จิตตปัญญาศึกษาเพื่อพัฒนาปัญญาภายใน


จิตตปัญญาศึกษา คือ การใช้ธาตุรู้ เชื่อมโยงจิตสำนึกและจิตใต้สำนึก

    แรงบันดาลใจที่เขียนเรื่องนี้ มาจากการได้ไปอ่านคำอธิบาย เรื่อง จิตตปัญญา จาก อ.สุมน อมรวิวัฒน์ ที่ว่า  "จิตตปัญญา เป็นกระบวนการเรียนรู้มีโครงสร้างแบบเกลียวพลวัต  มีธาตุรู้ที่สามารถเชื่อมโยงจิตสำนึกและจิตใต้สำนึกจนเกิดปัญญาและความรู้ใหม่

      ตำอธิบายตรงนี้   มาตรงใจในสิ่งที่ผมกำลังเรียนรู้   มีอยู่  ๔   คำครับ  ที่เป็นคีย์เวิร์ดให้ติดตามต่อไป คือ

        ธาตุรู้     เชื่อมโยง    จิตสำนึก    และ   จิตใต้สำนึก    ผมจึงไปหาความรู้มาเพิ่มเติม  ได้ดังนี้ครับ

        ธาตุรู้   คือ    การว่างจากความคิดเป็นสมาธิเบื้องต้นๆ การว่างจากความคิดจะมีความรู้ตัวอยู่สูง ธาตุรู้จะเริ่มทำงาน "  ธาตุรู้  จึงคิดเอาเองไม่ได้  ต้องมาจากการว่างความคิด ธาตุรู้จะทำงาน

       จิตสำนึก   เป็นความคิด   มาจากสมอง

       จิตใต้สำนึก    เป็นความรู้สึก   มาจากหัวใจ


     ทีนี้   มาว่าถึงเรื่องการ  "เชื่อมโยง"    

       เราจะเชื่อมโยง  จิตสำนึก   และ  จิตใต้สำนึก   เข้าหากันได้อย่างไร

 

      นักวิชาการด้านจิตตปัญญาศึกษาได้กล่าวถึงการเชื่อมโยงเอาไว้ว่า

 

      •อัลฟ่าเวฟ    เป็นคลื่นสมองที่เริ่มช้าลงมา มีความถี่อยู่ในช่วงประมาณ 7-13
Hzเป็นคลื่นสมองที่จะปรากฏบ่อยในเด็กที่มีความสุขกำลังฝันกลางวัน (Daydream)ในผู้ใหญ่จะพบคลื่นชนิดนี้ได้ในผู้ที่ฝึกฝนตัวเองให้สงบนิ่งมากขึ้นอัลฟ่าเวฟเป็น "ประตู"ระหว่างจิตสำนึกและจิตใต้สำนึก
คนส่วนใหญ่จะขาดคลื่นชนิดนี้

ส่วนหนึ่งของ"จิตตปัญญาศึกษา" จะเน้นการสร้างคลื่นอัลฟ่าเพื่อให้เกิด"สะพาน" หรือ "ประตู" ที่เชื่อมต่อลงไปสู่ "จิตใต้สำนึก"หรืออาจจะไปได้ถึง "จิตไร้สำนึก" ที่แสดงให้เห็นโดยลักษณะคล้ายคลื่นสมองที่
"ช้าลงกว่าเดิม" ไปอีกเป็นคลื่นแบบเธต้าและเดลต้า

       การเชื่อมโยง  ใช้  "ความคิด"   เชื่อมโยง   คงไม่ใช่   

       ต้องใช้  "ธาตุรู้"   เชื่อมโยงไปที่  "ใจ"   เชื่อมโยงไปที่  "ความรู้สึก"

     จิตตปัญญาศึกษา   จึงเป็นการศึกษาที่ภายใน  ศึกษาที่ใจ   ศึกษาที่ความรู้สึก

     เริ่มต้นด้วยการเข้าใจและยอมรับ "ความรู้สึก" ของตัวเองแต่ละขณะ  ว่ามีความรู้สึกอย่างไร

     ลงลึกไปจากความรู้สึก  คือ  ความต้องการ   ความรู้สึกที่เกิดขึ้น มาจากความต้องการอะไร

    ลึกไปกว่าความต้องการ ก็คือ  "ใจ"   หรือคือ "ตัวตนของเราเอง"

    เมื่อพบความรู้สึก   ความต้องการ    พบ  ใจ

    ก็จะพบ  "ปัญญาภายใน"   ของตัวเอง

        สำหรับกระบวนการ ที่จะเอื้ออำนวยและช่วยเหลือ ให้  "ลูก   ลูกศิษย์   เพื่อน   คนใกล้ตัว"  ได้ค้นพบกับปัญญาภายในของตัวเอง มีหลายวิธี   แต่วิธีหนึ่ง   ที่ทำได้ง่ายๆ ไม่ซับซ้อน  และ ไม่ต้องลงทุนอะไรมาก   คือ   "การฟัง"   แต่ไม่ใช่เป็นการฟังตามปกติในชีวิตประจำวัน   แต่เป็น  "การฟังอย่างลึกซึ้ง" (Deep  listening)    คือ  ฟังอย่างเป็นกระจกเงา  ฟังทั้งข้อมูล  ความรู็สึก  และ  ความต้องการ   ฟังแล้วสามารถสะท้อนตัวตนของเขาได้  เพื่อให้เขาสามารถเห็นตัวตนของเขาได้

     เมื่อเขาเห็นตัวตนของเขาได้  เขาก็เห็น "ปัญญาภายใน"  ของตัวเขาเอง

 

คำสำคัญ (Tags): #จิตตปัญญาศึกษา
หมายเลขบันทึก: 535177เขียนเมื่อ 8 พฤษภาคม 2013 13:19 น. ()แก้ไขเมื่อ 9 พฤษภาคม 2013 14:24 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (4)

เป็นเรื่องสำคัญมากเลยครับ การฟังอย่างลึกซึ้ง

ปกติคนเป็นครูชอบสอนมากกว่าฟังครับ....

สวัสดีครับ อาจารย์ขจิต

     เรื่องของการฟังนี่ ผมว่าเป็นหัวใจของจิตตปัญญาศึกษาเลยนะครับ

      จำได้ว่าเคยพาอาจารย์ไปเยี่ยมการจัดค่ายที่หนึ่ง  คุณครูก็ดุเด็กว่า  ให้ฟังครู    อาจารย์บอกว่า  ก็คุณครูเองก็ไม่ฟังเด็ก

      ครู ชอบสอน มากกว่าชอบฟังครับ

       ส่วนที่จะสอนหนังสือ  สอนนิสัย   ก็สอนไปนะครับ

      แต่  บางเรื่อง บางขณะ  ที่เขาต้องการให้ฟัง  ต้องฟังเขาบ้างครับ

                                ขอบคุณครับ

             

ธาตุรู้   คือ    การว่างจากความคิดเป็นสมาธิเบื้องต้นๆ

 .... การว่างจากความคิดจะมีความรู้ตัวอยู่สูง ธาตุรู้จะเริ่มทำงาน

.... " ธาตุรู้  จึงคิดเอาเองไม่ได้ "  ต้องมาจากการว่างความคิด ธาตุรู้จะทำงาน

จิตสำนึก   เป็นความคิด   มาจากสมอง

จิตใต้สำนึก    เป็นความรู้สึก   มาจากหัวใจ

การ  "เชื่อมโยง"    

       เราจะเชื่อมโยง  จิตสำนึก   และ  จิตใต้สำนึก   เข้าหากันได้อย่างไร

  • อัลฟ่าเวฟ    เป็นคลื่นสมองที่เริ่มช้าลงมา มีความถี่อยู่ในช่วงประมาณ 7-13

... ในผู้ใหญ่จะพบคลื่นชนิดนี้ได้ในผู้ที่ฝึกฝนตัวเองให้สงบนิ่งมากขึ้น

... อัลฟ่าเวฟเป็น "ประตู"ระหว่างจิตสำนึกและจิตใต้สำนึก

 

• ส่วนหนึ่งของ"จิตตปัญญาศึกษา" จะเน้นการสร้างคลื่นอัลฟ่า

เพื่อให้เกิด"สะพาน" หรือ "ประตู" ที่เชื่อมต่อลงไปสู่ "จิตใต้สำนึก"

หรืออาจจะไปได้ถึง "จิตไร้สำนึก" ที่แสดงให้เห็นโดยลักษณะคล้ายคลื่นสมองที่"ช้าลงกว่าเดิม" ไปอีก

เป็นคลื่นแบบเธต้าและเดลต้า      

... การเชื่อมโยง (ถ้า) ใช้  "ความคิด"   เชื่อมโยง   คงไม่ใช่   

    ต้องใช้  "ธาตุรู้"   เชื่อมโยงไปที่  "ใจ"   เชื่อมโยงไปที่  "ความรู้สึก"

   จิตตปัญญาศึกษา   จึงเป็นการศึกษาที่ภายใน  ศึกษาที่ใจ   ศึกษาที่ความรู้สึก

    เริ่มต้นด้วยการเข้าใจและยอมรับ "ความรู้สึก" ของตัวเองแต่ละขณะ  ว่ามีความรู้สึกอย่างไร

    ลงลึกไปจากความรู้สึก  คือ  ความต้องการ   ความรู้สึกที่เกิดขึ้น มาจากความต้องการอะไร

    ลึกไปกว่าความต้องการ ก็คือ  "ใจ"   หรือคือ "ตัวตนของเราเอง"

    เมื่อพบความรู้สึก   ความต้องการ    พบ  ใจ

    ก็จะพบ  "ปัญญาภายใน"   ของตัวเอง

.......

กำลังเรียนรู้เรื่องนี้ จากภาคปฏิบัติดนตรีบำบัดค่ะ

ซึ่งโดยหลักการ ไม่ต้องใช้สมองเข้าไปกำหนดท่าบริหาร

แต่ลองใช้เพียงนิดหนึ่ง คือใช้จิตสำนึกระลึกถึงบุคคลที่เราศรัทธาเพิ่มเข้าไประหว่างนั้น

แปลกใจที่ ท่าบริหารจะออกมา เหมือนตัวตนของบุคคลคนนั้นเลยทีเดียว ไม่เหมือนกันเลย บู๊...บุ๋น

จิตใต้สำนึก ออกแบบให้ได้...หลากหลายจริงๆ เป๊ะๆด้วยค่ะ

เลยลองนำมาใช้กับงาน กับความเป็นไปในวิถีชีวิตจริง

คือใส่เจตนาลงไปนิดหนึ่ง แล้วให้ ใจนำทาง

ข้อจำกัดคือ ถ้าใช้จิตสำนึก หรือสมองมากไป

ทุกอย่างจะสะดุด หยุดกึก ไม่เคลื่อนไหวต่อเลยค่ะ

โดยเฉพาะ...เมื่อมีการ "เชื่อมโยง" ประสานกับ...คลื่นนอกตน

จำต้องวาง...ให้ธรรมชาติ และความเป็นไปรอบข้าง เด็กๆนำทางแทน

(หัวใจล้มเหลวค่ะอิอิ)

อ่านดีจังเลยค่ะ อ่านบันทึก ต่างจากอ่านหนังสือตรงที่ มีความรู้สึกว่า มีการสื่อสารสองทาง เหมือนสนทนากัน

ขอบคุณมากนะคะ

 

คุณ  Tawandin ครับ

    เป็นประสบการณ์ใหม่ที่มีคูณค่ามากเลยครับ สำหรับผม ตรงนี้ที่ว่า  ใช้จิตสำนึกระลึกถึงบุคคลที่เราศรัทธาเพิ่มเข้าไประหว่างนั้น
แปลกใจที่ ท่าบริหารจะออกมา เหมือนตัวตนของบุคคลคนนั้นเลยทีเดียว ไม่เหมือนกันเลย บู๊...บุ๋น

จิตใต้สำนึก ออกแบบให้ได้...หลากหลายจริงๆ เป๊ะๆด้วยค่ะเลยลองนำมาใช้กับงาน กับความเป็นไปในวิถีชีวิตจริงคือใส่เจตนาลงไปนิดหนึ่ง แล้วให้ ใจนำทางข้อจำกัดคือ ถ้าใช้จิตสำนึก หรือสมองมากไปทุกอย่างจะสะดุด หยุดกึก ไม่เคลื่อนไหวต่อเลยค่ะโดยเฉพาะ...เมื่อมีการ "เชื่อมโยง" ประสานกับ...คลื่นนอกตนจำต้องวาง...ให้ธรรมชาติ และความเป็นไปรอบข้าง เด็กๆนำทางแทน

      ตรงนี้  ผมจะได้นำไปประยุกต์ใช้สำหรับกิจกรรมของผมในครั้งต่อไปครับ ในการเชื่อมโยงจิตใต้สำนึก มาสู่ จิตสำนึก

                               ขอบพระคุณเป็นอย่างสูงครับ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท