ฉันตายโดยปราศจากคนที่รักฉัน
แต่ฉันก็อิ่มใจที่ฉันมีคนที่ฉันรัก
ข้อความสุดท้ายที่บันทึกไว้ข้างหลังภาพเขียนสีน้ำมัน ที่คุณหญิงกีรติบรรจงวาดออกมาจากความทรงจำ ก่อนที่จะสิ้นใจลาโลกนี้ไปอย่างเดียวดาย ภาพนั้นบันทึกเรื่องราวของคนสองคน ณ สถานที่หนึ่ง ที่ชื่อว่า มิตาเกะ
มิตาเกะ คงเป็นสถานที่หนึ่งที่คนไทยหลายคนคงรู้จักดี จากหนังสืออมตะของศรีบูรพา ที่แปลงมาเป็นภาพยนตร์อย่างน้อยก็สองครั้ง ซึ่งแตกต่างจากคนญี่ปุ่น ที่อาจจะไม่ค่อยรู้จักสถานที่นี้เท่าใดนัก ทั้งที่ห่างจากกรุงโตเกียวมาทางรถไฟเพียงชั่วโมงเศษเท่านั้น มิตาเกะ ได้ชื่อว่าเป็นสถานที่ดูใบไม้เปลี่ยนสี (autumn leaf) และเป็นสถานที่ชมธรรมชาติ แบบเดินป่า ปีนเขา ดูน้ำตก ที่ดีแห่งหนึ่ง ที่ผมจะพาไปรู้จักครับ
หลังจากลงรถไฟที่สถานีมิตาเกะแล้ว เดินออกจากสถานี จะมองเห็นสะพานแห่งหนึ่ง หากเดินไปที่สะพานแห่งนี้ แล้วหยุดดู ก็จะมองเห็นภาพข้างบนนี้ครับ สายลมเย็นพัดเอื่อยๆ ลำธารน้ำใส ใบไม้สีเหลืองตัดกับธรรมชาติรอบตัว เป็นภาพที่งดงามมากครับ
หลังจากนั้นก็ต่อรถบัสเพื่อไปขึ้น cable car ขึ้นมาบนเขา เราก็จะมองเห็นทิวเขาลดหลั่นกันอยู่เบื้องหน้า ภาพที่เรามองอยู่นี้เป็นมุมที่มองไปยังกรุงโตเกียว เสียดายที่วันนี้ฟ้าไม่เปิด ในวันที่ฟ้าแจ่มใส เราจะมองเห็นหอคอยโตเกียวทาวเวอร์ มองเห็นตึก SunshineCity ที่เราไปดู aquarium และดูวิวกรุงโตเกียวกัน
ดอกไม้สวยบนดอยแห่งนี้ ผมไม่รู้ว่าเขาเรียกว่าดอกอะไร ปลูกอยู่ข้างสถานี cable car สีสวยสดใส รับกับอากาศที่ค่อนข้างเย็น รอรับการมาเยือนของแขกต่างถิ่น
ปีนี้การมาเยือนของฤดูหนาวค่อนข้างช้า เมเปิลก็เลยเปลี่ยนสียังไม่มากนัก นี่เป็นเมเปิลเพียงไม่กี่ต้นของที่นี่ที่เริ่มเปลี่ยนสี รอรับการมาเยือนของฤดูหนาวครับ ภาพของเมเปิล สีเหลือง ไล่ไปจนถึงแดง ตัดกับสีเขียวของไม้อื่น ให้ความรู้สึกที่ยากจะลืมครับ
เมเปิล เริ่มเปลี่ยนสี ภาพในฝันที่ดึงดูดผู้คนจากทุกสารทิศให้มาชมความงาม
ทิวสนสองข้างทาง สูงตะหง่านอวดลำต้นตรง คอยต้อนรับแขกผู้มาเยือน
วัดบนยอดดอย บันทึกไว้กับกลุ่มคนไทยที่ไปด้วยกันอีก 5 ท่าน คนแรกเป็นสาวจากกรมวิทย์ที่ได้พบกันแล้วที่ Ikebukuro สาวคนที่สองและสาม เธอรับทุน JICA มาดูงานที่ญี่ปุ่น 11 เดือน สาวคนที่สี่มาเรียนต่อเอกด้านคอมพิวเตอร์ และหนุ่มหล่อมาดเข้ม เป็นอาจารย์สัตวแพทย์เรียนที่นี่มาแล้ว 3 ปี
รูปปั้นนักรบโบราณ หน้าอารามแห่งหนึ่งภายในวัดที่อยู่บนยอดดอย สีสรรสดใส สะดุดตาผู้มาเยือน
เส้นทางเดินป่าไปดูน้ำตก และสวนหิน ยังเป็นธรรมชาติอยู่ค่อนข้างมาก ทางขึ้นลงเขา ที่นี่จะทำเป็นบันได มีราวจับบ้างเป็นบางตอน แต่พยายามใช้วัสดุจากธรรมชาติครับ เส้นทางมีความปลอดภัย ไม่ยากลำบากมากนัก แต่ก็ขึ้นลงเขาหลายลูกครับ สนุกดีสำหรับวัยรุ่น แต่รุ่นอย่างผมนี้พอไปได้ครับ แต่กลับมาแล้วระบมไปทั้งตัว
บุกป่า ฝ่าดง ผ่านทิวสนมาแสนยาวนาน เพื่อมาดูน้ำตกนี้แหละครับ น้ำตกที่นี่ไม่มีคนเล่นน้ำเหมือนบ้านเรานะครับ อาจจะเพราะอากาศที่หนาวเย็น ป่าแถวนี้ค่อนข้างชื้นมีตะใคร่น้ำและมอสจับอยู่ตามซอกหินและต้นไม้เต็มไปหมด
สะพานเล็กๆ ข้ามธารน้ำใส เห็นแล้วน่ารักดีครับ พวกเราหยุดพักเหนื่อยที่นี่เพื่อถ่ายรูปกันนานพอสมควรครับ
ธรรมชาติสวยงาม ตลอดสองข้างทางครับ อากาศแม้จะเย็น แต่พวกเราก็ถอดเสื้อกันหนาวเดินกันแล้วล่ะครับ ไม่งั้นเหงื่อคงท่วมตัวแน่ครับ
ธรรมชาติงดงาม มีให้พบเห็นตลอดทางครับ หลายคนอาจได้ชื่นชม ในขณะที่หลายคนเริ่มเหน็ดเหนื่อยจากการเดินทาง
ที่พักริมทาง มีศาลาขนมและเครื่องดื่มอยู่ใกล้ๆ พวกเราก็ได้พักให้หายเหนื่อยแล้วดื่มด่ำกับธรรมชาติอันสวยงามอีกครั้ง จะเห็นหมอกลอยอยู่ใกล้ๆ ให้ไขว่คว้าได้เลยครับ
ตอนกลับลงจากเขา ผมสอบถามเพื่อนๆที่ร่วมเดินทางครั้งนี้ หลายคนบอกว่าไม่เหมือนกับภาพที่อยากเห็น ทั้งนี้อาจเป็นเพราะได้ดูหนังมาแล้ว และอยากเห็นภาพที่เหมือนในหนัง จึงตั้งความหวังไว้ก่อน เมื่อมาพบกับความจริงว่า ที่นี่เหมาะจะเป็นที่ชมป่า ปีนเขา ดูน้ำตก มากกว่า ก็เลยดูเหมือนจะผิดหวังกันพอสมควร
หรือว่าคุณหญิงกีรติ ไม่ได้ปีนขึ้นเขา เธอมัวแต่นั่งอยู่ริมลำธารหน้าสถานีรถไฟหนอ?