มาอยู่แม่ฮ่องสอนเกือบสิบปี ช่วงนี้เริ่มเข้าหน้าหนาวแล้ว หลายท้องที่ก็เริ่มมีการจัดประกวดนางงามกัน โดยมากเป็นนางงามไทใหญ่ ผมก็เป็นคนหนึ่งที่ผ่านตาเวทีเหล่านี้มาบ้าง ในเวทีใหญ่ๆก็ดูจากทีวี เวทีท้องถิ่นก็ไปชมการประกวดติดขอบสนาม มีอยู่งานหนึ่งได้ไปถ่ายวิดีโอด้วย
พอดี วานนี้ เอะใจที่มีคนมาโพสต์ในเฟสบุ๊คของท่านหนึ่งว่า ทำไมผู้หญิงไทใหญ่ ประกวดนางงามไทใหญ่ต้องทำผมทรงปีกหมวกอย่างนี้ด้วย (เหมือนกับทรงผมนางสาวไทย ณ กรุงเทพ)
ขอบคุณภาพจาก Thai Miss.com
ผมว่าการประกวดนางงามไทใหญ่นี่มีหลายมุมที่ชวนคิดก็ขอคิดแบบคนนอก(คอก) ที่มาตั้งครอบครัวกับคนไทใหญ่แม่ฮ่องสอนนะครับ
อย่างแรกเลยคือ คำว่า “งาม”
อะไรคืองามตามแบบของชาวไทใหญ่หรืองามแบบคนแม่ฮ่องสอน ไม่ใช่แค่มาบอกว่าบนเวทีไม่มีนุ่งสั้น ไม่มีใส่ชุดว่ายน้ำ มันไม่ใช่แค่นั้น
ผมเชื่อว่า งามของชาวบ้านมันเป็นความงามที่ลึก คือ ไม่ได้ใส่ใจแค่รูปร่างหน้าตา หรือค่าเสื้อผ้าเครื่องสำอางราคาแพง หากแต่ดูถึงจรรยามารยาทในชีวิตประจำวัน ดูคุณสมบัติ เช่น การปฏิบัติดูแลแม่พ่อ การศึกษาเล่าเรียน และแน่นอนว่าดูถึงการเคารพบูชาพุทธศาสนา พูดง่ายๆ ดูหญิงงามต้องไปดูเวลาทำงาน ไปดูเวลาไปวัด จะเห็นของจริง
งามแบบที่ต้องมาเดินวนให้กรรมการดู เดินโชว์ เดินอวด ชุดไทใหญ่ ตั้งแต่หัวจรดเท้าก็วิริสมาหราเกินกว่าจะใส่ไปวัดไปตลาด แถมยังต้องมาตัดสิน “ความงาม” กันในเวลาไม่กี่นาที (แสดงว่าพ้นเวทีไป จะงามหรือไม่ก็ได้ ) นี่เป็นงามแบบไหน อันนี้ผมไม่รู้นะครับ แต่ที่รู้ ไม่ใช่งามตามแบบวิถีชุมชน อาจจะเรียกได้ว่า งามแบบไม่ปกติ
ไม่ใช่จิตไม่ปกตินะครับ แต่ไม่ปกติวิสัย คือไม่ใช่อยู่ในวิถีชีวิตปกติของชาวบ้าน แต่หากไปอยู่กับแสง สี มายาภาพ ซึ่งนับวันจะโหมกระพือจนน่าห่วงใย
ภาพจาก ThaiMiss.com
จริงๆ ไม่ได้เถียงนะครับ ว่าทุกอย่างมันต้องมีการประยุกต์ หากแต่ถ้ามันหลุดออกไปจากวิถีพื้นบ้านมากเกินไป ก็น่าเสียดายที่ชาวบ้านต้องมาเสียเงินทองไปดูของปลอมๆต้องเจียดเงินที่จำต้องใช้เลี้ยงปากท้อง ไปจ่ายค่าลูกโป่ง ค่าพวงมาลัย เพื่อรักษาน้ำใจลูกหลาน รักษาหน้าตาวงศ์ตระกูลที่ขึ้นเวที
มิพัก ต้องถามต่อว่า เงินๆทองๆที่ได้มาจากการจัดประกวดประชัน เงินเหล่านั้นจะตกถึงหญิงสาว ถึงชุมชนชาวบ้านที่ยากจนสักเท่าไร
รายจ่ายทางตรง และทางอ้อมของประชาชนอย่างนี้ ไม่เห็นมีใครพูดถึง นี่เป็นอย่างที่สอง
มีโอกาส จะกลับมาเล่าถึง ผลกระทบของการประกวดที่มีต่อผู้หญิงครับ
โอ้โห คุณยอดดอย เป็นสมาชิก GotoKnow มาตั้ง 8 ปีแล้วนะคะ ยินดีต้อนรับการกลับมาอีกครั้งค่ะ :)
ตอบยากครับ ผมไม่ใช่คนในชุมชน ถ้าเอาค่านิยมของคนชั้นกลางในเมืองไปตัดสินก็คงไม่ถูกนัก
แต่ผมว่าความงามภายในตัดสินยากกว่านะครับ เดินไปเดินมาบนเวที ตอบคำถามสองสามข้อคงไม่เห็น ต้องเอามาอยู่บ้านเดียวกันแบบ Big Brother น่าจะเหมาะกว่า
อาจารย์จันทนีย์ ครับ กับบ้านโกทูโนวนี่ ผมไม่เคยลืมครับ เพียงแต่จัดเวลาชีวิตไม่ลงตัวจนลืมไปชั่วคราว ไม่กี่เดือนมานี้ มีคนมาอ่านเรื่องที่เราบันทึกแล้วให้ความเห็น เลยนึกขึ้นได้ กอปรกับ สสส.จัดอบรมนักวิจัยเรื่องการเขียนบทความ ได้ใช้ประโยชน์จากงานเก่าๆที่เขียนไว้ในโกทูโนวพอดี ทีนี้ จะกลับมาเขียนเป็นประจำละครับ
โทษทีครับ พิมพ์ชื่อผิด อาจารย์จันทวรรณ ไม่ใช่จันทนีย์
ยินดีค่ะ มีปัญหาติดขัดการใช้ระบบอย่างไรแจ้งได้ตลอดนะคะที่ [email protected]
เห็นตามคุณแว้บครับ
ผลกระทบตามมามีอีกหลายเรื่องครับ มีเวลาจะเขียนเพิ่มครับ
เห็นด้วยครับ สิ่งเหล่านี้เปรียบได้เป็นเพียงปลายของก้อนนำแข็ง iceberg ที่โผล่ขึ้นมาเหนือน้ำ
และทั้งหมดนี้เป็นผลพวงจากสังคมที่ขาดการบ่มเพาะคุณธรรมมานานซึ่งกำลังส่งผลถึงค่านิยมที่ผิดเพี้ยนจากในอดีต
ทุกวันนี้หากเลี่ยงการร่วมงานเช่นนี้ได้ผมก็เลี่ยง หากเลี่ยงไม่ได้ก็ไม่ไปทุกข์กับเรื่องพวกนี้เพราะทำให้จิตเราตกเปล่าๆ
พยายามทำดีเท่าที่สามารถจะทำได้โดยพยายามไม่ไปขัดใครหากไม่จำเป็น เท่านี้ก็เป็นสุขเพราะได้ทำดีแล้ว
ขอเป็นกำลังใจให้นะครับ คุณครูยอดดอย
ไม่ค่อยมีใครสนใจว่าหลังเวที น้องๆ หลานๆเหล่านี้ เขาจะกลับใช้ชีวิตอย่างไร คำถามย้อนกลับมาที่เราเองเหมือนกัน ว่าเรามองหญิงสาวเหล่านี้อย่างไร ก็แค่คนที่มาประกวด หรือ เป็นคนที่เราควรใส่ใจ เพราะหญิงสาวเหล่านี้หลังจากพิธีกรรมบนเวทีนี้ผ่านไป พวกเธอไม่เหมือนเดิมอีกแล้ว.......