ผมนั่งอ่านตัวอย่าง "วิถีชีวิตในโรงเรียนลำปลายมาศพัฒนา" จากหนังสือ "วุฒิภาวะของความเป็นครู" ของ "ครูใหญ่วิเชียร ไชยบัง" ... โอ้ มันมีแง่คิดคำนึงถึงระบบการศึกษาทางเลือกอีกแบบหนึ่งที่ "รัฐ" พึงหันมามองและนำไปใช้บ้าง เพื่อพัฒนาสังคมและประเทศชาติให้ก้าวไกลไปกว่าที่เป็นอยู่นี้
ตัวอย่าง "วิถีชีวิตในโรงเรียนลำปลายมาศพัฒนา"
๗.๓๐ - ๘.๐๐ น.
ระดับอนุบาลและประถม จะให้เด็กเล่นร่วมกันในสนามเด็กเล่นหรือสนามหญ้า เด็กผู้หญิงส่วนใหญ่ก็เล่นกระโดดยาง เด็กผู้ชายบ้างก็เล่นฟุตบอล เล่นดีดลูกแก้ว เพื่อให้เด็นได้เรียนรู้ที่จะสร้างปฏิสัมพันธ์กับคนอื่น การเคารพกติกา การจัดการสถานภาพภายในกลุ่ม การแก้ไขความขัดแย้งจากการกระทบกระทั่งกัน
ระดับมัธยม ให้ได้ดูแลสภาพแวดล้อมในโรงเรียน และห้องเรียนเพื่อปลูกฝังสำนึกรับผิดชอบต่อคนอื่น สิ่งอื่น และส่วนรวมให้ได้เห็นการทำงานที่มีความหมาย การจดจ่อกับงานที่ทำ
๘.๐๐ - ๘.๑๕ น.
กิจกรรมหน้าเสาธง ทำเพียงระยะสั้น ๆ สงบ ๆ เพื่อเป็นพิธีกรรมการเริ่มต้นวันที่มีความหมาย และเพื่อการแสดงออกถึงการขอบคุณ การนอบน้อม การมีสติ หลังจากกิจกรรมหน้าเสาธงสั้น ๆ นั้น ก็ไม่มีครูต้องมาอบรมหน้าเสาธงอย่างขนบของโรงเรียนทั่วไป
๘.๒๐ - ๘.๔๐ น. ใช้ฐาน "ใจ" เป็นหลัก
๘.๔๐ - ๑๒.๐๐ น. ใช้ฐาน "สมอง" เป็นหลัก
การเรียนในรายวิชาหลัก คณิต ไทย อังกฤษปูพื้นฐานทางวิชาการ เพื่อความรู้ความเข้าใจในรายวิชาพื้นฐานไปเป็นเครื่องมือในการเรียนรู้สิ่งต่าง ๆ ในระดับที่สูงขึ้น และสามารถประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวันได้๑๓.๐๐ - ๑๕.๐๐ น. ใช้ฐาน "กาย" เป็นหลัก
เรียนรู้แบบบูรณาการโดย PBL (Problem Based Learning) การผสมผสานกันของแต่ละวิชา จะทำให้เกิดการเชื่อมโยง ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้อย่างมีความหมาย สอดคล้องกับการใช้จริง เพื่อเสริมสร้างทักษะที่จำเป็นต่อการเรียนรู้อย่างต่อเนื่อง เช่น การเสริมสร้างทักษะที่จำเป็นต่อการเรียนรู้อย่างต่อเนื่อง เช่น การแก้ปัญหา การสื่อสาร การทำงานเป็นทีม ฯลฯ๑๕.๐๐ - ๑๕.๓๐ น.
กิจกรรมคนบันดาลใจ อ่านวรรณกรรม ดูหนัง หรือ สารคดีชีวิตบุคคล เช่น รายการคนค้นคน เพื่อสร้างแรงบันดาลใจในวิถีทางที่ดีงาม เป็นเครื่ืองขัดเกลาอารมณ์ เกิดสุนทรียะ เข้าใจวิถีชีวิต ความคิดและจิตใจของมนุษย์ด้วยกัน ทั้งยังเป็นการค้นพบความถนัดและความสนใจของตนเองอ. เสือ อยากอ่านค่ะ และแล้วนักการศึกษาก็เล่งเห็นว่าควรลดคาบเรียนและเรียนนอกห้องเรียน ..เพื่อพัฒนา ใจ /สมอง /กาย
ครูตุ่ม krutoom ครับ ...
สุริวงศ์บุ๊คเซ็นเตอร์มีครับ ;)...
ครูนกเห็นด้วยกับวิถีการเรียนรู้ที่จะทำให้ชีวิตมีคุณภาพ และมีความสุขนะค่ะ หากเรายังเรียนเพื่อสอบเรียนต่อ....การศึกษาก็ยังแค่บทเรียนสำเร็จรูป หรือประโยคบอกเล่า(สู่กันฟัง) ห้องเรียนก็ยังมีกรอบแข็งขัน และทำให้คนเราเมื่อมีปัญหาชีวิตแก้ไม่ได้เพราะ...มองว่าเป็นเรื่องนอกตำรา
อย่างที่ ครูใหญ่วิเชียร ไชยบัง ได้บอกไว้ใช่ไหมครับ คุณครูนก noktalay ว่า
"ปัญญาการใช้ชีวิต" สำคัญกว่า "ความรู้"
สวัสดีค่ะอาจารย์ ...แต่ยังเชื่อมั่นในความรู้และของเพิ่มเทคโนโลยี่ด้วยนะคะ...ที่จะสามารถนำไปสู่ความมีปัญญา...ส่วนการจะนำปัญญาไปใช้ในชีวิตจริงได้มากน้อยแค่ก็ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่างหลายประการด้วย...ที่แน่ๆคือการมี flexibility ในการปรับตัวให้เข้ากับผู้คน สังคม สภาพแวดล้อม และสถานการณ์ต่างๆรอบๆตัวได้เป็นอย่างดี เพราะโลกปัจจุบันมีการเปลี่ยนแปลงทางความรู้และเทคโนโลยี่ตลอดเวลา คนเราจะจัดการความรู้และเทคโนโลยี่เหล่านั้นได้อย่างไร?นั้นคือปัญญาในการใช้ชีวิตนะคะ
ขอบคุณทัศนะจากท่านอาจารย์ ดร. พจนา แย้มนัยนา ด้วยครับ ;)
ได้อ่านเมื่อวาน เป็นหนังสือที่คุณหมอธิรัมภาส่งมาให้คะ รู้สึกแสนถูกที่ถูกเวลาในยาม ไฟในการเป็นครูริบหรี่..
ยินดีครับ คุณหมอบางเวลา ป. ;)...