อาทิตย์ที่แล้ว
ผมมีโอกาสต้อนรับเพื่อนชาวเบลเยี่ยมสองคน Marleen van ballaer กับ Gonda de Braeckeleer ที่มาค้างที่บ้าน คนหนึ่งเป็นนักแปลภาษา อีกคนเป็นพยาบาลจิตเวชเกษียณแต่ทำงานเป็นอาสาสมัครผลัดกลางคืน ทั้งคู่เดินทางมาเที่ยวเมืองไทยหลายจังหวัดตั้งแต่เหนือสุดที่เชียงราย และใต้สุดคือแวะมาหาผมที่หาดใหญ่
ช่วงที่ทั้งคู่มาเมืองไทย ในเบลเยี่ยมเองก็มีข่าวดังไปทั่วโลก เมื่อรัฐสภาผ่านกฎหมายสำคัญ คือ อนุญาตให้ผู้ป่วยเด็กระยะสุดท้ายร้องขอให้กระทำ euthanasia หรือการขอให้บุคลากรสุขภาพช่วยให้ตนเองเสียชีวิตได้
นับเป็นประเทศแรกของโลก ที่ผู้ป่วยเด็กได้สิทธิตามกฏหมายอันนี้
แน่นอนครับ
มีทั้งคนเห็นด้วยและไม่เห็นด้วย ตามภาพข่างข้างล่าง
ภาพจาก และอ่านข่าวที่ http://world.time.com
ผมลองค้นข่าวดู มีเรื่องราวน่าสนใจที่ เด็กน้อยชาวแคนาดาวัย ๔ ขวบซึ่งป่วยเป็นโรคหัวใจพิการแต่กำเนิด ส่งคลิปไปยังกษัตริย์ฟิลิปเป้ของเบลเยี่ยม ขอร้องมิให้ลงพระนามรับรองกม.ฉบับนี้ ตามคลิบนี้
เหตุผลสำคัญที่คุณพ่อของน้องหนูชาวแคนาดา ซึ่งเป็นหมอ กล่าวไว้ในคลิปคือ ถ้าเบลเยี่ยมรับรองกม.ฉบับนี้ ต่อไปจะมีผลกระทบต่อเด็กทั่วโลก ไม่ใช่เฉพาะในเบลเยี่ยมเท่านั้น แล้วจะมีเด็กอีกหลายคนที่ขาดโอกาส ต้องเสียชีวิตทางลัดโดยไม่จำเป็น
วกกลับมาเมืองไทย
ไทยเรายังไม่มีกม.รองรับการกระทำแบบนี้ทั้งในผู้ใหญ่และเด็ก ซึ่งหลายคนก็ยังเข้าใจผิด พูดกันผิดๆว่า พรบ.สุขภาพแห่งชาติมาตรา ๑๒ คือ กม.ที่ให้สิทธิอันนี้ ซึ่งแม้แต่ใน wikipedia ก็เคยใส่ประเทศไทยไว้ในกลุ่มประเทศที่เรื่องนี้ถูกกม. แต่มีการแก้ไขตัดออกไปแล้ว สามารถอ่านรายละเอียดได้ ท่ีนี่
ถ้าถามว่า ถึงเวลาแล้วยัง ที่เมืองไทยจะมีกม.ฉบับนี้กับเขาบ้าง
คำตอบของผมตอนนี้ยังเหมือนเดิม คือ ทำเรื่อง palliative care ให้ดีเสียก่อน ค่อยมาพูดเรื่องนี้กัน
ให้เป็นไปตามธรรมชาติแบบไทยๆดีกว่านะคะ
อ่านเรื่อง ความตายออกแบบได้ ทำให้เตรียมตนได้ดี
...มีทั้งส่วนที่ดี และไม่ดี...ผู้ป่วยจำนวนมากที่ต้องทุกข์ทรมานมากๆทั้งทางร่างกาย จิตใจ และการเงิน ...หลายคนก็ฆ่าตัวตายมีเป็นข่าวให้เห็นนะคะ...