คัมภีร์ไพจิตร์มหาวงศ์


คัมภีร์ไพจิตร์มหาวงศ์ เป็นคัมภีร์ของแพทย์แผนไทยโบราณที่กล่าวถึงโรคที่เกิดขึ้นกับผิวหนัง คือฝีในลักษณะต่างๆกัน

ทบทวนความรู้เรื่องฝีหนองแล้วให้คิดถึงใบหน้ากลมๆของเด็กสาวคนหนึ่งที่นั่งเฝ้าพ่อจนอ่อนแรง จนฟุบหน้าหลับไป ทำเอาคนเยี่ย่มใจหายนึกว่าเธอเป็นลม แต่พอแตะไหล่เบาๆเธอก็เงยหน้างัวเงียขึ้นมายิ้มเฉ่ง

คุณพ่อของเธอป่วยด้วยเบาหวาน หน้าแข้งทั้งสองข้างมีแผลเบาหวาน หนองขึ้นเป็นเม็ดปุดๆ ทำให้นึกถึงยาแผนโบราณมากกว่ายาสมัยใหม่ ยิ่งการรักษาที่ต้องตัดขาทิ้งด้วยแล้วอดใจหายไม่ได้ ก็ได้แต่คิดถึงยาไทยโบราณ นั้นจริงๆ

ไม่ทราบมีการวิจัยค้นค้วามันขึ้นมาหรือยัง คิดถึงเมล็กต้อยติ่ง กับความซนของตัวเองในวัยเด็กที่แกะดึงฝึกแล้วโยนลงคลอง เมล็ดต้อยติ่งชอบขึ้นในที่ชื่น แฉะมากกว่าที่ดอนแห้ง คุณสมบัติของเมล็ดต้อยติ่ง นั้นคนโบราณรุ่นคุณปู่คุณย่าามักเอามาตำแล้วแปะลงไปที่แผลพุๆนั้น ตัวยาจะทำหน้าที่ดูดฝีหนองให้แผลแห้ง ยิ่งเป็นกะเม็ง หรือที่คนไทยเชื้อสายมอญ ออกเสียงเรียกกะเม็งว่ากระเม็งด้วยแล้ว ยิ่งมีคุณค่าของการดูดซับแต่จำไม่ได้ว่าเขาต้องผสมอะไรอีก1 ตัว มันจะดูดตึบๆๆคนเป็นฝีนี่ตัวจะร้อนบางครั้งปวดจนสะท้านเพราะพิษของฝีเป็นเหตุ คนโบราณก็จะชงยาเขียวให้กิน

แต่บ้านป่าจะให้กินย่านางโขลกผสมน้ำ ว่ากันว่าใยของย่านางจะช่วยให้เกิดการขัยถ่าย และฤทธิ์ของย่านางจะช่วยให้คนเป็นฝีเนื้อตัวเย็นสบายได้ รวมทั้งกินฟ้าทะลายโจรปราบไข้แทรกซ้อน แต่แผลที่เกิดจากเบาหวานในสมัยก่อนจะเป็นอย่างสมัยนี้หรือไม่ก็ไม่ทราบ

ตำราแพทย์แผนไทยได้แบ่งลักษณะของฝีไว้ดังนี้

1.ฝีที่มีลักษณะเป็นยอดเดียว ชนิดหงายประเภทที่ 1 ซึ่งจะมีปรากฏอาการของพิษและประเภทแตกต่างกัน บางทีทำให้ร้อน

บางทีทำให้หนาว บางรายทำให้ร้อนทำให้หนาว สลับกันไปนี่ไฟธาตุสับสน บางทีทำให้คลุ้มคลั่ง เข้าใจเองว่าคงปวดจนเลยเซ็งเป็ด

ไปได้หลายสิบเท่าแล้วมั๊ง ถึงได้เสียสติ ให้ขนแขนแสตนอัพ เนื้อเต้นเป็นหน้ากลองที่ถูกตีรัว อีกทั้งตายังแดงเป็นสายโลหิต

2.ฝีที่มีลักษณะเป็นยอดเดียว ชนิดหงายประเภทที่ 2 โบราณว่าถ้าบังเกิดขึ้นภายในเดือย 5 -10 เกิดเพื่อดี ลม

และเสมหะระคนกันมักขึ้นในคอก็ดี นอกคอก็ดี เกิดมนต้นคางก็ดี กกหู รักแร้ ไหล่ อกก็ดี ขึ้นข้างซ้ายท่านว่าตัวเมีย

ขึ้นข้างขวาท่านว่าตัวผู้ ถ้าน้ำแดงเกิดเพื่อดีและโลหิต ถ้าน้ำขาวเกิดเพื่อเสมหะ ซึ่งมีอาการและประเภทต่างๆกัน

ท่านว่าคนเป็นแพทย์แผนไทยต้องหมั่นสังเกตและสอบถามครูบาอาจารย์ ที่มีประสบการณ์มาก่อนและเรียนรู้ติดตามโรคไป

3.ฝีที่มีลักษณะเป็นยอดเดียว ชนิดคว่ำประเภทที่ 1 โบราณท่านว่า มีอาการต่างๆหัน บางทีเชื่อมมึน บางทีให้ร้อนกระหายน้ำ หอบ สะอึก บางทีให้จุกเสียด ให้ชัก มือกำเท้ากำ มือสั่น ปวดแสบปวดร้อนเป็นกำลัง

4.ฝีที่มีลักษณะเป็นยอดเดียว ชนิดหงายประเภทที่ 2 ถ้าบังเกิดในเดือน 11 - 12 และ 1-4 คือบังเกิดเพื่อลม น้ำเหลือง กำเดาระคนกัน มักขึ้นกระหม่อม ลำตัว สันหลัง ขึ้นขาทั้ง 2 ข้างก็ดี ขึ้นใต้ศอก รักแร้ ไหล่ทั้ง 2 ก็ดี เป็นผื่นขึ้นเล็กบ้างใหญ่บ้าง มีอาการและประเภทต่างๆกัน

 

ที่มา: จากหนังสือตำราแพทย์แผนไทประเภทเวชกรรมไทย กองการประกอบโรคศิลปะ กองทรวงสาธารณสุข

และบันทึกการเรียนรู้

ขอบคุณทุกท่านที่แวะมาลปรร.ค่ะ

 

หมายเลขบันทึก: 546723เขียนเมื่อ 26 สิงหาคม 2013 23:29 น. ()แก้ไขเมื่อ 27 สิงหาคม 2013 08:19 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (4)

อ่านแล้ว เห็นคุณค่าย่านางเพิ่มมาอีก ขอบคุณมากครับ

สวัสดีพี่ต้อย คุณค่าตำราสมุนไพร รู้จักใช้ มีนัยยะ

"ร้อนกลุ้มๆ หัวคุ้มหัวคร้า  ร้อนกล้าๆหัวคร้าหัวคุ้ม" มความหมายในการดับร้อนที่ต้องใช้ตัวยานำ

ยายสอนการใช้สมุนไพรดูดหัวหนองในฝี

ข้าวปั้นหมกไฟ หญ้าขัดมอญ ใบอุตพิด ถิ่มให้เข้ากัน พอกปากแผลฝี ทิ้งไว้หนึ่งคืน รุ่งเช้า หัวฝีจะหลุดออกมทั้งยวง

ขอบคุณค่ะ ผู้เฒ่า สวนไผ่

ย่านางคุณค่าที่ไม่เคยเปลี่ยนแปลง

รักแท้คือตัดฤทธิ์สารพิษในหน่อไม้

คุณค่าของย่านางที่คนไทยอีกมากเมิน

แต่ต่างชาติอยากเขมือบจะแย่อยู่แล้วค่ะ

ขอบคุณค่ะ น้องบาว วอญ่า

""ร้อนกลุ้มๆ หัวคุ้มหัวคร้า ร้อนกล้าๆหัวคร้าหัวคุ้ม" มีความหมายในการดับร้อนที่ต้องใช้ตัวยานำ

ยายสอนการใช้สมุนไพรดูดหัวหนองในฝี

ข้าวปั้นหมกไฟ หญ้าขัดมอญ ใบอุตพิด ถิ่มให้เข้ากัน พอกปากแผลฝี ทิ้งไว้หนึ่งคืน รุ่งเช้า หัวฝีจะหลุดออกมาทั้งยวง

ถิ่ม= ตำ หรือบดด้วยโกรก

ยวง..หากย้อนอดีตไปราวๆเกือบ 40 ปี พี่เคยเห็น เรียกว่าตั้งแต่ส่วนบนของฝีที่แห้งเป็นฝานะ  ถ้าฝีหัวหลบพอสะกิดนิดเดียวดึงขึ้นมาเนื้อฝีเน่่าๆจะแห้งแต่ตรงปลายจะแฉะเล็กน้อย มีกลิ่นหนองแห้งออกมาพร้อมกับยวงฝีหากพิจารณารูปทรงก็น่าจะคล้ายกรวยหงาย บางเม็ดคล้ายจุกขนมครก บางเม็ดออกมาเป็นแผ่นและมีปุ่มเล็กๆตรงกลาง เห็นแบบนี้แล้วสบายในได้ว่าหมดเหม็ด

หญ้าขัดมอญมัดรวมกันก็คือหญ้าไม้กวาดอย่างดีเหนียวมาก เป็นไม้ตระกูลเดียวกับชบา แต่เอ่ามาเป่าโป่งเล่นแบบกลีบชบาไม่ได้ แม่บอกว่า เดี๋ยวตาย

เคยเห็นเขาเอาใบใหญ่ๆมาทาน้ำมันอังไฟแล้วแปะฝีหัวช้าง มันจะดูดหนองออกมาและแห้ง

เสียดายเหมือนกันที่ตอนเป็นเด็กไม่ใส่ใจเรียนรู้

 

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท