เล่าเรื่อง .....ไปเมือง... มะขามหวาน....
9 นาฬิกา 9 นาที ของวันที่ 17 ธันวาคม อีเรียมพร้อมลูกพระเจ้าตากและสัมภาระ ก็ได้ฤกษ์งามยามดี เดินทางออกจากโรงเรียนด้วยรถคู่ชีพ สู่เมืองมะขามหวาน เพื่อ แข่งขันทักษะทางวิชาการงานศิลปหัตกรรมและเทคโนโลยี นักเรียน ภาคเหนือ คร้งที่ 63 ด้วยความเร็ว ตามความพึงพอใจ ของพี่สุทิน (สุดหล่อ)
1 ชั่วโมงผ่านไป รถก็เข้าสู่ เมืองพ่อขุนรามคำแหงมหาราช เมืองที่ได้ชื่อว่า ในน้ำมีปลา ในนามีข้าว ดังนั้น สองข้างทางจึงมีแต่ทุ่งนา ทุ่งนา และทุ่งนา ที่มีสีเหลืองอร่าม ของข้าวที่รอการเก็บเกี่ยว มองแล้วเพลินตา เพลินใจดีแท้
ผ่านจากเมืองพ่อขุนฯ ก็มาถึงเมืองของพระนเรศวรมหาราช ที่พอเข้ามาถึงตัวเมืองก็จะเห็นไก่ ตัวบักเอฟ ยืนเด่น เป็นสง่า ก็เป็นอันรู้ว่าพระนเรศวรมหาราช ท่านชอบการตีไก่มาก เมืองพระนเรศวร เป็นเมืองที่มีรถราติดบ้างพอประปราย ดังนั้นพี่สุทิน ต้องเพิ่มความระมัดระวัง ไม่ให้รถตัวเองไปข้องแวะกะรถของใครๆๆ
จุดแวะพักครั้งแรกหลังจากที่นั่งหนีบกันมา 2 ชั่วโมงกว่าๆ คือปั๊ม ปตท.ชานเมืองพิษณุโลกเพื่อให้ครูได้ทำภารกิจส่วนตัวและให้นักเรียนไปช๊อบในเซเว่น (มิเช่นนั้นจะเกิดการประท้วง และให้ใบแดงอีเรียม) หลังจากทุกคนพร้อม หัวรถก็มุ่งหน้าสู่เมืองมะขามหวานทันที่ เส้นทางช่วงนี้ต้องเพิ่มความ เสียว ซ่าน และลุ้นระทึกให้กับอีเรียมและ ลูกพระเจ้าตากทุกคนพอสมควร
อันเนื่องมาจาก ถนนที่ ลัดเลาะไปตามเทือกเขา สูงบ้าง ต่ำบ้าง ประกอบกับอยู่ในระหว่างปรับปรุงและขยายทางเป็น 4 ช่องทาง บางช่วงผู้โดยสาร ต้องเอียงตัวไปตามไหล่เขาอะจึ๋ยส์ และอีกประการ คือ รถส่วนใหญ่ จากภาคเหนือ 17 จังหวัด ต่างก็มีเป้าหมายและหัวใจ ตรงกัน คือ เมืองมะขามหวาน
จุดแวะพักจุดที่สองคือ จุดชมวิวบ้านเขกน้อย ซึงเป็นหมู่บ้านชาวเขาเผ่าม้ง ในอำเภอเขาค้อ พวกเราลูกพระเจ้าตาก ลงไปยืน ( หนึ่ง สอง ส๊าม ) ถ่ายรูป พร้อมกินลม ชมวิว ทิวทัศน์ ที่งดงาม และรับลมหนาว ประมาณ 20 นาที ก็เดินหน้าต่อ ขึ้นเขา ลงเขา อ้อมเขา ก็ มาถึง เขาค้อ ที่ได้ชื่อว่า เป็นเมือง ที่มีประวัติศาสตร์ ที่น่าจดจำ เกี่ยวกับ (ผกค.) มากที่สุด พวกเราลูกพระเจ้าตากฮึกเฮิม เลี้ยวขวา อย่างรวดเร็ว มุ่งหน้าเพื่อไปดูสมรภูมิรบ(พิพิธภัณฑ์อาวุธ เขาค้อ) ณ บัดนาว
ระหว่างทาง เราก็แวะยังจุดชมวิว ที่เขาจัดไว้ให้ เพื่อชื่นชมความสวยงาม ของธรรมชาติ และถ่ายรูป ลูกพระเจ้าตากทุกคน ต่าง ตื่นตา ตื่นใจ ไปกับความงดงามของธรรมชาติที่ช่างสร้างสรรไว้อย่างลงตัว จึงนับ (หนึ่ง สอง ส๊าม ) นั่งถ่าย ยืนถ่าย คะแคงถ่ายรูป กันจนหนำใจแล้ว ก็มุ่งหน้าต่อไปยัง พิพิธภัณฑ์อาวุธเขาค้อ
ณ พิพิธภัณฑ์อาวุธเขาค้อ เด็กๆ ตื่นเต้น ที่ได้เห็นเคื่องบินรบ รถถัง รถหุ้มเกาะ ปืนเล็ก ปืนใหญ่ ปืนน้อย หหารจริง หหารปลอม และที่สำคัญ ได้มีการนำเสนอเหตุการณ์ในอดีตให้ได้ชมกันด้วย นับว่าเป็น ประสบการณ์สุดคุ้ม ที่ได้รับเลยทีเดียว กว่าพวกเราจะถอนกำลังออกจากเขาค้อ ก็ 4 โมงเย็น อากาศบนยอดดอยเริ่มเย็นยะเยือก (นึกถึงไออก เอ้อไออุ่นของคนที่รัก ซะงั้น นักเรียนบอก อิ อิ) พวกเราจึงเคลื่อนทัพลงมาสู่เมืองมะขามหวาน เพื่อหาที่พัก
6 โมงเย็น ดวงอาทิตย์ลับขอบฟ้า ก็มาถึงสถานที่พัก คือ โรงเรียนบ้านโตก อำเภอเมือง จังหวัดเพชรบูรณ์ รีบรายงานตัว พร้อมเข้าที่พัก (ห้องเรียน 1 ห้อง) ทุกคนนั่งนิ่งเงียบ มองหน้ากันกะป๊อก กะแป๊ก อาจจะเป็นด้วยบรรยากาศที่เย็นยะเยือก และความหิวเริ่มกัดกินหัวใจก็ไม่รู้ได้ อีเรียมเลยกระซิบเบาๆ เราเหนื่อยกันมามากแล้ว ลูกพระเจ้าตากทุกคน กินข้าวแล้ว ใช้น้ำแต่น้อยแล้วเข้านอนซะ ให้หลับก่อนที่ความหนาวเย็นจะมาเยือน แล้วพรุ่งนี้เราจะไปตีทัพ เพื่อเอาเหรียญทองมาให้ได้ ทุกคนต่างมองหน้ากัน ราตรีสวัสดิ์ นะจ๊ะ (โปรดติดตามตอนต่อไป)
น่าเที่ยวมาก หนาวไหมครับอาจารย์
อากาศคงสดชื่นมากๆนะคะ อิจฉาจังเลยค่ะ
เพชรบูรณ์เป็นอีกหนึ่งจังหวัดที่ครูนกชื่นชอบค่ะ ขอบคุณเรื่องเล่าแบบน่าเที่ยวแบบหนาวๆ
เคยไปเยือนเมื่อ 4 ปีก่อนค่ะ
คิดถึงทริปนี้เช่นกันค่ะ
ภาพสวยนะคะ
สมาชิกแต่ละท่านน่ารักมากค่ะ
บันทึกนี้สะท้อนความสุขดีๆในยามอากาศเย็นสดชื่นเช่นนี้ค่ะ...