ในการสร้างพระตระกูล "กำแพง" จะมีการนำแร่เหล็กประเภท "ลูกรัง" มาบด แล้วผสมลงในเนื้อพระดินดิบ
แต่ แร่ที่ว่านี้ แตกต่างไปจากแร่เหล็กที่อิ่นๆ ตรงที่จะมีการละลายตัวเข้าไปในน้ำว่านได้ด้วย
ที่ไม่พบในพระลำพูน หรือ ผงสุพรรณ ทั้งๆที่มีหลักฐานเชิงกระบวนการสร้างคล้ายๆกัน
การละลายตัวของแร่เหล็กเข้าไปในคราบน้ำว่านนี้ ทำให้เกิดโทนสีแตกต่างกันแบบไล่ลำดับสี (Chromatographic)
ที่จะมีสีเข้มไปหาจางของกลุ่มสีแดงไปหาลีพื้นเดิมของน้ำว่าน ที่มักจะมีสีเหลืองๆ
และยังผสมผสานกับคราบน้ำปูนสีขาวๆเพิ่มเข้ามาอีก จึงดูคล้ายๆ สีของ "ดอกมะขาม"
ที่เป็นที่มาของคำว่า "แร่ดอกมะขาม"
ที่ต้องใช้เวลายาวนานพอสมควรในขั้นตอนการพัฒนาการ
จึงสามารถใช้ดูอายุพระเนื้อดินดิบ โดยเฉพาะพระกำแพงซุ้มกอ
ดังคำกลอนสอนดูพระว่า "....ซุ้มกอซึ้ง แร่ดอกมะขาม งามจับตา..."
เพราะเมื่อต้องแสงอาทิตย์นั้น งามจริงๆ
และ แน่นอน แค่เม็ดลูกรังจะไปงามได้อย่างไร
ยิ่งเรียนก็ยิ่งรู้ เป็นเช่นนี้เอง
อิอิอิอิอิอิอิอิอิอิอิอิอิอิ
เพิ่งสังเกตุ..ค่ะ คนที่ผสมส่วนผสมนี้ บังเอิญ หรือว่าตั้งใจ ที่จะให้ได้ผลลัพธ์อย่างนี้..คะ
ถ้าตอบว่าบังเอิญก็ ธรรมดาๆ
แต่ถ้าตอบว่า "ตั้งใจ" ก็เป็น เจโตปริญญาณ ครับ
เพราะจะรู้ได้ ก็อีกเป็นร้อยๆปีครับ
อิอิอิอิอิอิอิอิอิอิอิ
จำเป็นต้องมีทุกองค์เหรอครับ
ครับ แต่จะชัดมากน้อยขึ้นอยู่กับสีพื้นของพระครับ
ของผมแม่เหล็กสามารถดูดติดได้ครับ
ด้วยความเคารพ ได้ความรู้มากครับ ครูอาจารย์