คนทำศพ


                                                                  คนทำศพ

                                                    นายอานนท์ ภาคมาลี (หมอแดง)

คนทำศพ ของคนสมัยก่อนที่ไม่มีให้เห็นแล้วในสมัยนี้มาเล่าให้เด็กสมัยใหม่ฟังกันดีกว่าว่าแล้วก็ไปดูกันว่าพิธีกรรมคนทำศพที่เลือนหายไปแล้วนะมีอะไรบ้าง
1. เงินปากผี สมัยก่อนคนโบราณจะนำเงินพดด้วงผูกเชือกใส่ไว้ในปากศพ ด้วยความเชื่ออยู่ 3 อย่างครับ หนึ่ง คือ เป็นปริศนาธรรมว่าคนตายไปแล้ว แม้แต่เงินทองก็เอาไปไม่ได้ สอง คือ เป็นค่าจ้างให้กับสัปเหร่อ เพราะเจ้าภาพต้องวุ่นอยู่กับการต้อนรับแขก ไม่มีเวลาเอามาให้สัปเหร่อโดยตรง เลยเอาเงินค่าจ้างใส่ปากศพไว้ให้สัปเหร่อล้วงเอาไปนั่นแหละ สาม คือ เป็นค่าจ้างสำหรับผู้นำดวงวิญญาณของคนตายไปสู่โลกของวิญญาณ
2. หมากปากผี คนโบราณจะตำหมากใส่ปากศพเพื่อเป็นปริศนาธรรมว่า นอกจากคนตายจะเอาทรัพย์สินไปไม่ได้แล้ว แม้แต่หมากที่คนโบราณชอบเคี้ยวกันทุกวัน พอตายไป ต่อให้ป้อนให้ก็ไม่สามารถเคี้ยวได้อีกต่อไปเหมือนกัน
3. อาบน้ำศพ คำว่าอาบน้ำศพของคนโบราณ คือการอาบน้ำทั้งตัวเลยครับ โดยจะต้มน้ำแล้วใส่สมุนไพรต่าง ๆ ลงไป จากนั้นรอให้น้ำอุ่นก่อนค่อยเอามาอาบน้ำให้ศพ แล้วค่อยอาบด้วยน้ำเย็นอีกครั้ง ก่อนฟอกด้วยขมิ้นชันเป็นอันเสร็จพิธี ส่วนพิธีรดน้ำที่มือศพที่หลายคนเรียกกันว่าอาบน้ำศพในสมัยนี้ต้องเรียกว่ารดน้ำศพถึงจะถูกครับ
4. ประตูป่า ก็ คือประตูที่ทำเพื่อเอาศพออกโดยเฉพาะ ซึ่งสมัยก่อนคนโบราณจะรื้อฝาบ้านแล้วเอากิ่งไม้มาปักไว้แล้วรวบเป็นซุ้ม แล้วค่อยนำศพออกจากบ้าน โดยเอาปลายเท้าศพออกก่อน เพื่อไม่ให้ศพเห็นบ้านได้ ซึ่งพอเอาศพออกไปแล้ว เค้าก็จะรื้อประตูป่าทิ้งทันที แล้วปิดฝาบ้านที่ทำแบบนี้ เพราะเชื่อว่าวิญญาณคนตายจะหาทางเข้าบ้านไม่ได้นั่นเอง (สมัยนี้ จะให้ทุบกำแพงบ้านที่เป็นปูนก็กระไรอยู่ก็มันไม่ได้ทำด้วยไม้เหมือนแต่ก่อนนี่หว่า)
5. บันไดผี นอก จากศพจะออกทางประตูไม่ได้แล้ว ยังลงบันไดเดียวกับคนเป็นไม่ได้ด้วยครับดังนั้นเมื่อเอาศพออกจากบ้านแล้ว ต้องทำบันไดชั่วคราวไว้สำหรับขนศพลง พอขนศพลงปุ๊บ ก็รื้อบันไดออกทันที ด้วยความเชื่อเดียวกันว่า จะทำให้วิญญาณกลับบ้านไม่ได้ให้ไปอยู่ในโลกของวิญญาณไม่ต้องห่วงลูกห่วงอะไรทางโลกคนเป็นอีก
6. บอกทางวิญญาณ เป็น พิธีที่ทำขณะขนศพไปวัด โดยญาติจะบอกทางกับศพไปตลอดทางว่าเลี้ยวซ้ายนะ เลี้ยวขวาแล้วนะ เพื่อให้วิญญาณตามศพไปครับ พิธีนี้ยังเห็นเค้าทำกันอยู่บ้างแถบภาคอีสานครับ
7.ซัดข้าวสาร ปัดเสนียดจัญไร สมัยโบราณตอนเอาศพออกจากบ้าน ถือว่าต้องปัดความอัปมงคลออกจากบ้านด้วยการซัดข้าวสารพร้อมคาถา เพื่อให้ความอัปมงคลจากไปพร้อมกับศพครับ
8. โปรยข้าวสารตอก ขณะ เคลื่อนศพไปวัด คนโบราณจะโปรยข้าวสารตอกเป็นปริศนาธรรมให้กับคนเป็นว่า คนเราตายแล้วไม่ฟื้น ก็เหมือนข้าวสารตอกที่โปรยลงดินแล้วไม่งอกขึ้นได้นั่นแหละ
9. จุดเทียนขี้ผึ้ง แต่ก่อนพอคนตายแล้ว ยังไม่มีอะไรมายืนยันได้ว่าตายจริงหรือเปล่าดังนั้นคนโบราณจะใช้การจุดเทียนขี้ผึ้งแล้วรอจนกว่าเทียนดับ ถ้าเทียนดับแล้วไม่ฟื้นก็แสดงว่าคนตายแน่แล้วไม่สามารถฟื้นขึ้นมาได้อีกครับ
10. หวีผมแล้วหักหวี  เดี๋ยวนี้ไม่รู้ว่ามีที่ไหนยังทำอยู่หรือเปล่านะคะ แต่ถ้าเป็นสมัยก่อนเค้าจะหวีผมให้ศพ โดยหวี 3 ครั้ง หวีไปข้างหน้าซีกหนึ่ง ข้างหลังซีกหนึ่ง สำหรับคนเป็นและตายเสร็จแล้วจะหักหวี อันนี้เป็นปริศนาธรรมอีกว่า หวีดี ๆ พอถูกหักก็ใช้การไม่ได้อีกเหมือนชีวิตคนนั่นแหละ

รายชื่อผีไทย หรือความเชื่อต่าง ๆ เกี่ยวกับผีสางของคนไทย

กระสือ  กระหัง กองกอย  กุมารทอง กุมารเทพ /กุมารพราย โขมด โขมดป่า/โขมดดง ควายธนู

นางตะเคียน นางตานี นางนาค หรือ แม่นาค พระโขนง ปอบ หรือ ปอบ เปรต เทพารักษ์ ผีกะ ผีตาโบ๋ ผีตายทั้งกลม ผีตายห่า (ผีต๋ายหลุ้ต๊อง) ผีตายโหง ผีต้นโพธิ์ ผีถ้วยแก้ว ผีทะเล ผีป่า ผีเป้า ผีดิบ ผีพราย ผีไพร ผีโพง เจตภูต ผีฟ้า นางเทียม (ผู้ทรงผีฟ้า) ผีหัวขาด ผีมเหสักข์ ผีอำ ผีบ้านผีเรือน ชาวไทยใหญ่เรียกว่า ผีล่ำ ไทยอีสานเรียกว่า ผีด้ำ มอญเรียก อาล้กฮอย ผีทะเล พระภูมิเจ้าที่

ผีแถน (ผีด้ำใหญ่) แม่ย่านาง ผีนางรำ ผีม้าบ้อง (ปอบม้า) ผีแม่หม้าย รากษส (ปู่โสมเฝ้าทรัพย์)

ผีบังบด ผีกละยักษ์ ศิพชวน ผีปู่แสะย่าแสะ ผีมดผีเม็ง ผีนางน้อย ปู่เจ้าสมิงพราย นางกวัก รักยม

ลูกกรอก หุ่นพยนต์ เจ้าป่าเจ้าเขา (พระพนัสบดี) ยายกะลาตากะลี(นายป่าช้า) ผีโป๊กกะโหล้ง สมิง ลนกออก ผีจะกละ(ผีแมว) ผีก้อนเสาเตาไฟ (ผีปู่ดำย่าดำ) ผีย่าหม้อหนึ้ง ผีหลังกลวง ผีนางโอกระแชง (ผีแชง) มัสสี ซาเราะกาเวา มโนมัย ผีหัวหลวง ผีชิน ผีแม่บันได ผีโต๊ะเคร็ง แม่ธรณีประตู ผีกะล่อมข้าว แม่โพสพ (ชาวกะเหรี่ยงเรียก ผีบื้อโย) ผีลานนวดข้าว ผีฟองฝ้าย แม่ซื้อ พระกาฬไชศรี เจ้าเจตคุปต์ เจ้าพ่อหอกลอง พ่อปู่เขียว ผีหม้อยาย ผียายตะกร้า ผียายชาม ผียายกระบอก ผีพนัน (ทวาบร) อีกาปากเหล็ก หนอนนรกปากเหล็ก ปีศาจดอกบัวไฟ นิรยอสุรกาย ภัสมาสูร วฤคกะ อิลวละ และ วาตาปิ ผีจอมปลวก ผีโป่งดิน (ผีค่างดิน) ผีโป่งน้ำ (ผีค่างน้ำ) ผีขุนน้ำ กาสา (กาสัก) ม้าอสูรกัณฐกะ  ม้าเทวกันทัต ผีพุ่งไต้ (ผีปุ้งส้าว) ผีตามอย พระขวัญ ผีเจ้านาย (พวกผีร่างทรง) พ่อแก่ฤๅษีผีครู (ตฺริกาลชฺญ) ผีตาโขน เกียรติมุข ผีนา (ผีตาแฮก) ผีเจ้าท่า ผีตาโม่ง (ผีลูกไฟ) ผีขึงขื่อ เทวา ยักขา ซอคะยี เขมะ ผีป่วง ผีดาดา พรายงู ผีแปดเต้า ผีตายพราย ผีค้างพอน ผีชะแคร่ ผีโผงดง ผีสองสาว ผีฉมบ ผีหิ้งผีโรง ผีไก่น้อย (ผีลูกไก่เรืองแสง) ผีอี่ค้อยผียำ นกอะจ๊ะเหลเหล  ผีแม่มาย ผีตะแหลง (ผีแปลงร่าง) ไม้ผีลักซ้อน แมงหมานีผีบอก ผีอี่ฮุง (ผีสายรุ้ง) ผีอี่เงือก ผีย้ายสมบัติ ผีขี้เหล็กไหล ผีไม้น้ำหลุน้ำไหล ผีเครือ เบื้อ ผีประกำ ผีเปรตยักษ์

แมงสี่หูห้าตา เงือกงู ผีด้งหรือผีนางด้ง ผีเพลีย ท้าวธตรฐ (ผีอ้ายลก ล้านนา.) ท้าววิรุฬหก (ผีอ้ายคำเหลือง ล้านนา.)ผีห่าตึงมวล (ผีทางไศยศาสตร์ จากหนังเรือง บ่วง ช่อง 3)ท้าววิรูปักข์ (ผีอ้ายหน้าผากช้ำ ล้านนา) ท้าวกุเวร (เวสุวัณ) (ผีอ้ายม่วง ล้านนา) ผีกินหัว

การตาย ว่าการห้ามเผาศพในวันศุกร์นั้น  เป็นสิ่งที่ฝรั่งเรียกว่า sympathetic magic คือ สิ่งใดมีลักษณะคล้ายคลึงกัน สิ่งนั้นก็เป็นผลเหมือนกัน วันศุกร์ชื่อก็บอกว่า  สุข  ถึงจะมีคำแปลต่างกัน แต่เสียงเหมือนกันก็ขึ้นชื่อว่า  สุขอยู่นั่นเอง  ถือกันว่าเป็นวันดี

การเผาผีถือเป็นเรื่องไม่เป็นมงคล ถ้าเผาในวันศุกร์ ก็อาจจะถูกลากให้ความสุขได้รับอิทธิพลของความไม่เป็นมงคล ทำให้กลายเป็นทุกข์ไปได้ บางทีก็เชื่อกันว่า เผาผีวันศุกร์ให้ทุกข์แก่ญาติ แต่ก่อนถือกันว่า  ห้ามเผาศพในวันคู่ข้างขึ้น  วันคี่ข้างแรมเป็นอัปมงคล เรียกว่า ผีเผาคน ต้องเผาวันคี่ข้างขึ้น วันคู่ข้างแรม  เรียกว่า  คนเผาผี เพราะแรม  ๑  ค่ำ  เท่ากับวันที่  ๑๖  ของเดือนกลายเป็นวันคู่ไป  ส่วนวันแรม ๒ ค่ำ เท่ากับวันที่  ๑๗  ของเดือนกลายเป็นวันคี่ไป เพราะฉะนั้นการเผาวันคู่ในข้างแรมจึงเท่ากับเป็นวันคี่เหมือนกัน ที่ให้เผาวันคี่ อธิบายในเชิงปริศนาธรรมได้ว่าความตายเป็นของเฉพาะตัว  จะเอาไปให้คนอื่นตายแทนไม่ได้  วันเผาจึงต้องเป็นวันคี่

นอกจากนี้ยังห้ามเผาศพในวันพฤหัสบดีและวันพระอีกด้วย  เพราะวันพฤหัสบดีถือว่าเป็นวันครู  ไม่ควรให้อัปมงคลเข้ามาเกลือกกลั้วในวันนั้น  สำหรับการเผาศพในวันพระอาจทำให้สัตว์ที่อาศัยอยู่กับศพหรือที่หีบศพพลอยเสียชีวิตไปด้วย ถ้าใครตาย  วันเสาร์ ห้ามเผาในวันอังคาร เพราะถือว่าเป็นวันกล้าในคติโหราศาสตร์ ถ้าเผาวันนั้นผีจะดุ การห้ามเผาวันคู่ในข้างขึ้น เผาวันคี่  ในข้างแรม ในระยะ ๗ วัน วันแรกเป็นแรม ๑ ค่ำ เป็นวันจันทร์  ก็จะเผาได้แต่วันอังคาร วันพฤหัสบดี วันศุกร์ และวันอาทิตย์ ถ้าวันศุกร์และวันพฤหัสบดีห้ามเผาด้วย  ก็เหลือแต่วันอังคาร  และวันเสาร์  ที่เผาผีได้  ถ้าเผอิญศพนั้นตายวันเสาร์ ก็ต้องตัดวันอังคาร  ออกวันหนึ่ง เหลือแต่วันอาทิตย์เพียงวันเดียวใน  ๗  วัน

แต่ในสมัยนี้ไม่ค่อยเคร่งครัดเหมือนแต่ก่อน เท่าที่ถือกันอยู่  คือห้ามเผาผีวันศุกร์ ในกรุงเทพฯ นั้น  วัดดัง ๆ ส่วนมากเมรุไม่ค่อยว่าง  ต้องจองคิวกันนาน  จึงอนุโลมเผากันทุกวัน  วันละหลาย ๆ  รอบด้วยซ้ำ


หมายเลขบันทึก: 535860เขียนเมื่อ 14 พฤษภาคม 2013 07:02 น. ()แก้ไขเมื่อ 14 พฤษภาคม 2013 07:02 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (4)

ผีหลากหลายได้เรียนรู้การเผาผี 

คนดีๆเมื่อดีกันไม่ได้ ให้อภัยไม่เป็น ก็ไม่ไปเผาผีกัน

ขอบคุณที่นำมาแบ่งปันค่ะคุณหมอ

เป็นปรินาธรรมที่ดี  ไ้ด้ความรู้เพิ่ม  นำไปเป็นสื่อการเรียนได้  ขอบคุณมากๆ

สัปเหร่อ..ใน..ธรรมชาติ..ก็หายไป เช่นกัน..อีแร้ง...(สวัสดีค่ะ..ยายธี)

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท