ (แมร่ม..กูคงเป็นศิราณีกลับชาติมาเกิดสินะ แต่..เอ๊ะ..ป้าศิราณีคงยังไม่ตายทีนะ)

“หนูเลือกที่จะเอาลูกไว้ และยอมที่จะต้องเลิกกับเขาไป ไม่เข้าใจเหมือนกัน ว่าทำไมเขาจึงต้องโกรธหนูเสียขนาดนั้น แต่หนูก็ทำใจได้นะคะ เพราะได้ลูกมาอีกคนที่รักเขามากเหลือเกิน และหนูก็เป็นแม่เลี้ยงเดี่ยวมาตั้งแต่บัดนั้น” เธอบอก

“แล้วท้องนี้เป็นมายังไงล่ะ” ผมเริ่มงง (อันที่จริงก็ไม่งงหรอก บนเส้นทางการทำแท้งที่ผ่านมา เรื่องแบบนี้ก็พอจะคาดเดาได้เหมือนกัน)

“มีรุ่นพี่เขาเข้ามาในชีวิตค่ะ เราเคยรู้จักกันมาก่อนนานมากแล้วตั้งแต่ตอนเรียน ตอนนั้นหนูไม่มีใคร เมื่อเขาเริ่มเข้ามาในชีวิตเราก็เลยมีอะไรกัน และหนูก็ท้องนี่แหละหมอ เชื่อไหม ว่ามันแค่ ๒ ครั้งเอง ๒ ครั้งจริงๆ” เธอเล่า

“เชื่อ” ผมตอบ “อันที่จริง ดาวพระศุกร์ก็คงเป็นแบบเธอนี่แหละ เพียงแต่ดาวพระศุกร์เธอถูกคุณภาคย์ข่มขืนแค่เพียงครั้งเดียวก็ท้องแล้ว แต่เอ๊ะ..น้องดาวพระศุกร์ไม่ท้องนี่นา ขอโทษ ผมคงกำลังอิน เพียงแต่ตอนนั้น คนไทยทั้งประเทศกำลังรอให้คุณภาคย์ข่มขืนนางเอกจริงๆเสียทีเท่านั้นเอง หนังช่อง ๗ น่ะ เธอคงเคยดูใช่ไหม กบกะศรราม” ผมว่าไป พร้อมหัวเราะเกลื่อนความมืดมัวของการสนทนาในขณะนั้น เท่านั้นเอง

“พอเขารู้ว่าหนูท้อง เรื่องมันเลยเปลี่ยนเลยล่ะหมอ” ว่าแล้วตอนนี้ การสนทนาก็ต้องหยุดลงไปอีก เพราะการสะอื้นของผู้หญิงสักคนหนึ่งที่นั่งตรงหน้าผมนี่ มันเป็นเรื่องใหญ่ทุกครั้ง

ผมกำลังย้อนนึกไป ว่าผู้หญิงของผม ต้องร้องไห้เพราะผมสักกี่ครั้ง

“เขามีเมียแล้ว หมอคะ หมูไม่ได้กำลังโกหก หนูไม่ทราบจริงๆ” เธอคงกำลังรู้สึกผิดอีกรอบ เพราะน้ำตาที่ไหลลงมานั้น มันกำลังถูกซับแล้วซับอีก

อันที่จริงเรื่องราวแบบนี้ ใช่ว่าผมจะไม่เคยได้ฟัง

และอันที่จริงอีกหน ก็เคยรู้สึกรำคาญเหมือนกัน ว่าทำไมต้องมีผู้หญิงที่ถูกหลอกเรื่องแบบนี้ได้ง่ายๆ

ผู้หญิงโง่ ผู้ชายแม่งเหี้ย หรือเป็นการสมยอม หรือจริงๆแล้ว มันเป็นลิขิต

แต่ในชีวิตจริง มันก็มีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้น จริงๆ

“เอาเหอะ ไม่เป็นไร แล้วผมจะช่วยอะไรคุณได้บ้าง” ผมเริ่มการสนทนาอีกครั้ง หลังต้องหยุดไปด้วยน้ำตา

“หนูจึงไปซื้อยาทาง internet มาทำแท้ง เพราะเขามาบอกว่า เขามีเมียอยู่แล้ว หนูต้องทำนะหมอ ลูกจะเกิดมาแบบนี้ไม่ได้ และหนูเองก็ไม่แข็งแรงพอที่จะต้องท้องลูกคนนี้”

ใช่สิ ผมนึกขึ้นมาได้ เธอกำลังไม่สบาย ด้วยตัวโรคเองแล้ว เธอก็ท้องไม่ได้

“เออ ไม่เป็นไร เดี๋ยวจะช่วยจัดการให้ เพราะยาที่เธอซื้อมานั้น อันที่จริงก็เป็นยาที่มีประสิทธิภาพดีพอสมควรนะ เพียงแต่ว่า เราไม่รู้ว่าเป็นเป็นยาจริงหรือปลอม หรือไม่เธอก็ใช้ผิดวิธี แต่อย่างไรก็ตาม เมื่อกินยานี้แล้ว เธอก็ควรทำให้แท้งให้สำเร็จ เพราะลูกอาจจะพิการจากยานี้ได้นะครับ และที่สำคัญ ยาเม็ดแรกที่กินเข้าไปนั้น หากเป็นยาของแท้ มันก็ทำให้รกเสื่อมและตัวอ่อนก็ไม่พัฒนาแล้ว ผมเชื่อว่าตอนนี้การตั้งครรภ์ของเธอหยุดไปเรียบร้อยแล้ว เพียงแต่มันยังไม่แท้งออกมาเท่านั้น” ผมอธิบายออกไปหลังจากได้ตรวจภายในเป็นที่เรียบร้อย

..................................................................................

ผมอยากจะบอกว่า ยาทำแท้งในตอนนี้ กรมอนามัยเขาจัดให้โรงพยาบาลที่รับดูแลคนไข้ที่ต้องมายุติการตั้งครรภ์โดยไม่มีค่าใช้จ่าย และที่สำคัญ ยา cytotec ที่มีใช้ในโรงพยาบาลน่ะ เม็ดละ ๑๐ กว่าบาทเท่านั้น ไม่ใช่เม็ดละ ๕๐๐ อย่างที่เธอเล่ามา

ยังมีคนอีกมากมายนะครับที่ต้องรับบริการจากหมอทาง internet ด้วยราคาแพงๆเช่นนี้ บางคนต้องหาซื้อยาซ้ำๆ ในราคาเดิมๆ เพียงเพราะการแท้งไม่ได้เกิดขึ้นจริง หลายๆครั้ง เงินที่ต้องได้มาก็เกิดจากการหยิบยืมมาอีกที และบางคนมาหาเราอีกทีก็เมื่ออายุครรภ์ที่มากเกินกว่าที่จะให้การช่วยเหลืออะไรได้ นอกจากปลอบใจและทำใจ

................................................................................

เมียผมคงโชคดีกว่าเธอเหล่านั้น

แต่ก็นั่นแหละ สวรรค์ก็ไม่ได้ปราณีเราเสมอไปหรอก ในเมื่อตอนนี้เมียผมเธอกำลังทุกข์ทรมานเช่นเดียวกัน

เธอไม่ได้ทุกข์เพราะท้องไม่พร้อม แต่ทุกข์เพราะการดัดฟัน

ฮ่าๆๆ เรื่องจริงครับ การดัดฟันที่เกิดขึ้นจากการที่ฟันสบกันผิดปกติ มันเป็นโรคในอีกโลกหนึ่งซึ่งเราทั้งคู่ไม่เคยคิดว่าจะต้องมาเจอ

และท้ายที่สุด เธอก็ต้องยอมให้หมอฟันรุ่นพี่เป็นผู้จัดการมัดฟันไว้กับเหล็กดัด

มันจึงทำให้ครอบครัวเราถึงคราววิกฤติอีกหน..........

“รำคาญ” นั่นคือเสียงบ่นของเธอ ผู้ที่มีอิทธิพลที่สุดในบ้าน

“กินอะไรมันก็ติดฟัน เคี้ยวก็ไม่ปกติ ยิ้มก็ไม่ใช่แม่” นั่นไง

“แม่..ฟังพ่อนะ แม่มีปัญหาทางพันธุกรรม กรามแม่เป็นเช่นนี้ และแม่ก็ต้องถูกแก้ปัญหาแบบนี้ แม่อย่าบ่น” ผมเริ่มเสียงแข็งบ้าง ฮ่าๆๆ

“มันหิว เข้าใจไหม จะกินอะไรก็ลำบาก กินแต่ละครั้งก็เคี้ยวได้ไม่ดี” เธอยังคงมีเหตุผลที่น่าฟังเสมอ (หรือต้องฟัง)

“พ่อเข้าใจ แต่เดี๋ยวมันก็จะดีขึ้นเอง อย่าบ่น พรุ่งนี้จะทำกับข้าวให้กินเอง อย่าบ่นนะ บ่นมากเดี๋ยวก็ให้ไปซื้อกินเองซะเลย” นั่นแน่ เสียงแข็งและดูแมนชะมัด

น่าสงสารคนถูกดัดฟัน แต่บางครั้งก็งง เพราะเด็กเดี๋ยวนี้มันดัดฟันกันเป็นว่าเล่น พาลูกศิษย์ไปกินข้าว สองในสามก็ดัดฟัน มองไปทางไหนก็มีแต่คนดัดฟัน

หรือฟันมันดัดกันง่ายๆ หรือเมียผมมาดัดฟันตอนแก่ไป (ขอให้เป็นอย่างแรกเถอะ)

“แต่แม่จ๋า..จะว่าไป ได้ดัดฟันมันก็เก๋ดีนะ พ่อรู้สึกว่า พ่อมีเมียเป็นวัยรุ่นเลยล่ะ ว่าแต่ พ่อลืมถามพี่หมอฟัน ว่าแม่ดัดฟันแบบนี้ พ่อจะดูดปากแม่ได้มั้ยล่ะ กลัวลิ้นพ่อติดเหล็ก มันคงเจ็บน่าดู”



ธนพันธ์ ชูบุญมีเมียเป็นวัยรุ่น

๑๙ มีนาคม ๒๕๖๐



ปล. ลองทำกับข้าวให้เมียกิน

ผัดมันแกวกับหมู

มันแกว ไม่ได้กินมานานมากแล้ว เมื่อก่อนเป็นหัวมันที่ผมรักมากๆ เคยไปขุดกินที่เกาะสมุย จำได้ว่าดินที่ปลูกนั้นเป็นดินร่วนปนทราย มันแกวมีรสชาติหวาน กรอบ และอร่อย

วันนี้ผมจึงซอยมันแกวเป็นเส้นๆ หั่นหมูให้มีขนาดเล็กมากๆ ชนิดที่ไม่ต้องอ้าปากมากก็ป้อนเข้าปากได้

เจียวกระเทียม ใส่หมู ผัดจนสุก ปรุงรสด้วยดอกเกลือ (ได้มาจากตลาดเกษตร) ซ๊อสหอยนางรม จากนั้นใส่มันแกว ซอยเห็ดหอมเหี่ยวๆ เห็ดฟางใกล้เน่าลงไป ผัดๆๆ ยกลงจากเตา

กินกับข้าว “ทับทิมชุมแพ” ข้าวที่ส่งตรงมาจากเกษตรกรที่ผมผูกปิ่นโตมากว่า ๒ ปี ข้าวนี้เพิ่งได้ลองกินครั้งนี้เอง มันเป็นข้าวเจ้าที่ค่อนข้างเหนียว ยิ่งปล่อยให้เย็นก็ยิ่งเหนียวหนึบเหมือนกินข้าวญี่ปุ่น มันเคี้ยวอร่อยจริงๆ

“อร่อยมั้ยแม่” ผมถาม

“เคี้ยวลำบาก” เธอตอบ

“อร่อยมั้ยแม่” ผมถามด้วยเสียงที่เข้มขึ้น

“อร่อยก็ได้”



คำสำคัญ (Tags): #ทำแท้ง#แท้ง
หมายเลขบันทึก: 626158เขียนเมื่อ 19 มีนาคม 2017 23:42 น. ()แก้ไขเมื่อ 20 มีนาคม 2017 15:27 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (2)

ตามมาอ่านตอนดึก อ่านบัตทึกอาจารย์แล้ว เนือยในตอนจบกับข้าว

ทับทิมชุมแพ แลน่ากินกับปลาเค็มแดดเดียว

-สวัสดีครับอาจารย์

-ผมอ่านบันทึกนี้ด้วยความรู้สึก 2 อารมณ์

-เริ่มด้วยความทุกข์แต่จบด้วยความสุขสุดๆ ครับ...

-ผมได้เมนูใหม่จากบันทึกนี้..."ผัดมันแกวใส่หมู"น่าสนใจมากๆ ครับ

-อ้อ....ความจริงเป็นเช่นนี้..คนอยากได้ลูกก็ไม่ได้ง่ายๆ นะครับ..

-คงต้องสวมบทคุณภาคย์บ้างแล้วล่ะครับ..

-ขอบคุณครับ..


พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท