วันนี้ดิฉันนำแนวคิดการพัฒนาใจตนเองเพื่อชนะใจผู้อื่นซึ่งเป็นศาสตร์ที่ ขงจื้อได้สอนไว้นมนานมาแล้ว แต่กลับยังคงใช้ได้ดีแม้ในโลกไร้พรมแดนใบนี้ แนวคิดนี้ Thomas Cleary ได้นำมาเขียนในหนังสือเรื่อง The Essential Confucius สรุปเป็นเรื่องคำสอนของขงจื๊อเกี่ยวกับคุณธรรมที่ควรปลูกฝังไว้ ในจิตใจมนุษย์ ซึ่งมีประเด็นสำคัญในการครองใจคนอื่นคือ การเอาชนะใจตนเองในเรื่องต่อไปนี้
1. ความรักและเคารพเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน
ความรักและเคารพต่อเพื่อนมนุษย์ด้วยกันในมุมมองของขงจื๊อคือ การเคารพและให้เกียรติมนุษย์ทุกคนอย่างเท่าเทียมกัน โดยไม่มีการเลือกปฏิบัติ นอกจากนั้น ผู้ที่ได้ชื่อว่ามีคุณธรรมจะต้องมีความยุติธรรม ตรงไปตรงมา และมีมารยาทสังคม รู้จักผิดชอบชั่วดี ไม่มีการเล่นเส้นเล่นสาย ตัดสินทุกอย่างบนพื้นฐานของความถูกต้อง และคำนึงถึงผลประโยชน์ของประเทศชาติเป็นสำคัญ อย่างไรก็ตาม คุณธรรมความดีดังกล่าวจะไม่ช่วยสร้างประโยชน์อันใดมากนักหากผู้ที่มีคุณธรรม ไร้ซึ่งความรู้ความสามารถและความใฝ่ใจในการศึกษาหาความรู้เพิ่มเติม ในมุมมองของขงจื๊อ คุณธรรมความดีและความรู้ความสามารถเป็นสิ่งที่ต้องมีควบคู่กันไป
2. คุณธรรมเพื่อยกระดับคุณภาพจิตใจ
1) จงอย่ากังวลว่าคนอื่นจะไม่รู้จักเรา แต่ให้กังวลว่า ตัวเรามีคุณค่าเพียงพอแล้วหรือยังที่จะให้คนอื่นรู้จัก
2) คนที่มีความละโมบ และกระสับกระส่ายอยู่ตลอดเวลา ยากที่จะมีความสงบและความมั่นคงในจิตใจ
ความกังวลสับสนและความเคร่งเครียด จะทำให้จิตใจขุ่นมัวไม่สามารถขบคิดแก้ไขปัญหาได้ และ ส่งผลให้กิริยาที่แสดงออกมามีแต่ความเกรี้ยวกราดและรุนแรง ทำให้ลูกน้องหมดศรัทธา และไม่อยากจะร่วมงานด้วย ดังนั้น ขงจื๊อจึงสอนว่า เราควรประคับประคองจิตใจให้มีความสงบและสบาย เมื่อใจสบาย กิริยาและคำพูดที่แสดงออกมาก็จะน่าฟัง และน่าเชื่อถือ
3. คนที่ไม่รู้จักวางแผนระยะยาว จะรู้สึกอึดอัดและกังวลต่อสิ่งที่กำลังทำอยู่เสมอ
การตั้งใจทำงานอย่างเต็มที่โดยไม่รู้ตัวว่า กำลังทำอะไร ทำไปเพื่ออะไร ผลที่ตามมาคืออะไร และที่สำคัญคือ สิ่งที่เราทำอยู่นี้เป็นสิ่งที่เราต้องการทำจริงหรือ หรือทำไปเพื่ออยู่ไปวันหนึ่ง ๆ การทำงานอย่างไร้เป้าหมายในชีวิต นอกจากจะสร้างความอึดอัดและเคร่งเครียดแล้ว ยังจะเป็นการเสียเวลาโดยเปล่าประโยชน์ ดังนั้น เราควรสร้างมโนภาพเกี่ยวกับแผนที่ชีวิตของตนเองเสียตั้งแต่ต้น
4. คนที่หมั่นศึกษาหาความรู้โดย การท่องตำราแต่เพียงอย่างเดียว โดยไม่นำความรู้ไปทบทวนหรือนำไปปฏิบัติเปรียบได้กับ “เต่าแบกคัมภีร์หรือตาบอดคลำทาง” ในขณะเดียวกัน คนที่ชอบแสดงความคิดเห็นอยู่ตลอดเวลาโดยไม่สนใจข้อเท็จจริงใด ๆ เปรียบได้กับคนตาเป็นต้อ
ฉะนั้น สิ่งที่ดีที่สุดคือ การหมั่นศึกษา หาความรู้และนำความรู้เหล่านั้นมาทบทวนพิจารณา และนำมาปรับประยุกต์ใช้กับชีวิตประจำวัน
5. คนที่มีคุณธรรมจะไม่พูดจาเกินจากสิ่งที่ตนเองทำได้ เพราะคนที่มีคุณธรรมจะต้องมีปากกับใจตรงกัน
6. แม้ว่าคุณจะเป็นคนดีมีความสามารถปานใด ความอวดดีหรือความตระหนี่ถี่เหนียว จะทำให้คุณเป็นคนที่ไม่มีใครต้องการคบหาสมาคมด้วย
7. จงอย่าสนใจว่าคนอื่นจะมีชื่อเสียงและเกียรติยศมากน้อยเพียงใด แต่ให้สนใจว่าตัวเราเองยังขาดคุณสมบัติในด้านใดบ้างที่ยังต้องปรับปรุงแก้ไข
8. จงอย่ากังวลว่าทำไมผู้อื่นจึงไม่เข้าใจเรา แต่ให้กังวลว่าทำไมเราจึงไม่เข้าใจผู้อื่น
9. การก้มหน้ายอมรับชะตากรรมว่าเราเกิดมายากจน เป็นสิ่งที่ทำได้ง่ายกว่าการถ่อมตัวและฝืนใจที่จะไม่โอ้อวดความร่ำรวยของตนเอง
ธรรมชาติของมนุษย์เมื่อมีความร่ำรวยหรือมีสิ่งที่เหนือกว่าผู้อื่น มักชอบโอ้อวดและประกาศศักดาของตัวเอง พฤติกรรมเช่นนี้ย่อมเป็นการนำภัยมาสู่ตนเองโดยไม่รู้ตัว ขงจื๊อจึงสอนว่า เมื่อร่ำรวยแล้วไม่ควรอวดตัว แต่ให้มีความสำรวม สมถะ และมีความพอเพียง
10. สิ่งที่สำคัญที่สุดของความเป็นมนุษย์คือ ความซื่อตรงและซื่อสัตย์ต่อผู้อื่น
11. จงอย่าสุงสิงกับคนที่มีคุณภาพจิตต่ำกว่าเรา และจงอย่าลังเลที่จะแก้ไขข้อผิดพลาดของตนเอง
เพราะความคิด คำพูด และการกระทำของอีกฝ่ายย่อมกระทบกระเทือนจิตใจเราอย่างที่หลีกเลี่ยงเสียไม่ได้
12. จงอย่าใส่ใจกับเรื่องควา
มรวดเร็วและอย่าสนใจกับเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ
เพราะยิ่งสนใจเรื่องความรวดเร็วเท่าไร เรายิ่งห่างไกลจากความเป็นจริง และถ้าเราสนใจเรื่องเล็กน้อย จะทำให้ทำการใหญ่ยาก เพราะคนที่มีจิตใจจะคับแคบ ย่อมไม่สามารถดึงดูดผู้คนมาช่วยเหลือให้การสนับสนุนได้
.....................................
คนึงนิจ อนุโรจน์
https://www.facebook.com/pages/Human-Resource-Guide-By-DrKhanuengnich-Anuroj/179154502127716?ref=hl
http://www.gotoknow.org/posts/322147
ไม่มีความเห็น