เหมือนฉันเลยบ้านฉันก็รำมโนราห์กันทั้งบ้านเหมือนกัน ฉันกับพี่สาวจะต้องไปซ้อมรำทุก ๆ ตอนเย็น ส่วนพ่อก็ต้องไปเป็นลูกคู่ตีทับ บ้านฉันต้องทำอย่างนี้เป็นประจำแหละจนต้องแยกย้ายกันไปเรียนต่อนั่นแหละถึงได้เลิก
สนุกมากครับ
แม้เนื้อหาบางอย่างผิดพลาดไปหน่อย
แต่ก็ไม่ทำให้เสียอรรถรสในการอ่านครับ
ขอชื่นชมครับ ผมชอบ
อ่านแล้วรู้สึกเต็มตื้นไปกับแก้ว
ที่เคยหมองก็กลับใส เป็นแก้วที่กระจ่างชัดในรากเหง้าความเป็นมาของตัวเอง
เหนือสิ่งอื่นใดคือธำรงไว้ซึ่งสายสัมพันธ์ของคนในครอบครัว
ในยุคสมัยที่ผู้คนยังมีความเคารพต่อกันในฐานะเพื่อนมนุษย์ผู้ร่วมเกิดแก่เจ็บตาย มีความเคารพธรรมชาติในฐานะแม่ผู้ให้ชีวิตและเลี้ยงดู การคำนึงถึงแต่ความสุขส่วนตัวและเห็นแก่ได้เป็นสิ่งน่ารังเกียจ ในช่วงเวลาที่ทวด(พุ่ม เทวา?)ยังมีชีวิตอยู่หรือแม้กระทั่งช่วงที่คณะมโนราห์ของปู่และพ่อยังมีงานชุก อำนาจของศิลปะและบทบาทของศิลปินช่วยยึดโยงสายสัมพันธ์ของคนในครอบครัวให้รวมตัวกันเหนียวแน่นเป็นกลุ่มเป็นก้อน หรือจะกล่าวให้สวยหรูแต่ไม่เกินจริงได้ว่ามีส่วนช่วยให้ลูกหลานรักใคร่และสามัคคีปรองดองกัน
ในดินแดนแถบภาคใต้(โดยเฉพาะสุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช ตรัง พัทลุง สงขลา) ส่วนใหญ่ของคนพื้นถิ่นจะสืบสายย่านมาจากครูหมอโนราห์ ครูหมอเป็นผีบรรพบุรุษเช่นเดียวกับผีตายายแต่ชั้นสูงกว่ามีอำนาจดลบันดาลทุกข์สุขของลูกหลาน ลูกหลานคนใดเจ็บไข้ไม่สบายผู้ใหญ่ในบ้านจะบนบานผีบรรพบุรุษให้ช่วยแก้ไขให้หายและปกป้องคุ้มครองให้อยู่ดีมีสุข หากมีใครในวงศ์ตระกูลทำผิดทำนองคลองธรรมหรือไม่สืบทอดศิลปะการรำมโนราห์ผีบรรพบุรุษก็จะมาทักมาท้วงให้เจ็บไข้ไม่สบายได้เช่นกัน เมื่อคณะมโนราห์ทำพิธีไหว้ครูประจำปี ผู้ที่เคยบนบานไว้ก็สามารถไปร่วมพิธีเพื่อแก้บนได้ หรือครอบครัวไหนฐานะดีก็จัดการรับคณะมโนราห์มารำแก้บนที่บ้าน เครือญาติและเพื่อนบ้านสามารถมาร่วมพิธีได้เช่นกัน
ในการแสดงมโนราห์ นอกจากผู้รำจะมีหน้าที่เป็นศิลปินให้สาระบันเทิงแก่ผู้ชมแล้วหน้าที่สำคัญอีกประการคือ เป็นสื่อกลางเชื่อมลูกหลานกับบรรพบุรุษรุ่นก่อน ๆ ในพิธีเข้าทรง บรรพบุรุษที่ล่วงลับไปแล้วอาจเลือกประทับทรงในร่างของลูกหลานที่มาเข้าร่วมพิธี (ในปัจจุบันหากเป็นข่าวในรายการโทรทัศน์ ผู้เชี่ยวชาญคงลงความเห็นว่าเป็นอุปาทาน และให้ใช้วิจารณญาณในการรับชม...เพราะไม่รู้จะพิสูจน์ยังไงในเรื่องที่ตัวเองไม่มีความรู้และประสบการณ์หรือถึงมีก็พูดตามที่คิดและรู้สึกไม่ได้ เนื่องด้วยอยู่ในโลกที่หลักฐานและข้อเท็จจริงสำคัญกว่าอารมณ์ความรู้สึก)ในช่วงของการประทับทรงนี้เองที่ลูกหลานและบรรพบุรุษมีโอกาสไถ่ถามสารทุกข์สุกดิบต่อกัน เป็นช่วงเวลาที่โลกในอดีตเชื่อมโยงเข้าด้วยกันกับโลกปัจจุบัน ณ ที่นั้นผู้คนต่างตระหนักว่าไม่ได้มีเพียงโลกนี้โลกเดียว ยังมีสิ่งอื่นคุณค่าอื่นนอกเหนือจากที่ตาเนื้อจะมองเห็นได้ ในโลกทัศน์ดังกล่าวมนุษย์จึงไม่อหังการ์มุ่งที่จะเอาชนะผู้อื่นหรือสิ่งมีชีวิตอื่นจนถึงขั้นทำลายล้าง
นอกเหนือจากพิธีกรรมที่ดูขลังและศักดิ์สิทธิ์แล้วคุณค่าดังกล่าวยังแฝงอยู่ในเรื่องเล่ารวมทั้งในศิลปะแขนงอื่น ๆ การเสพงานศิลป์จึงได้ทั้งสาระและความบันเทิง ในวิถีชีวิตที่ศิลปะยังมีความสำคัญเช่นที่กล่าวมานี้ ผู้เสพในฐานะผู้เรียนรู้ชีวิตย่อมมีโอกาสตกผลึกทางความคิดและเกิดภูมิรู้ด้วยตัวเองซึ่งแน่นอนว่าย่อมไม่ตัดขาดจากภูมิปัญญาดั้งเดิมของบรรพบุรุษ (รายละเอียดเกี่ยวกับมโนราห์ยังมีอีกมาก)
เช่นเดียวกับแก้ว (เข้าเรื่องเสียที)วันที่เธอร่ายรำพลิ้วไหวดุจต้องมนต์และตรึงสายตาคนดูไว้ดั่งโดนสะกด ก็คือวันที่เสียงทับเสียงกลองมโนราห์ประสานเป็นจังหวะเดียวกับเสียงเต้นของหัวใจซึ่งทำหน้าที่สูบฉีดสายเลือดมโนราห์ให้ไหลไปทั่วตลอดทั้งร่าง ณ ขณะนั้นเธอเป็นมโนราห์เต็มตัวทั้งชีวิตและจิตวิญญาณอย่างไม่ต้องหาเหตุผลเรื่องสัญชาตญาณหรืออุปาทานมาอธิบาย การเคี่ยวเข็ญให้หมั่นฝึกฝนของพ่อและความสำนึกถึงความเป็นลูกหลานตระกูลมโนราห์ได้ประสานเป็นหนึ่งเดียวกันแล้ว
ยุคสมัยที่แก้วเติบโตขึ้นมากับยุคที่มโนราห์ยังได้รับความนิยมช่างต่างกันมากเหลือเกิน การเคารพในคุณค่าความเป็นมนุษย์ทั้งของตัวเองและผู้อื่นลดน้อยถอยลง ธรรมชาติก็ไม่ได้เป็นแม่ผู้ให้ชีวิตและเลี้ยงดูเช่นแต่ก่อน หากแต่ถูกเปลี่ยนฐานะมาเป็นทาสผู้รับใช้ให้ความสะดวกสบายแก่ชีวิตมากน้อยตามกำลังความสามารถของแต่ละคน ในโลกทัศน์เช่นนี้การกอบโกยผลประโยชน์และเบียดเบียนผู้อื่นเพื่อความสุขส่วนตัวได้กลายเป็นแนวทางสำคัญในการดำเนินชีวิต บ้างก็อ้างเพื่อความอยู่รอด บ้างก็ว่าเป็นสิทธิอันชอบธรรม มิพักต้องพูดถึงความสามัคคีปรองดองของคนในสังคมและประเทศชาติ สถาบันครอบครัวซึ่งเป็นหน่วยทางสังคมที่เล็กที่สุดก็ยังแตกสลายเช่นที่เกิดขึ้นกับครอบครัวของแก้ว เมื่อแม่จากพ่อไปแก้วก็ยังอยู่กับพ่อยอมให้พ่อเคี่ยวเข็ญขับกลอนมโนราห์ให้ปู่ซึ่งเป็นอัมพาตฟัง แม้ในบทขับที่มีเนื้อหาประชดประชันชะตากรรมของศิลปินมโนราห์ในยุคสมัยปัจจุบันก็ยังแฝงสารสำคัญว่าแก้วเป็นศิลปินโดยสายเลือดมีพรสวรรค์ในการขับกลอนมโนราห์(วิภูเองก็คงเป็นหนึ่งในสายเลือดมโนราห์เช่นกัน?แถมยังมีพรสวรรค์ในทางสร้างสรรค์งานศิลป์ตั้งแต่เด็กเช่นเดียวกับแก้วเสียด้วย ผู้อ่านคนนี้ก็มีสายเลือดมโนราห์หากแก้วมีตัวตนอยู่จริงก็คงพอจะนับญาติกันได้เพียงแต่ถนัดเป็นผู้เสพมากกว่า เช่นที่กำลังทำในตอนนี้)แก้วเป็นสาวน้อยที่ต้องเผชิญกับแรงเสียดทานทางสังคมสูงและอยู่ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อของชีวิตจึงเป็นธรรมดาที่จะมีความขัดแย้งในใจ ในวันที่แก้วเป็นลมและสายเลือดมโนราห์ถูกปลุกให้ตื่นผู้อ่านก็ได้รู้ว่าความขัดแย้งนั้นคลี่คลายไปพร้อมกันนั้นแก้วก็ได้ปลุกสายเลือดมโนราห์ในตัวผู้ชมให้ตื่นขึ้นด้วยเช่นกัน(วิภูเองก็ได้ปลุกผู้อ่านให้ตื่นและเติบโตไปด้วยกันในเส้นทางของการสร้างเสพงานศิลป์)
บนเส้นทางแห่งการสืบทอดศิลปะการแสดงมโนราห์ที่เต็มไปด้วยอุปสรรคทั้งภายนอกคือสภาพสังคมและภายในคือความขัดแย้งในใจ การตื่นของแก้วจัดได้ว่าเป็นการตื่นรู้ที่ยิ่งใหญ่ แก้วตระหนักแล้วว่าตนเป็นลูกพ่อ เป็นหลานปู่ เป็นเหลนทวด เป็นทายาทตระกูลมโนราห์ นี่คือรากเหง้าของเธอ ส่วนการผลิดอกออกผลหรือผลผลิตของความเติบโตทางความคิดและจิตใจ เรื่องเล่าของวิภูก็เป็นสิ่งยืนยันได้เป็นอย่างดีว่าคนที่มีรากย่อมไม่หลุดลอย
พอดีเป็นคนพัทลุงเหมือนกัน อ่านแล้วอดพรั่งพรูความคิดออกมาไม่ได้
ยินดีด้วยกับความก้าวหน้าของเจ ดูเหมือนจะเติบโตขึ้นทั้งภายในและภายนอกเลยนะ(ฮิฮิ)
รวมเล่มเมื่อไหร่ส่งข่าวมาบ้างนะจ๊ะ
การcommentงานนี้โดยอ่านเพียงรอบเดียวมีข้อดีข้อเสียอย่างละ 1 ประการ
ข้อดีคือ แรงกระทบทางอารมณ์ที่ได้รับ(จากความประสานของเนื้อหาที่โดนใจกับรูปแบบที่ลงตัว)กระตุ้นความรู้สึกนึกคิดให้ตื่นตัวรับสารทางปัญญาและอารมณ์เต็มที่
ข้อเสียคือ ขาดความละเอียดรอบคอบในการนำเสนอความเห็นต่อเรื่องสั้นเรื่องนี้
ส่วนสำคัญที่ขาดหายไปอย่างน่าเสียดายคือ รายละเอียดของการสร้างงานส่วนของกลศิลป์ ขณะที่เขียนก็ตระหนักถึงข้อบกพร่องนี้ดีเพียงแต่หากพรรณารายละเอียดส่วนของกลวิธีทางวรรณศิลป์พ่วงเข้าไปด้วย comment นี้จะมีความยาวมาก (ไม่รู้คนอื่นเขาเขียนกันสั้นยาวแค่ไหน พอดีเพิ่งเข้ามาในโลก Cyber ได้ไม่นาน เท่าที่สำรวจดูคร่าว ๆ โดยมากก็เห็นเขียนกันสั้น ๆ ) เมื่ออ่านเที่ยวเดียวข้อวิจารณ์จึงมีข้อบกพร่องอย่างไม่น่าให้อภัย นั่นคือ ผิดพลาดในรายละเอียดเรื่องของเวลา วันที่แก้วรำมโนราห์หน้าเสาธงเป็นวันเดียวกับที่แก้วต้องประสบเหตุการณ์สะเทือนใจ นั่นคือ แม่หอบผ้าหอบผ่อนหนีพ่อไปตั้งแต่เช้ามืด
"น้ำตาไม่เคยเอ่ยคำ" แต่ก็เป็นสิ่งที่สื่ออารมณ์ความรุ้สึกและบ่งบอกว่า ความสะเทือนใจที่ได้รับมีมากมายและรุนแรงเพียงใด
ยิ่งทุกข์ที่ก้าวข้ามสาหัสเพียงใด ปิติสุขที่ตามมาก็ยิ่งใหญ่ไม่แพ้กัน
ขอคารวะแด่บันทึกนี้ ที่ถ่ายทอดอารมณ์ศิลปินโดยสายเลือด