เมื่อคืนนี้ เริ่มดึกไปเล็กน้อย เพราะผมติดงานเลี้ยง ในตอนเย็น
เมื่อเริ่มเปิดประเด็น ก็ดำเนินเรื่องเข้าสู่ ลักษณะ ของการ เกิดคราบกรุ โดยอาศัยหลักการของสภาพแวดล้อม ภายในบริเวณของการเก็บรักษาพระที่มีฝุ่นละออง หรือเศษดินเศษทรายแบบต่างๆ ซึ่งเป็นลักษณะของปัจจัยภายนอก นำมาผสมผสาน กับองค์ประกอบภายใน โดยเฉพาะอย่างยิ่งปูนดิบ ปูนสุก และ ตั้งอิ้ว จึงทำให้เกิดตัวเชื่อมทั้งสองทิศทาง คือตัวเชื่อมภายนอกและภายใน เกาะกันเป็นสภาพของคราบกรุ แต่ก็ควรจะพิจารณา คราบกรุเฉพาะปัจจัยภายนอกเท่านั้น สวนภายใน ถือเป็นองค์ประกอบในองค์พระเอง
และได้ดำเนินต่อ ไปในเรื่องของสภาพแวดล้อมต่างๆ เช่น กรุบางขุนพรหม จะมีฝุ่นดิน ทราย และวัสดุจาก ชาวบ้านที่มา "ตกพระ" รวมทั้งสภาพที่มีน้ำท่วมขัง ในปีพศ 2485 ก่อนการเปิดกรุในระยะต่อมา ในปีพศ 2500
เอกลักษณ์ของคราบกรุบางขุนพรหม ก็จะมีเม็ดทรายดิน เกาะติดอยู่กับคราบปูน ซึ่งมีทั้งปูนดิบและปูนสุก ละลายตัวด้วยสภาพความชื้นและน้ำในกรุ จึงทำให้เกิด ผิวแข็งเหมือนตะกรัน เกาะปนอยู่ในชั้นเดียวกันไม่มีแบ่งแยกชั้น ( ที่เป็นลักษณะของพระเก๊)
หลังจากนั้น ก็แสดงให้ดูคราบกรุของวัดเกศไชโย ซึ่งมีลักษณะเป็นฝุ่นแห้งงเกาะติดอยู่กับผิวพระ โดยอาศัยการเกาะเกี่ยวของปูนดิบและปูนสุกเช่นกัน
ใช่คราบกรุบางขุนพรหมเปล่าครับ
ทรงพลครับ ไม่ทราบกรุ ใช่สมัยลพบุรีหรือเปล่าครับ
คงใช่มั้งครับ เพราะไม่เห็นรูป ก็ต้องว่าตามท่านว่า อิอิอิอิ
เก๊หลอกเด็กอนุบาลครับ