แง่คิดที่สะท้อนจาก ความชื่นชม ยอมรับ ความประทับใจในมุมมองที่แตกต่าง จากบันทึกของครูอ้อย


ทุกสายตาที่มองมายังจุดที่หลายคนใฝ่ฝัน ย่อมมีความคาดหวังต่อผู้ที่ยืนบนจุดนั้น แตกต่างกันไป
ครูอ้อยเขียนบันทึกถึงนายบอน
เหตุผลใดนะที่..นายบอน...เขียนบันทึกถึงครูอ้อยบ่อยมาก

อย่างเต็มที่
เหมือนกับหลายๆบันทึกที่หยิบยกแนวทางนี้ขึ้นมาเขียน เช่น ครูอ้อยกับเพื่อนชายใน GotoKnow
และจะตามด้วยเพื่อนหญิงในเร็วๆนี้

ในเมื่อเหรียญมีสองด้าน

การที่เขียนชื่นชมคนหนึ่ง ใช่ว่า คนอื่นจะเห็นด้วย

ข้อสังเกตที่น่าคิด

1) จากคนที่เคยเขียนความเห็น อาจจะละเว้นที่จะเขียนความเห็น ด้วยความไม่แน่ใจ
2) สิ่งที่ผิดแผกไปจากปกติธรรมดา หรือสิ่งที่ดูพิเศษจากทั่วๆไป สามารถมองได้ว่า มีอะไรแอบแฝงหรือไม่
3) คนทั่วไป รู้สึกอิจฉาคนที่โดดเด่นเกินหน้าเกินตากว่าใคร จึงมีคำกล่าวในทำนองที่ว่า ทำดีแต่อย่าเด่นจะเป็นภัย
4) สิ่งที่มากเกินไป อาจถูกมองในแง่ลบได้

หลายคนย่อมอยากที่จะให้คนอื่นยกย่องว่า ตนเองเป็นบุคคลสำคัญ
ต่างพยายามขวนขวายเพื่อไปยังจุดนั้น

บ้างพยายามทำทุกวิถีทาง เพื่อไปยังจุดที่ฝันไว้
บางคนไม่ได้ตั้งใจที่จะไปยังจุดนั้น แต่ผลงานที่เกิดขึ้น ได้ผลักดันให้เขาก้าวไปยังจุดนั้นโดยไม่รู้ตัว

แต่เมื่อหลายคน เดินทางมาถึงจุดนั้น จุดที่ทุกสายตามองเห็น จับจ้องมองได้ทุกมุมมอง ยิ่งมีใครคนหนึ่งชี้ชวนให้มองในมุมที่ชวนมอง น่าเอาเยี่ยงอย่าง น่าประทับใจ

แรกๆนั้น คนที่สามารถขึ้นไปยืนยังจุดนั้นได้ รู้สึกปลาบปลื้ม ชื่นชมยินดี
ทุกสายตาที่จ้องมอง ต่างชื่นชม ให้เกียรติ สดุดี สรรเสริญ

ทุกสิ่งย่อมมีความสมดุล ตามสรรพสิ่ง
อะไรที่เกินสมดุล ย่อมทำให้อีกด้านลดลง


เมื่อสิ่งที่เคยเห็นนั้น ไม่เหมือนเดิม เหมือนช่วงเวลาในการเดินทางมาสู่จุดแห่งความสำเร็จนั้น

ทุกสายตาที่จับจ้องมอง ชื่นชม ให้เกียรติ สดุดี สรรเสริญ ย่อมจะมองด้วยสายตาที่เปลี่ยนไป

ทุกสายตาที่มองมายังจุดที่หลายคนใฝ่ฝัน ย่อมมีความคาดหวังต่อผู้ที่ยืนบนจุดนั้น แตกต่างกันไป

เมื่อรวบรวมความคาดหวังเหล่านั้น กลับกลายเป็นก้อนน้ำแข็งแห่งความคาดหวังก้อนมหึมา ที่ทำให้เกิดความหนาวเหน็บในหัวใจ
คนที่ยืนในจุดนั้น จึงต้องพยายามที่จะตอบสนองความคาดหวังก้อนมหึมา ให้ได้ทุกอย่าง


* * *  

ข้อความข้างต้น กำลังพยายามจะสะท้อนอะไรหรือเปล่า

ครูอ้อยได้รับรางวัลสุดคะนึง มีผู้คนยอมรับ ชื่นชมมากมาย
รางวัลที่ได้รับเป็นผลมาจากบล็อกหนึ่งใน 12 บล็อก

เทคนิคการสอนภาษาอังกฤษระดับประถมศึกษา

หลายคนเข้าไปอ่านบล็อกนี้ แล้วเห็นด้วย

แต่เมื่อเปิดดูบันทึกอื่นๆ ที่เขียนขึ้นมา เกิดความสงสัยว่า ทำไมถึงได้รางวัล

ได้รางวัลเพราะเขียนบันทึกที่หยิบยกแนวทางในการชื่นชมกัลยาณมิตรหรือเปล่า

ถึงได้มีคนชื่นชอบ เป็นกำลังใจล้นหลาม สนับสนุน ผลักดัน จนกลายเป็นประชามติรับรองว่า ครูอ้อยเป็นบุคคลที่เหมาะสมกับรางวัลนี้

เมื่อได้รับรางวัลแล้ว ก็เดินสายขอบคุณพ่อยก แม่ยก ตอบแทนด้วยบันทึกแห่งน้ำใจ ในบล็อกอื่นๆ

แล้วในบล็อกที่ถูกระบุว่า เป็นบล็อกที่ทำให้ได้รับรางวัล ผู้อ่านอยากจะเสพเนื้องานที่เป็นแนวทางที่ได้รับรางวัลนั้น กลับถูกลดความเข้มข้นลง เพราะการเขียนบันทึกขอบคุณพ่อยก แม่ยก


จึงมีข้อสงสัยว่า หรือนี่ เป็นแนวทางที่ทำให้ก้าวไปยืนอยู่ ณ จุดที่หลายคนอยากจะไปถึง..

หลายคนมักจะส่องกระจกดูหน้าตาของตัวเอง เพื่อดูบุคลิก ความเรียบร้อยของตนอยู่เสมอ
แล้วการส่องกระจกกับความสำคัญที่ถูกหยิบยื่นให้ล่ะ....

นี่คือ  มุมมองที่แตกต่างจาก บันทึกของครูอ้อยหลายๆบันทึกที่ถูกหยิบยกมาฝาก จากชาวเสวนาจานส้มตำที่กาฬสินธุ์ครับ




หมายเลขบันทึก: 61865เขียนเมื่อ 21 พฤศจิกายน 2006 18:26 น. ()แก้ไขเมื่อ 11 กุมภาพันธ์ 2012 16:27 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (2)

คุณบอนคะ

เจตนาของการเข้ามาใน GotoKnow ไม่เหมือนกับคนอื่นและจับพลัดจับผลูได้รางวัลก็จริงอยู่  ถ้า...ไม่มีคุณสมบัติตามหลักเกณฑ์รางวัลก็คงจะไม่ได้ เพราะความเป็น noname ของครูอ้อย  ไม่รู้จักใครเป็นพิเศษเลย

ถึงจะไม่ได้รับรางวัล  ครูอ้อยกคงยืนหยัดเขียนบันทึกเหมือนเดิม...การเขียนบันทึกเชียร์เพื่อนๆในGotoKnow  ครูอ้อยก็เขียนมาก่อนได้รับรางวัลเสียอีก 

ไม่จำเป็นต้องเขียนขอบคุณพ่อยกแม่ยกเพราะความดีทีน้ำใจให้กันมาไม่ใช่หรือคุณบอน  คุณบอนก็เคยบอกครูอ้อยเองว่า  น้ำสักแก้วครูอ้อยก็ไม่เคยให้คุณบอนกินเลย  แต่...ครูอ้อยก็ยังคงเขียนต่อไป  มันอาจจะเป็นฟีเวอร์ในช่วงนี้  ที่เกิดจากการต้องขี่หลังเสือที่ตำแหน่งนี้ทำมาเมื่อได้แล้วไม่เขียนต่อ.....ไงล่ะคุณบอน

บอกแล้วไง....จุดประสงค์ต่างกัน  การดำเนินการก็ต้องต่างกันด้วย  ทำไมไม่มองมุมกลับกันบ้าง  ทำไมครูอ้อยต้องการสถิติ  สถิติมีความสำคัญกับครูอ้อยอย่างไร 

หากการเขียนของการชมเชยเพียงคนหนึ่งหรือสองคนทำให้ผู้อ่านไม่แน่ใจที่จะแสดงความคิดเห็น  งั้นบันทึกนี้ของคุณบอนทีเขียนพาดพิงถึงครูอ้อยที่ผ่านมาก็ยังคงมีมิตรรักเข้ามาแสดงความคิดเห็นอยู่เป็นระยะ  แถมยังมีหน้าใหม่มาเสนอความเห็นใหม่อีก  เช่น หมอสมบูรณ์  เพราะท่านเห็นความดี

หากการเขียนบันทึกของครูอ้อยผิดพลาดจริง...  ทำไมมีผู้เขียนอีกอย่างน้อยหนึ่งคนที่เขียนเลียนแบบครูอ้อยตลอดเวลา  ทำไมต้องเป็นอย่างนั้น  เพราะมันดี  มันมีจุดยืน  มันมีจุดขาย....ที่ผู้อ่านอยากจะเสพจากการอ่าน 

ทำไมมีคนว่าครูอ้อยพูดคำหวานกับคุณบอน  แล้วในความจริงนั้นคุณบอนคือใครอยู่ที่ไหน  ครูอ้อยไม่เห็นอยากจะกระเสือกกระสนไปหาไปรู้จัก  มันเป็นเรื่องของนักเขียนที่เขียนเพื่อผู้อ่าน

ครูอ้อยไม่ได้เรียนมาทางการเขียน  แต่ครูอ้อยก็อ่านมาก  อ่านผลงานของคนอื่น  ชื่นชอบผลงานของเธอจึงนำมาแต่งเติมสีสันเป็นของตัวเอง.......ไม่ได้เลียนแบบใคร

การเขียนชื่นชมกัลยาณมิตร  ก็เป็นสิ่งที่ดีในสังคม  ไม่ว่าที่ไหน  แรงจูงใจ  คุณบอนรู้จักไหม  มันป็นเรื่องที่ดีนะ  อย่าบีบรัดความรู้สึกที่ออกมาจากภายในกันมากนักเลย  จะไปแคร์คนที่ไม่สนใจไปทำไม  ในเมื่อเราทำได้  ถ้าไม่ทำแล้วใครจะทำ 

นักเขียนในเมืองไทยมีมากมาย  แต่ละคนเขียนไปอย่างหลากหลาย  ผู้บริโภคไม่ได้โง่  เขาเลือกได้  คนที่ชอบอ่านแล้ว อืมมม  คนที่ไม่ชอบอาจจะเบ้ปาก  ก็สุดแล้วแต่  ครูอ้อยไม่รู้ว่าไม่ชอบ  แต่ถ้าชอบก็ชมเชยกัน  ถ้าครูอ้อยเขียนหนังสือขาย ก็จะมีคนซื้อเท่านั้นเอง

เรื่องบันทึกนี้  ...ขอยืนหยัดว่าจะเขียน..ต่อไป

เรื่องการเรียนการสอน  เรื่องอื่นเกี่ยวกับการทำงาน  เรื่องสุขภาพ  เรื่องทัศนศึกษา  เรื่องการประชุมอบรมสัมมนา  คอมพิวเตอร์  วิจัย โรงเรียนฯ  KM  ครูสิริพร อ่านมากรู้มาก  ปริญญาเอก  .....ครูอ้อยจะเขียนต่อไป

ไม่สนใจว่า  บล็อกไหนได้รับรางวัล  ไม่เอาใจใคร

แต่ที่เขียนมาทั้งหมดนี้  เรียนคุณบอนเลยว่า  ครูอ้อยเขียนออกมาจากใจ  ใจที่อยากจะเขียน

จะเขียนอีกกี่ครั้ง  กี่หน  ก็ยังคงเขียน  เพราะมันออกมาจากใจดวงนี้..ใจของครูอ้อย  ไงล่ะคะคุณบอน 

 

 

ส่งเมล์ผ่านทาง gotoknow ไปให้แล้วนะครับ ชื่อ
send 12 stat  code  for your 12 blog...

 

คืนนี้ ติดตัวนับสถิติที่ทำให้ใหม่ให้เรียบร้อยละกัน พรุ่งนี้จะมาตรวจการบ้าน
คืนนี้นายบอนไม่อยู่นะครับ

พรุ่งนี้จะมาให้ความเห็นที่ครูอ้อยเขียนข้างบนนะครับ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท