ไม่มี Pride ไม่มีทุกข์


หลายวันมานี้เรื่องที่ผมกับ อ.จัน ได้คุยกันเวลาเรากินน้ำชาตอนเช้าเกี่ยวข้องกับ Pride หลายครั้งด้วยกันและได้มุมมองดีๆ ที่น่าสนใจหลายประเด็นทีเดียวครับ

Pride แปลว่า ความทนงตน ความยึดมั่นถือมั่น แปลในภาษาของท่านพุทธทาสฯ ที่เราคุ้นเคยกันคือ "ตัวกู ของกู" นั่นเอง

Pride เป็นบาปที่ร้ายแรงที่สุดของศาสนาคริสต์ ในบาปอันร้ายแรงทั้งเจ็ดประการนั้น Pride ร้ายแรงที่สุด "The deadliest sin of all seven deadly sins" ครับ

เขาบอกว่าถ้าเราอยากมีชีวิตที่สุขสงบ เป็นชาวพุทธก็ควรละ "ตัวกู ของกู" ไปเสีย ถ้าเป็นชาวคริสต์ก็ควรละ Pride ออกไปให้ได้

นึกดูแล้ว Pride นี่พิษมันแรงมาก มันทำให้เราทำในสิ่งไม่ควรทำมากมายเพื่อตอบสนองมัน ไม่ว่าการบริโภคเกินตัวเพื่อให้คนอื่นเห็นว่า "ตัวกูมีกินมีใช้" หรือการตัดสินใจทำสิ่งต่างๆ ที่เหนื่อยหนักวุ่นวายทำแล้วทุกข์เพื่อบอกว่า "ตัวกูมีความสามารถที่จะทำ"

ที่จริงแล้วที่มาของ Pride นี่อธิบายได้เป็นวิทยาศาสตร์ด้วย เหตุเกิดขึ้นเพราะมนุษย์เป็นสัตว์ที่ต้องอยู่ร่วมกันอย่างเหนียวแน่นเนื่องจากเราเป็นสัตว์ที่อ่อนแอมาก ไม่มีเขี้ยวไม่มีเล็บสู้อะไรไม่ค่อยได้ ดังนั้นสัญชาตญาณของเราต้องการการยอมรับจากสังคมอย่างมาก ความต้องการนี้เป็นสัญชาตญาณพื้นฐานเพื่อการเอาตัวรอดและการสืบพันธุ์ของเรา

ในวันนี้ที่เราอยู่ได้สบายมากกว่าบรรพบุรุษที่อยู่ในถ้ำในป่า แต่สัญชาตญาณนี้ก็ไม่ได้ลดความรุนแรงลง เรายังถูกขับดันด้วยสัญชาตญาณนี้ด้วยความแรงเท่าเดิมและเผลอๆ จะมากกว่าเดิมด้วยซ้ำ สาเหตุที่มากกว่าเดิมก็เพื่อการแข่งขันในการสืบพันธุ์ เพราะแม้การเอาตัวรอดจากอันตรายในป่าจะลดลงแล้ว แต่การแข่งขันเพื่อสืบพันธุ์กลับรุนแรงขึ้นกว่าในอดีตมาก

การสืบพันธุ์นี่ไม่ได้หมายแค่การร่วมเพศอย่างเดียวนะครับ แต่หมายถึงกระบวนการทั้งหมดตั้งแต่หาคู่ ร่วมเพศ เลี้ยงดูตัวอ่อนจนโตสามารถเลี้ยงตัวเองและสืบพันธุ์ได้ต่อ ดังนั้นแม้เราจะมีลูกแล้วแต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเราจะหมดสัญชาตญาณในการสืบพันธุ์ครับ

ในวิชาชีพที่มีการยกย่องจากสังคมมากนั้น อาทิเช่น ครูบาอาจารย์ หลุมพรางของ Pride นั้นรุนแรงกว่าวิชาชีพอื่นๆ เพราะ Pride เป็นผลตอบแทนของการทำอาชีพนั้นๆ ที่ถูกสังคมแสดงให้เห็นให้ผู้ประกอบวิชาชีพนั้นรับรู้อย่างมีนัยสำคัญ

ดังนั้นพอมีเหตุการณ์ที่กระทบ Pride อารมณ์ของเราก็ถูกกระทบได้มากกว่าคนอื่นๆ ที่ไม่ได้มี Pride เป็นส่วนหนึ่งของวิชาชีพ

ผมเองก็เคยหลุดหลงไปกับ Pride อยู่หลายครั้งหลายคราทีเดียว แต่พออายุมากเข้าผ่านโลกมากขึ้นสติก็เริ่มเข้มแข็งรู้เท่าทัน Pride พอหลุดเมื่อไหร่ก็พอได้เรียกกลับกันได้

ชีวิตที่ไม่มี Pride นี้ดีมาก มีความสุขเหมือนบินได้เพราะตัวเบาหวิวไม่มีอะไรมาถ่วงจิตใจ เป็นความรู้สึกที่ผมได้สัมผัสอยู่บ้างเป็นระยะ

"ตัวกู ของกู" ของผมนั้นติดๆ ดับๆ พยายามจะดับให้สนิทแต่เผลอเมื่อไหร่ก็คุกรุ่นขึ้นมาได้อีก ผมคิดว่าสำหรับผมนั้นได้รู้ตัวเมื่อ Pride ติดขึ้นมาก็ถือว่าประสบความสำเร็จแล้ว ถือว่าเป็นขั้นแรกเพื่อเข้าถึงขั้นต่อไป คือการดับ Pride ได้อย่างรวดเร็วว่องไว ไล่ตามอารมณ์ตัวเองทันนั่นเอง

เรามนุษย์โลกที่เจอทุกข์เจอสุขอยู่เหมือนๆ กันก็ขอให้ทุกคนปลอดภัยจาก Pride กันนะครับ

คำสำคัญ (Tags): #ตัวกู ของกู#Pride
หมายเลขบันทึก: 544083เขียนเมื่อ 30 กรกฎาคม 2013 11:17 น. ()แก้ไขเมื่อ 30 กรกฎาคม 2013 11:21 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (15)

อ่านแล้วคิดถึงภาพยนต์ชื่อ " Pride & Prejudice "...ได้ชมบ้างหรือยังคะ ?...ดูหนังละครแล้วย้อนดูตัว...

เป็นกำลังใจให้อาจารย์ครับ

-สวัสดีครับอาจารย์..

-"...การสืบพันธุ์นี่ไม่ได้หมายแค่การร่วมเพศอย่างเดียวนะครับ แต่หมายถึงกระบวนการทั้งหมดตั้งแต่หาคู่ ร่วมเพศ เลี้ยงดูตัวอ่อนจนโตสามารถเลี้ยงตัวเองและสืบพันธุ์ได้ต่อ ดังนั้นแม้เราจะมีลูกแล้วแต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเราจะหมดสัญชาตญาณในการสืบพันธุ์..."

-ขอบคุณสำหรับมุมมองเกี่ยวกับ  Pride ครับอาจารย์..

ขอขอบคุณ  ที่นำบันทึกดีๆมาแบ่งปันครับ

ดูท่าจะเป็นอย่างอาจารย์ว่าค่ะสงสัยต้องฝึกอีกเยอะเลย เพราะเมื่อเกิดสภาวะไม่ได้ดั่งใจทีไร อะไร ๆ มักมาพร้อมความ "เผลอ" อยู่เรื่อย

 

บันทึกนี้เตือนสติได้ชะงัก จะได้กัก Pride ไว้ซะบ้าง

ขอบคุณค่ะ ^^

 

ขอบคุณทุกท่านสำหรับทุกความเห็นครับ

หนังเรื่องนั้นผมยังไม่เคยดูเลยครับพี่ใหญ่ แต่ได้ยินมาว่าเป็นหนังที่ดีมากครับ ผมคงต้องหาโอกาสดูแล้วครับ

อาจารย์ใช้อะไรเป็น ตัวแก้ pride เมื่อมันโผล่มาคะ 

ขออนุญาตแลกเปลี่ยนเรียนรู้ค่ะอาจารย์ ในบันทึกของอาจารย์ที่กล่าวถึงศาสนาคริสต์นั้น เราจะเรียกว่า "บาปต้น 7 ประการ" ค่ะ ได้แก่ จองหอง ตระหนี่ อุลามก  อิจฉา  โลภอาหาร โมโห  และเกียจคร้าน ค่ะ นี่คือบ่อเกิดที่จะนำไปสู่บาปอื่นๆ ค่ะอาจารย์

...ขอแสดงความยินดีด้วยค่ะอาจารย์

ขอบคุณคุณ tuknarak ครับ ผมแทบไม่รู้ศัพท์ของคริสต์ในภาษาไทยเลยครับ ผมอาศัยอ่านจากหนังสือภาษาอังกฤษเป็นหลักครับ ที่จริงแล้วไม่ใช่เฉพาะคริสต์ ศัพท์ทางพุทธที่ใช้ในภาษาไทยผมก็แทบไม่รู้เหมือนกันครับ ผมกำลังนึกว่าจะหาโอกาสหาหนังสือภาษาไทยมาอ่านให้มากขึ้นจะได้ใช้คำได้ถูกต้องครับ

วันนี้ว่าจะเขียนบันทึกตอนต่อไปตอบคำถาม อ.หมอ ป แต่สงสัยไม่ได้เขียนแล้วครับ ขอยกยอดไปวันต่อไปนะครับ

ยังทำได้ไม่ดีค่ะอาจารย์ ยังยึดติดอยู่หลายอย่างที่เดียว

"ในวิชาชีพที่มีการยกย่องจากสังคมมากนั้น อาทิเช่น ครูบาอาจารย์ หลุมพรางของ Pride นั้นรุนแรงกว่าวิชาชีพอื่นๆ เพราะ Pride เป็นผลตอบแทนของการทำอาชีพนั้นๆ ที่ถูกสังคมแสดงให้เห็นให้ผู้ประกอบวิชาชีพนั้นรับรู้อย่างมีนัยสำคัญ"

เพราะ Pride.ในตัวตนถูกปิดบังซ่อนเร้นด้วยกิเลสและตันหา

การยึดติดในอัตตานี้เป็นเหตุหนึ่งที่ส่งผลกระทบต่อการพัฒนาการศึกษาในบ้านเมืองของเรา

ขอบคุณค่ะ

 

เห็นด้วยครับ บางคน "ตัวมึงก็ของกู" ยุ่งกันใหญ่ อะ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท