จากการอ่านบันทึกของคุณหมอวิจารณ์ พานิช เรื่อง การเรียนวิทยาศาสตร์ สำหรับคนทั่วไปที่ไม่ใช่นักวิทยาศาสตร์ ทำให้ครูนกย้อนทบทวนการสอนวิทยาศาสตร์เพื่อปรับพื้นฐานให้กับนักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 ช่วง 29-30 เมษายน และ 1-3 พฤษภาคมที่ผ่านมา โดยเด็กๆ จะได้เรียนวิชาฟิสิกส์ เคมี ชีววิทยา โลกดวงดาวและอวากาศ และวิทยาศาสตร์พื้นฐาน โดยตนเองรับผิดชอบในส่วนของเคมี ซึ่งจากการสำรวจกลุ่มผู้เรียนพบว่า ตนเองมีโอกาสได้สอนเด็กวิทย์เพียงหนึ่งกลุ่ม ที่เหลืออีก 5 กลุ่มเป็นเด็กสายศิลป์
ทุกครั้งที่สอนเด็กศิลป์ซึ่งเป็นกลุ่มที่สามารถเรียกว่า เป็นการสอนวิทยาศาสตร์สำหรับผู้ไม่เน้นวิทยาศาสตร์ Science Education for Non-Scientist. ดังนั้นเป้าหมายในการสอนจะชัดเจนว่า นำไปใช้ในชีวิตจริงได้ วิเคราะห์ข่าวสารวิทยาศาสตร์ได้ ตลอดจนส่งเสริมให้เรียนรู้ได้ตามความสนใจ จึงได้เลือกสอนโดยเน้นการปลูกฝังความคิด ทักษะและกระบวนการมากกว่าเนื้อหาความรู้ โดยกำหนดสถานการณ์ที่เป็นปัญหาในการสอนแบบมินิ Mini Problem based Leaning
วันแรกของการสอน เริมจากครูกำหนดสถานการณ์จากการสกัดสารสีม่วงจากดอกอัญชันที่ทำเป็นอินดิเคเตอร์ได้ (ความรู้เดิมนักเรียนมีอยู่แล้ว เน้นแต่ทักษะการใช้เครื่องมือ) จากนั้นนำไปทดสอบข้อสงสัยที่เกิดจากความสงสัยของนักเรียนเกี่ยวกับของเหลวในบีกเกอร์ 3 ใบซึ่งมองผิวเผินจะคล้ายกัน ทำให้นักเรียนส่วนใหญ่(ทุกห้องที่สอน) ระบุคือ ต้องการทดสอบสมบัติของเหลวใสสามชนิด A, B และ C เพื่อจะหาคำตอบว่าของเหลวใส ไม่มีสี สามชนิดเป็นสารชนิดเดียวกันหรือต่างกัน โดยเริ่มจากฝึกให้นักเรียนเขียนจุดประสงค์ในการทดลอง สมมติฐาน(คำตอบที่คาดไว้) จากนั้นทำการทดลองโดยฝึกทักษะการสังเกต (ดมกลิ่น และสังเกต) จากนั้นเสริมด้วยทักษะการเทของเหลว การใช้แท่งแก้วคน เมื่อนักเรียนได้ผลการทดลองก็ชวนกันฝึกออกแบบตารางการทดลองให้ครอบคลุมตัวแปร จากนั่นเข้าสู่ทักษะการสรุปซึ่งได้ชวนให้นักเรียนให้ความสำคัญกับผลการทดลองที่ทดลองได้ไม่ว่าเชิงบวกหรือเชิงลบ แล้วตามด้วยการสรุปความรู้ที่ค้นพบจากการทดลอง เพื่อแก้ปัญหานักเรียนไปคัดลอกเนื้อหามาใส่ในสรุปผลการทดลอง จากการสังเกตพฤติกรรมเด็กๆ พบว่า เด็กสนุกกับการเรียนรู้ บางคนเริ่มต้นทดลองแบบกลัวๆ กลายเป็นมั่นมากขึ้น และหลายคนเริ่มมีทัศนคติเชิงบวกกับวิทยาศาสตร์ และเรื่องการตั้งคำถามเพื่อให้นักเรียนเชื่อมโยงสู่ชีวิตประจำวันในด้านการปรุงอาหารที่มีอัญชันเป็นส่วนประกอบว่าสีของอาหารบ่งบอกสภาวะกรดเบสของอาหารได้
วันที่สองต้องเปลี่ยนรูปแบบกิจกรรมเพราะครูผู้สอนลืมนำดอกอัญชัน เริ่มต้นจากการตั้งคำถามว่า ของเหลวในบีกเกอร์มีลักษณะอย่างไร คำตอบของเด็กๆ ต้องบอกว่า ใช่เลยที่ครูเข้าใจว่าเด็กๆ มีการ Misconcept เรื่องสีของของเหลวประเภทน้ำ (ถามนักเรียนว่า น้ำมีสีอะไร ตอบเป็นเสียงเดียวกันว่า สีใส เลยพบกับคำถามย้อนกลับว่า ความใสเป็นสีหรือเปล่า) ทำให้นักเรียนได้ความรู้เรื่องของเหลวใส ไม่มีสี แล้วเข้าสู่กระบวนการฝึกทักษะการตั้งจุดประสงค์ สมมติฐาน การออกแบบการทดลอง การออกแบบตารางบันทึกผลการทดลอง จบด้วยการสรุปผล
สรุปการเรียนการสอนเน้นที่ฝึกทักษะกระบวนการที่จำเป็นต่อการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ตามความสนใจ และปลูกฝังแนวคิดว่า ทุกๆปัญหามีคำตอบหาเราสนใจจะแสวงหาคำตอบหรือข้อเท็จจริง นอกจากนี้ฝึกทักษะด้านการตั้งคำถามของครูเพื่อกระตุ้นให้นักเรียนก้าวไปอย่างเป็นระบบ และฝึกอดทนที่จะต้องรอหรือวางกรอบความคิดให้กับเด็กๆ
สำหรับนักเรียนระดับมัธยมศึกษาตอนปลายที่ไม่เน้นวิทยาศาสตร์ ในความคิดเห็นของตนเองก็สอดคล้องกับบทความและแนวคิดที่ได้อ่านจากบล็อกของคุณหมอวิจารณ์ พานิชคือ เรียนรู้เพื่อนำไปใช้ชีวิตให้เท่ากันกับเหตุการณ์ หรือสถานการณ์ในชีวิตประจำ รู้จักเลือกใช้เลือกบริโภคอย่างมีเหตุผล และอาจจะมีความสนใจด้านวิทยาศาสตร์ในระยะยาวเพราะวิทยาศาสตร์ไม่ใช่เรื่องไกลตัว
นอกจากนี้ในวันสุดท้ายของการสอนได้มีคำถามจากเด็กผู้ชายคนหนึ่งที่เรียนศิลป์จีน "ครูครับ ครูไปสอนเด็กศิลป์บ้างสิครับ"
ครูคงต้องบอกว่าคำถามของหนูเป็นสิ่งที่อยู่ในใจครูมาตั้งนานแล้ว อยากมีโอกาสไปสอนเคมีให้กับเด็กศิลป์เพราะครูจะได้มีอิสระกับเนื้อหาที่ไม่ต้องสอดคล้องกับการมุ่งเข้าสู่มหาวิทยาลัย เนื้อหาจะต้องมาจากข่าว หรือเหตุการณ์รอบๆ ตัว เช่น จัดบทเรียนเกี่ยวกับกลูธาไทโอน คลื่นสัญญาณแม่เหล็กไฟฟ้ากับสุขภาพ หรือเวชสำอางค์ที่โด่งดังในยุคนั้นๆ ซึ่งคงจะสนุกและมีความสุขทั้งผู้เรียนและผู้สอน
น่าสนใจมากเลยค่ะ คุณครู
สวัสดีค่ะ คุณครูวาด 21st of PKRU
สวัสดีค่ะ
แวะมาชมบันทึกนี้ค่ะ
ขอมาเรียนรู้ด้วยคนนะคะ
ขอบคุณสำหรับบันทึกนี้ค่ะ^^
สวัสดีค่ะ หนูใบเฟิร์น
เรียนรู้จาก การตั้งคำถาม
นำสู่บทเรียนผ่านคำถาม -โจทย์ เป็นการปลุกเร้าที่ดีครับ...
สวัสดีค่ะ อาจารย์แผ่นดิน
ดีใจที่มาเยือนทางอักษรค่ะ.....เรียนแบบนี้เป็นอะไรที่ครูเองก็สนุกค่ะ
เป็นครูสอนศิลป์คือวิทย์ที่ไม่เน้นวิทย์ค่ะ