ชื่อบันทึกนี้อาจทำให้บางใครที่เข้ามาอ่าน....รู้สึกผิดหวัง หรือไปสร้างความหงุดหงิดใจให้ก็ต้องกราบขออภัยด้วยนะคะ เพราะคนบันทึกมักจะเบื๊อก ๆ (n_______n)
บันทึกนี้เป็นเรื่องที่ป้าเรียม (แม่ของผู้บันทึก) ได้ไปมองโลก มองคนกับแกงค์ ที่เมืองพี่หม่องค่ะ เสียดายที่ภาพถ่ายที่ได้ไปเยือนเมืองพี่หม่องของป้าเรียมไม่สามารถปรากฏอยู่ในบันทึกนี้ได้ เพราะป้าเรียมทำกล้องถ่ายรูปหายยยยยย ซึ่งคุณพี่ยุพันและผู้บันทึกร่วมกันหยอดกระปุกซื้อเป็นของขวัญให้กับป้าเรียมในวันเกิด เพราะป้าเรียมไม่ชอบใช้โทรศัพท์ที่เป็นกล้องถ่ายภาพ เลยทำให้พวกเราสองคนพี่น้องต้องทำอะไรสักอย่างแล้ว อันเนื่องมามาจากเคยเห็นฝีไม้ลายมือของป้าเรียมที่ถ่ายภาพพวกเราตอนเด็ก ๆ แล้วเห็นว่าควรจะมอบกล้องให้ป้าเรียมเป็นของขวัญ ^_____^
ป้าเรียมชอบออกไปเตะโลกค่ะ ตอนที่ฉันทำงานเป็นมัคคุเทศก์ก็ได้พาแม่ไปหลายครั้ง แต่ไม่เห็นป้าเรียมจะรู้
สึกลั้นลาได้เท่านี้ เลยตั้งคำถามถามกับแม่ "ว่าไม่เบื่อหรืออย่างไง แม่ไปกับหนูก็หลายเที่ยวแล้ว" ป้าเรียมตอบว่า มันไม่เหมือนกันวุ๊ย เพราะตอนที่แม่ไปกับเรา...แม่แค่รู้สึกว่าภูมิใจที่เราทำอะไรต่ออะไรได้สารพัด แต่แม่รู้สึกสงสารลูกมากกว่า เห็นลูกเหนื่อย ลูกรีบกินข้าว และทำอะไรต่ออะไรเพื่อคนอื่น แม่ไปเที่ยวกับเก๋ทีไร แม่ไม่เคยได้ถ่ายรูปกับหนูเลยสักครั้ง เพื่อนร่วมทางที่ไปด้วยก็มีแต่คนที่แม่ไม่รู้จัก ที่สำคัญไปกว่านั้นเห็นแกนอนแป๊บเดียวแล้วต้องรีบตื่นแต่เช้า แม่ก็ชักอยากกลับบ้านไว ๆ อ้าว !!! ทำหน้าเป็นแมวงง...ตึ๊งเลย...วนิดา
ป้าเรียมเล่าสู่ลูก ๆ ฟังว่า ประทับใจมาก มากกว่าตอนที่แม่ไปกับเก๋ อ้าว ! ไมเป็นงั้น ป้าเรียมว่าเป็นเพราะได้ไปเที่ยวกะแกงค์เดียวกัน วัยเดียวกัน ที่สำคัญแม่ไปทริปนี้มัคคุเทศก์พาแม่ไปไหว้พระที่ชเวดากองตอนค่ำ ๆ แม่ชอบมากกกกกกกกกก (ย้ำว่ามากกกกกกกกกกกกก....จริง ๆ วนิดาชักน้อยใจหน่อย ๆ ซะแล้ว) อ้ะ ! ก็ตอนที่แม่ไปกะหนู หนูก็พาแม่ไปไหว้ตอนค่ำ ๆ อีกนะ มันต่างกันตรงไหน ป้าเรียมแกก็ว่า ต่าง ที่ตอบว่า "ต่าง" ของป้าเรียมนี่มันสุดยอดของต้นตอทางพันธุกรรมความเบื๊อก ๆ แบบวนิดานะ...(ฉันคิดว่า ฮ่า ๆ)
คำว่า "ต่าง" ของป้าเรียมนี้มันมีนัยที่น่าสนใจค่ะ ละทำให้ต้องมาลงเป็นหลักฐานไว้ในบันทึกนี้ แม่เล่าให้ฟังว่าตอนแม่ไปไหว้พระที่เจดีย์ชเวดากอง แม่เห็นคนพม่ามาวัดกันเยอะกว่าตอนที่มากับเก๋ มีทั้งเด็ก คนหนุ่มคนสาว คนแก่ กับดอกไม้ง่าย ๆ ที่เตรียมกันมา ก็ไม่เห็นว่าคนที่นู่นเขามาซื้อมาหาที่ร้านขายกันเลย แม่ว่าเป็นภาพที่ประทับใจสำหรับความรู้สึกแบบวิถีพุทธนะ แต่..........มีแต่อีกแล้วป้าเรียม แต่แม่ประทับใจกว่าตรงที่แม่แอนเดอะแกงค์ำถามกับผู้คนที่ไปไหว้พระว่า มาขออะไรกัน ? เพราะแม่เห็นบางคนก็สวดมนต์อยู่นาน บางคนก็นั่งมองเจดีย์เฉย ๆ แม่เลยหันมาถามฉันและพี่ยุพันว่า "เก๋กับต้อยรู้ไหม เขามาขออะไร" ฉันกะพี่ส่ายหน้าเป็นแมวงงเช่นกัน ขอไรแม่ขอไร แม่บอกว่า เขาตอบว่า "ก็มาวัดธรรมดา ไม่เห็นต้องขออะไร" เย้ย....! แม่กะเพื่อนแม่แปลถูกเปล๊า ? ฉันแย้งทันที แม่บอกว่าไม่ได้ถามแค่คนเดียวนะ ถามหลายคน ถามเด็ก ๆ ถามคนหนุ่มสาว ถามผู้เฒ่าโดยไกด์ท้องถิ่นช่วยตอบด้วยนะ
โหยยยยยยยย.........แม่ ละไมตอนไปกะหนูแม่ไม่สงสัยแบบนี้มั่งอ้ะ ? ตอนนั้นแม่ไปพื้นมันร้อน ก็แกพาแม่ไปช่วงสายนะแม่จำได้ แม่เดินภาวนาจิตไปจะได้ไม่ร้อนเท้า ละฉันก็เห็นแกตะลอน ๆ พาคนนู้นไปตรงนู้น ตรงนี้ ฉันก็หมดเวลาสงสัยแล้ว เย้ย....แม่ลืมอ้ะดิ ก็พาแม่ไปอีกตอนค่ำ ๆ หลังทานมื้อเย็นเสร็จไง แม่จำไม่ได้หรอ ก็แม่กลัวเก๋เหนื่อยนี่....ตอนนั้น ก็ไม่นึกอยากทำไร อยากให้ลูกได้พัก นี่แม่มาน้อยใจเรารึเปล่าฟะ...มาคิดถึงตอนนู้นนนนน..เอาเมื่อตอนเข้าพรรษาปีนี้อ้ะนะ... เอ้อ ! ให้มันได้อย่างนี้ซิป้าเรียมฉัน ละแม่ขอไร ? คุณพี่ยุพันถาม แต่ในที่สุดป้าเรียมก็ใช้ความเงียบเป็นคำตอบ พร้อมของฝากจากเมืองพี่หม่อง เราสองคนพี่น้องทำหน้าเป็นพี่แก๊งค์...งงตึ๊ง อีกรอบ ทำไมโปสการ์ดมันเยอะอย่างนี้ว๊า.......เนี่ย
............................................
มองโลก มองคนของป้าเรียมครั้งนี้ทำให้วนิดาได้กลับมาคิดอะไร ๆ ได้อีกหลายอย่างกับวันขี้เกียจวันนี้ จริงแฮะ ! ไม่เห็นต้อง "ขอ" ก็ได้นี่หว่า
รักป้าเรียม รักพี่หม่อง เจ๋งเนอะ !!!
(@^_____________^@)
น่ารักอ่ะ...บันทึกนี้
ขอบคุณพี่โอ๋ค่ะที่ชอบบันทึกนี้
(@^___________^@)