นมัสการพระคุณเจ้า แวะมาเยี่ยมชมบทกลอนแด่...แม่ที่ไพเราะค่ะท่าน...สบายนะเจ้าคะ...
กราบนมัสการค่ะ
บทกลอนไพเราะและซาบซึ้งในพระมหากรุึณาธิคุณมากค่ะ
นมัสการ มีปัญหาจะเรียนถามเจ้าค่ะ
"ตามพระวินัยแล้ว พระสงฆ์จะไม่สะสมอาหาร ไม่ว่าจะเป็นอาหารแห้งหรืออาหารสด อาหารแห้งที่เรานำมาถวาย ส่วนใหญ่แล้ว ท่านจะนำไปทำทานต่อไป "
มีคำถามค่ะ
1. ถ้าเป็นกรณีที่ เมื่อท่านรับบิณฑบาตแล้ว อาหารแห้งที่สามารถเก็บไว้นาน ท่านนำไปมอบให้โรงครัวของวัด ให้โยมที่มีหน้าที่เกี่ยวกับโรงครัวเจ้าหน้าที่โรงครัวทำมาถวายในยามที่จำเป็นเช่น กรณีฝนตกหนักติดต่อกันหลายวัน กรณีน้ำท่วม พระท่านผิดวินัยหรือไม่เจ้าคะ
2. กรณีที่วัดเป็นสถานศึกษาของสามเณรและภิกษุสงฆ์ที่มีจำนวนมาก ถ้าพระท่านนำไปมอบให้โรงครัว โดยที่ตัวท่านเองไม่ได้สะสมอาหาร ท่านทำผิดพระวินัยหรือไม่เจ้าคะ
ขอบคุณล่วงหน้าสำหรับทุกคำตอบเจ้าค่ะ
ขอขอบคุณคุณโยมทุกท่านที่มาเยี่ยมชม ขอให้มีความสุข
ตอบคุณครูมุก : กรณีที่ได้รับมาแล้ว นำไปมอบให้โรงครัว แสดงว่าท่านไม่ได้เก็บไว้เป็นการส่วนตัว เก็บไว้เป็นสาธารณโภคี หมายความว่าเอาไว้เป็นของกลางเป็นส่วนรวม ก็เป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่โรงครัว(ภันฑาคาริก) ในการเป็นผู้ดูแล และประกอบให้ฉัน ก็ไม่น่าจะผิดนะ : ส่วนของที่ท่านได้รับมานั้น ตามพระวินัย ของแต่ละอย่างมีเวลาเก็บรักษานะ ท่านเรียกว่า "กาลิก" การสะสมของที่ได้มาและของนั้นสมมุติว่าท่านกำหนดให้เก็บไว้ได้หนึ่งวัน ล่วงหนึ่งวันไป ยังเก็บสะสม และนำมาฉัน ท่านเรียกว่า "สันนิธิ" การฉันของที่เป็นสันนิธิก็เป็นอาบัติ เรื่องของกาลิก มีดังนี้
กาลิก (อ่านว่า กา-ลิก) แปลว่า ประกอบด้วยกาลเวลา, ขึ้นอยู่กับกาลเวลา เป็นภาษาพระวินัย หมายถึงอาหารหรือของที่ภิกษุรับแล้วเก็บไว้ฉันได้ตามกาลเวลาที่กำหนดเท่านั้น หากเก็บไว้เกินกว่านั้นถือเป็นความผิด ได้แก่
ทั้งนี้ของที่นอกเหนือจากกาลิกทั้ง 3 นั้น คือ ยาวชีวิก เป็นของที่เก็บไว้ฉันได้ตลอดชีวิต คือ ยารักษาโรค
ขออภัยที่มาตอบช้า
มาอ่านบทกลอนพานได้ความรู้เรื่อง กาลิก
นมัสการขอบคุณพระคุณเจ้าค่ะ