เจ้าวัวผอม


เรื่องนี้เกิดขึ้นกว่า 3000 ปีมาแล้ว มีชาวนายากจนคนหนึ่งชื่อ อเดอร์ อาศัยอยู่ในหมู่บ้านเล็กๆ นอกเมืองเยรูซาเล็ม ออกไปประมาณ 50 ไมล์ เขาอาศัยอยู่กับภรรยาและลูกๆ อีกสามคน พวกเขาช่วยกันทำไร่จากที่ดินผืนเล็กๆ ที่เขามี ทุกคนทำงานกันหนักแต่ชีวิตก็สุดแสนจะยากลำบาก

เพื่อนบ้านแถบนั้นก็ยากจนพอกัน ถึงแม้เขาจะชอบในอัธยาศัยของอเดอร์ แต่มีสิ่งหนึ่งที่ทำให้พวกเขาอิจฉาอเดอร์เสมอมา อเดอร์มีในสิ่งที่พวกเขาไม่มี นั่นก็คือ วัวตัวหนึ่ง วัวตัวนี้ไม่ใช่วัวตัวอ้วนพีที่เราเห็นกันอยู่ทั่วไป แต่เป็นวัวแก่ ผอมโซ และดูเหมือนจะขี้โรคอีกด้วย แต่ทว่าวัวตัวนี้ยังคงให้นมกับเขาสองสามครั้งต่อสัปดาห์ ทำให้เขาสามารถนำนมวัวไปแลกกับอาหารชนิดอื่นที่พอจะนำมาประทังความหิวของทั้งห้าชีวิตได้บ้าง ดังนั้นเขาจึงรู้สึกซาบซึ้งในบุญคุณของวัวตัวนี้มากมาย จนกลายมาเป็นความภูมิใจในชีวิตของชาวนาอย่างเขา เขาไม่เคยคิดจะฆ่ามันเป็นอาหารแต่อย่างใดแม้ว่าเนื้อวัวจะช่วยให้ครอบครัวมีกินไปหลายวันก็ตาม

วันหนึ่งมีผู้นำทางจิตวิญญาณผู้เป็นที่เคารพนับถือของคนทั่วไป ชื่อ บาอัล เชม ทอฟ พร้อมกล่มผู้ติดตาม เดินทางผ่านมายังหมู่บ้านของอเดอร์ ถึงจะเป็นชาวนาธรรมดา อเดอร์ก็เคร่งครัดในศาสนา เขารู้สึกตื่นเต้นไปกับข่าวที่ปรมาจารย์ที่เขาเคารพมาอยู่ในหมู่บ้าน และที่เขายิ่งประทับใจมากไปกว่านั้นคือ ขณะนั้นกลุ่มอาจารย์สอนศาสนาได้เดินมาหยุดหน้ากระท่อมหลังเล็กของเขา อเดอร์เปลี่ยนจากดีใจเป็นตกใจเมื่อ บาอัล เชม ทอฟ ออกปากขอพักที่บ้านเขาในคืนนั้น 

จากอาการตกใจ เขาก็เริ่มรู้สึกภูมิใจที่บ้านเขาถูกเลือกให้เป็นที่พักอาศัยของผู้ยิ่งใหญ่ แต่จากนั้นไม่นานความภาคภูมิก็ถูกแทนที่ด้วยความรู้สึกอับอายที่เขาไม่มีสิ่งที่ดีกว่านี้มอบให้แขกผู้มาเยือน บาอัล เชม ทอฟ เดินเข้าไปในกระท่อมของเขาอย่างไม่ถือตัวเป็นการยืนยันความตั้งใจจริงที่จะพัก เมื่ออเดอร์กล่าวต้อนรับสลับกับคำขอโทษที่ไม่มีที่อยู่ที่ดีกว่านี้เตรียมรับแขก

เมื่อทุกคนนั่งอยู่ในกระท่อม บาอัล เชม ทอฟ เอ่ยปากขอให้อเดอร์ เตรียมอาหารค่ำให้เขาและผู้ติดตามอีกแปดคน อเดอร์กับภรรยาจึงแยกออกมาปรึกษาหารือกันนอกบ้าน ขณะที่อาคันตุกะนั่งคุยกันอยู่ภายใน อเดอร์มองไม่เห็นทางออกอื่นใดนอกจากการฆ่าวัวตัวผอมนั้นเพื่อเป็นอาหาร ทั้งเขาและภรรยาต่างรู้สึกเสียดายวัวตัวนี้มากมายนัก ภรรยาเขาเอ่ยปากเตือนว่าหากไม่มีวัวตัวนี้ เขาก็จะไม่มีนมวัวไปแลกสิ่งอื่นใดอีกในอนาคต ครอบครัวอาจแย่มากไปกว่านี้ แต่ก็ต้องจำใจยอมเพราะเขาแทบไม่มีอาหารใดพอจะทำให้แขกได้กินเลย

อเดอร์ตัดสินใจฆ่าวัวตัวนั้นแล้วทำอาหารเลี้ยงแขก เขาบอกกับตัวเองว่าอย่างน้อยเนื้อวัวที่เหลือจากการเลี้ยงแขกก็จะสามารถเลี้ยงครอบครัวได้อีกสองสามวัน แต่เมื่ออาหารถูกนำออกไป ภายในสองชั่วโมง บาอัล เชม ทอฟ และผู้ติดตามต่างกินอาหารนั้นจนหมด แทบไม่เหลืออะไรไว้ให้เขาและครอบครัวอีกเลย อเดอร์นั่งมอง บาอัล เชม ทอฟ กินอาหารด้วยความตกตะลึงเพราะผู้ยิ่งใหญ่กินอาหารประมาณ 4-5 เท่าของคนอื่นในคืนนั้น 

ทว่า บาอัล เชม ทอฟ ยังสร้างความระหลาดใจให้กับอเดอร์ได้อีกครั้ง หลังจากอาหารค่ำมื้อใหญ่เขาลุกขึ้นยืนและบอกกับทุกคนว่าเขาเปลี่ยนใจที่จะหยุดพักที่บ้านของอเดอร์ เขาอยากออกเดินทางต่อในคืนนั้นเลย แล้วทุกคนก็จากไปเหลือเพียงความเงียบของกลางคืนที่ย่างกราย

..



..

อเดอร์รู้สึกจับต้นชนปลายไม่ถูก กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วกับความรู้สึกที่หลากหลาย ด้วยความสับสนเขาบอกภรรยาว่าอยากออกไปเดินสงบจิตใจสักพัก เขาเดินคิดไปเรื่อยเปื่อยว่าจะทำอย่างไรต่อไปเมื่อไม่มีวัวของครอบครัวตัวนั้นอีกแล้ว เขาเดินมาจนถึงชายป่าของหมู่บ้าน เขาได้ยินเสียงร้องขอความช่วยเหลือของใครคนหนึ่งอยู่ เขาจึงเดินเข้าไปหาเพื่อถามไถ่พอรู้ว่าชายคนนั้นเดินตกหลุมจนขาข้างหนึ่งหักและเดินไม่ได้ อเดอร์จึงช่วยชายคนนั้นเพราะเขาไม่อาจปล่อยให้คนเจ็บนอนอยู่ในป่าเช่นนี้ อเดอร์ไปหาน้ำให้ชายคนเจ็บดื่ม 

หลังจากดื่มน้ำดับกระหาย ชายคนแปลกหน้าทั้งสองจึงเริ่มแลกเปลี่ยนบทสนทนากัน อเดอร์เพิ่งรู้ว่าชายคนเจ็บนั้นคือ มอดีชาย ซึ่งเป็นเศรษฐีใหญ่ในเมือง เขาเคยได้ยินกิตติศัพท์ที่ล่ำลือมาว่าชายผู้นี้ร่ำรวยมหาศาล มีบ้านใหญ่โตเหมือนวัง เขาถามชายคนแปลกหน้าว่าเขามีชีวิตเลิศหรูอย่างที่เขาได้ยินมาหรือเปล่า มอดีชาย บอกว่า ถูกต้องที่เขามีทรัพย์สินมากมาย อเดอร์กล่าวอย่างชื่นชมว่า มอดีชาย ช่างเป็นผู้โชคดีที่สุดในโลก 

มอดีชาย กลับกล่าวอย่างเศร้าๆ ว่า ไม่จริงหรอก ถึงแม้เขาจะมีทรัพย์สินมากมาย แต่เขาไม่ใช้ผู้โชคดีอย่างที่คิด ทุกคนในครอบครัวสนใจแต่ทรัพย์สินที่เขามี ไม่มีใครสนใจตัวตนของเขาหรอก หากเขาตายลงเมื่อใด ทุกคนจะยิ่งดีใจที่จะได้ครอบครองสมบัติของเขา จริงๆ แล้วคืนนี้พวกเขาคงดีใจที่ไม่เห็นเขากลับบ้าน เพราะติดอยู่ในป่าและตายอยู่ที่นี่

อเดอร์รู้สึกสงสาร มอดีชาย จับใจ เพราะเมื่อนึกถึงภรรยาและลูกๆ ถึงแม้เขาจะไม่มีทรัพย์สมบัติใด และยิ่งไปกว่านั้นเมื่อไม่มีวัวตัวนั้นอีกต่อไป แต่ที่ผ่านมาเขาก็ยังมีกันและกัน พวกเขารักและดูแลกันเสมอมา เขาไม่อาจจินตนาการชีวิตครอบครัวที่ไม่มีใครใส่ใจกันเช่นนี้

อเดอร์ตัดสินใจช่วย มอดีชาย ด้วยการช่วยทำเฝือกชั่วคราวที่ขาที่หักโดยใช้เสื้อของเขาเองผูกขาไว้กับไม้ที่หาได้ในแถบนั้น แล้วช่วยพาเศรษฐีขาหักขี่หลังไปยังบ้านคนรู้จักที่อยู่ชายป่าเพื่อยืมลาและเกวียนนำเศรษฐีไปส่งบ้านคนรู้จักของเศรษฐีซึ่งอยู่ไกลออกไปกว่า 10 ไมล์ 

เศรษฐีรู้สึกซึ้งใจกับการช่วยเหลือคนแปลกหน้าโดยไม่หวังผลตอบแทนใดๆ ของอเดอร์ ท่ามกลางผู้คนที่คอยแต่จ้องจะครอบครองทรัพย์สินของเขา อเดอร์ช่างต่างกันลิบลับ เขาจะไม่ลืมชายคนนี้ มอดีชาย บอกกับตนเองหลังจากกับอเดอร์

สามปีผ่านไป บาอัล เชม ทอฟ เดินแสวงบุญผ่านมาที่หมู่บ้านของอเดอร์อีกครั้ง ผู้ติดตามของเขามากขึ้นกว่าเดิม และเมื่อคณะของบาอัล เชม ทอฟ เดินเข้ามาตามทางเดินในหมู่บ้าน ก็มีรถม้าคันหรูซึ่งไม่น่าจะมาอยู่ในหมู่บ้านที่ยากจนนี้ มาจอดอยู่ตรงหน้า คนที่เดินลงมาจากรถม้าเพื่อมาทำความเคารพ บาอัล เชม ทอฟ ไม่ใช่ใครอื่นนอกจาก อเดอร์และภรรยาของเขา

ผู้ติดตามของ บาอัล เชม ทอฟ ต่างตกตะลึงในสิ่งที่เขาเห็น อเดอร์กลายเป็นผู้ร่ำรวยเพราะได้รับมรดกตกทอดจาก มอดีชาย ชายแปลกหน้าที่เขาเคยช่วยเหลือไว้ 

เมื่อคณะของ บาอัล เชม ทอฟแยกจากอเดอร์ ผู้ติดตามคนหนึ่งของ บาอัล เชม ทอฟ ถามอาจารย์ของเขาว่า ทำไมคืนนั้น บาอัล เชม ทอฟ จึงทานเนื้อมากมายนัก เพราะปกติบาอัล เชม ทอฟแทบไม่ทานเนื้อเลย ยิ่งเขาก็รู้ว่าครอบครัวนั้นยากจนจนแทบไม่มีอะไรจะกิน และอีกอย่าง บาอัล เชม ทอฟ จะไม่กลับคำพูด แต่คืนนั้นเขาปฏิบัติกับครอบครัวนั้นแปลกไปมาก 

"พวกเขาไม่ได้ยากจนหรอก" บาอัล เชม ทอฟ กล่าว "จริงๆ แล้ว พวกเขาร่ำรวย สิ่งเดียวที่ขวางโชคลาภของเขาไว้คือวัวผอมตัวนั้น ข้าพเจ้าจึงต้องกินมันให้หมด"

...

..

.


วัวตัวผอมขี้โรคตัวนั้นคือความหวังทั้งหมดทั้งมวลของอเดอร์ เขากลัวที่จะเสียมันไป เพราะเขาคิดว่าเขาต้องมีวัวตัวนั้นเพื่อความอยู่รอดของครอบครัว แต่เมื่อเขาปล่อยมันไป เขาสามารถเดินไปข้างหน้าได้ 

ชีวิตของเราทุกคนต่างมีวัวผอมขี้โรคตัวนั้นอยู่ 

ในด้านการเงินและการลงทุน วัวแก่ตัวนั้นอาจหมายถึง เงินเก็บน้อยนิดที่มี โดยไม่นำมาใช้ลงทุนใด อาจเป็นหุ้นหรือการลงทุนที่ได้ผลตอบแทนน้อย หรือแทบไม่มีเลย แต่เราก็ยังเก็บมันไว้ เพราะอาจเป็นหุ้นตัวแรกที่ซื้อ เป็นหุ้นที่เคยทำเงินให้มาก่อน หุ้นที่ได้รับเป็นมรดกตกทอด เป็นต้น

ในชีวิตส่วนตัว มันอาจเป็นความผูกพันทางใจที่ไม่อาจตัดออกไปได้ ทำให้เราไม่อาจก้าวออกไปสู่โลกของความเป็นจริงได้เลย มันอาจเป็นความกลัวที่ขวางกั้นโอกาสใหม่ต่างๆ ในชีวิต

ในชีวิตการทำงาน มันอาจเป็นตำแหน่งหน้าที่ที่เราคิดว่า มันจำเป็นและได้มาด้วยความยากลำบาก แต่เราหารู้ไม่ว่า การปล่อยวาง ยศตำแหน่งที่มีลงนั้นเสียอีก ที่ยากยิ่งกว่า

แล้วคุณละคะ วัวตัวผอมขี้โรคในชีวิตคุณคืออะไร แล้วคุณจะปล่อยมันออกไปจากชีวิตคุณได้เมื่อไหร่ และอย่างไร

.

.

เรียบเรียงจาก The skinny cow; The 7 SECRETS of the Money Masters โดย Robert Shemin and Peter Hirsch

สุขสันต์วันที่ยังมีวัวผอมในใจค่ะ


Follow your heart - Karunesh


หมายเลขบันทึก: 533980เขียนเมื่อ 26 เมษายน 2013 15:14 น. ()แก้ไขเมื่อ 26 เมษายน 2013 15:14 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (55)

ขอบคุณเรื่องราวดีๆครับคุณปริม

วัวตัวผอมขี้โรคในชีวิต น่าจะมีหลายตัว และได้ปล่อยออกไปจากชีวิตได้บ้างแล้วเป็นบางตัวและบางเวลา...

ขอบคุณเรื่องเล่าดีๆ ที่ทำให้รู้ว่า ทำดีได้ดี เพราะทำโดยไม่หวังผลตอบแทนค่ะ คุณหมอ

สวัสดีค่ะคุณพิชัย

แค่เรารู้ว่าเรามีวัวผอมอยู่ ก็เป็นการระลึกรู้ที่ดีมากนะคะ ให้เวลากับการปล่อยไปทีละน้อยๆ ค่ะ

มีความสุขในค่ำวันศุกร์นะคะ

ศุกร์สวัสดิ์ค่ะคุณ tuknarak,

ทำดีได้ดี อีกหนึ่งมุมมองของเรื่องเล่าดีดีนี้นะคะ 

ขอบคุณมากค่ะที่มาทักทายกัน

ปล. อยากบอกจังว่าปริมไม่มีวาสนาเป็นคุณหมอหรอกค่ะ เป็นได้แค่เพื่อนคนหนึ่งของคุณ tuknarak เอง.. อิอิอิอิ..

-สวัสดีครับ

-ตามมาอ่านบันทึกดีๆนี้ครับ

-ชอบจังกับ"เจ้าวัวผอม"

-มีสับปะรดพันธ์ุใหม่มาฝากครับ


การยึดมั่นถือมั่น...

เมื่อปลดปล่อยไปได้... ใจก็สบาย

แต่กว่าใจจะสบายได้ กิเลสก็ตามหลอนอยู่นาน

...

ขอบคุณคุณปริมมากนะครับ

วัวผอมของผมมี 5 ตัวครับ ที่ปล่อยยากมาก = ยึดแน่นมากหลาย

วัวชื่อ "อุปทาน ขันธ์ทั้ง 5"  

สงสารวัวตัวผอมนะคะ มันขวางโชคลาภจริงหรือ  ชื่นชมอเดอร์ที่เป็นคนดี มีน้ำใจ ฯ จนตัวเองได้รับผลดี วัวตัวผอมพี่ดาจะมีไหมนะ ขอเวลาคิดก่อนค่ะ ขอบคุณมากนะคะ

เข้ามาได้อ่านบันทึกดีๆ ขอบคุณค่ะ

อ่านจบก็พบว่ายังเก็บวัวผอมไว้หลายตัว

และเวลาที่ผ่านมาสามารถปล่อยวัวผอมบางตัวได้อย่างน่าทึ่ง

ขอบคุณมากค่ะคุณปริม

เป็นบันทึกยาวที่อ่านไม่เบื่อเลย

เป็นนิทานสอนใจที่ดี...ขอบคุณมากค่ะ

มีวัวผอมให้เลี้ยงต่อไปค่ะ ยากจัง 

กำลังสำรวจวัวผอมที่ยังมีอยู่  และ วัวผอมที่ปล่อยออกไป

อ่านบันทึกนี้จบ เลยได้วาด 'วัวผอม' เข้าไปอีกตัว
รูปนี้วาดสรุปจากหนังสือเล่มนี้คะ
ใจความของหนังสือ กล่าวถึง วิถีดำเนินชีวิต
ณ จุดเริ่มต้น ( เปรียบดังคนวัย 20's) เรียนรู้สิ่งต่างๆ ลองทำงานโน่น นี่ นั่น = ช่วง learning
เวลาต่อมา เราก็รุ้ว่า เราไม่สามารถทำทุกๆ อย่าง ต้องตัดทอนเลือก  = ช่วง editing
หากเราเลือกได้เหมาะสม เราทำได้ดี ทำแล้วมีความสุข ก็จะสามารถพัฒนางานให้สุดยอด = mastering
และนี่คือทางแยกระหว่าง 'awesome path' กับ 'average path' 
ดูเหมือน 'วัวผอม' ในเรื่องที่คุณปริมเล่า กำลังดึง อเดอร์ ไป 'average path' 
...เพราะมันไม่ชอบเดินขึ้นทางชัน และแคบ


ขอบคุณเนื้อหาดีๆ จากคุณปริม 'หมอผู้เยียวยาจิตวิญญาณ' คะ :)

สวัสดีค่ะคุณเพชรน้ำหนึ่ง,

เห็นภาพตอนแรก...คิดว่าเป็นสับปะรดพันธุ์ใหม่ชื่อ "มะพร้าว" เพราะคุณยายถือมะพร้าวท่าทางทะมัดทะแมงเชียวค่ะ

มีความสุขในการทำงานเพื่อชุมชนนะคะ ชื่นชมค่ะ


สวัสดีเช้าวันเสาร์ค่ะคุณแสงแห่งความดี

วัตถุภายนอกก็ยากแล้วที่จะปล่อย ความยึดมั่นถือมั่นในใจ หากปล่อยได้ถือว่ายอดคนค่ะ

มีความสุขในวันพักผ่อนนะคะ

มาทิ้งรอยไว้ก่อน...ฝนตกหนัก ...หลังคารั่ว ท่อน้ำแตก งานเพียบ ...ต้องแปลงไทยเป็นอังกฤษ อังกฤษเป็นไทยให้ช่างก่อน ... เดี๋ยวกลับมาค่ะ

ขอบคุณมากนะคะที่แบ่งปันปรัชญาเกี่ยวกับวัวผอมที่ลึกซึ้ง...คาดคะเนเรื่องล่วงหน้าไม่ถูกเลยค่ะ ต่างจากละครโทรทัศน์ส่วนใหญ่ของไทย ที่บอกได้ไม่ผิดว่า ฉากต่อไปอะไรจะเกิดขึ้น บอกได้แม้กระทั่งคำพูดที่นางเอก พระเอก ตัวอิจฉา คนรับใช้จะพูดในสถานการณ์นั้นๆ

คงจะต้องพยายามหาคำตอบแล้วล่ะค่ะ ว่า วัวตัวผอมขี้โรคในชีวิตของตนเองคืออะไร จะปล่อยให้มันออกจากชีวิตตนได้อย่างไร

สวัสดีค่ะ

กำลังมองหาวัวแก่ในตัว..ค่ะ

มันเป็น "วิถี" นะครับ อาจารย์ ;)...

ป.ล. พบการสัมภาษณ์ประวัติการศึกษาของอาจารย์ ณ หนังสือเล่มหนึ่งครับ
รูปที่ใช้ก็รูปใน gotoknow นี้แหละครับ ;)...


ขอบคุณบันทึกที่ให้ความคิดดี ๆ จ้ะ

ชอบมากค่ะและคิดว่าตัวเองมี วัวผอม อยู่หลายตัวค่ะ

ขอบคุณมากนะคะ ได้คิดมากมายเลยค่ะ  :)

ท่านอาจารย์วิชญธรรมคะ

ของท่านอาจารย์นี่คงใกล้แล้วค่ะ อีกนิดนะคะ ไปวัดริมน้ำโขงบ่อยๆ คงปล่อยได้ค่ะ ;)

อันนี้ช่วยไม่ได้นะคะ เพราะของตัวเองหนักกว่าอาจารย์อีก ;)

สวัสดียามดึกค่ะพี่ดา

วัวตัวผอมบังเอิญไปอยู่ในอิสราเอล ถ้าอยู่ในอินเดียคงไม่ถูกกินค่ะ

ตามกฎของแรงดึงดูด เราใส่ใจสิ่งใดเราก็จะได้สิ่งนั้นนะคะ บังเอิญวัวตัวผอมไม่อาจให้ครอบครัวอเดอร์มากไปกว่าที่เป็นค่ะ

ราตรีสวัสดิ์นะคะพี่ดา

ขอบคุณคุณพี่ kunrapee ที่กรุณามาทักทายกันค่ะ

มีความสุขในคืนพักผ่อนนะคะ

สวัสดีค่ะคุณหมอตันติราพันธ์

นานๆ ครั้งหยุดดูวัวตัวผอมที่เกาะกุมหัวใจเราไว้ และรู้สึกถึงความเบาสบายเมื่อนึกถึงวัวที่เราปล่อยไป ก็ให้ความรู้สึกที่ดีไม่น้อยนะคะ

แค่รู้สึกก็สุขใจค่ะ

ขอบคุณมากนะคะ

สวัสดีค่ะคุณพี่ใหญ่

เป็นคำนำหน้าหนังสือที่กำลังอ่านค่ะ ชอบเพราะได้ข้อคิดดีมาก เลยนำมาเล่าต่อให้กัลยาณมิตรได้ฟังค่ะ

ขอบคุณมากค่ะ

สวัสดีค่ะพี่ครูตูม

ค่อยเป็นค่อยไปนะคะ ปริมเองก็ยังทำได้บ้างไม่ได้บ้าง แต่อย่างน้อยเราก็นึกรู้ นะคะ

ราตรีสวัสดิ์ค่ะ

สวัสดีค่ะคุณครูอิงจันทร์

มีความสุขในการนับวัวนะคะคืนนี้

ขอบคุณมากค่ะ

สวัสดีค่ะคุณหมอ ป.

เป็นหนังสือที่น่าสนใจอีกเล่มหนึ่งนะคะ ต้องหาเวลาไปแอบดูว่ามีในห้องสมุดหรือเปล่า

Average Path ของอเดอร์ ได้ผลดีทีเดียวนะคะถ้าดูจากเรื่องนี้

แต่จากภาพวาดของคุณหมอ ปริมพอมองทางเดินของตัวเองออกแล้วค่ะ

ขอบคุณมากค่ะ


ขอบคุณคุณ Bright Lily มากนะคะ ที่มาทักทายกันค่ะ

มีความสุขในค่ำคืนของการพักผ่อนนะคะ ;)

สวัสดีค่ะท่านอาจารย์ไอดิน กลิ่นไม้

ปริมก็อ่านเรื่องราวด้วยความตื่นเต้นค่ะ ตัวละครเป็นบุคคลในประวัติศาสตร์ด้วยค่ะ คาดว่าน่าจะเป็นเรื่องที่เล่าสืบกันมาในอิสราเอล เป็นคำนำในหนังสือด้านการเงินการลงทุนที่กำลังอ่านอยู่ขณะนี้ค่ะ ตลอดเล่มมีเรื่องราวที่เกี่ยวเนื่องให้คิดถึงวัวตัวนี้อยู่บ่อยๆ ในการตัดสินใจในด้านการเงิน แต่เห็นว่าเป็นเรื่องราวที่นำมาใช้ได้สำหรับชีวิตประจำวันด้วยค่ะ เลยนำมาเล่าสู่กันฟัง

มีความสุขในการระลึกถึงวัวตัวนั้นนะคะ

ขอบคุณมากค่ะ

สวัสดีค่ะครูมุก

ขอให้เจอวัวที่มองหานะคะ

สุขสันต์ค่ำคืนวันหยุดค่ะ

สวัสดีค่ะท่านอาจารย์วัส

เราต่างมี 'วิถี' ของตัวเองนะคะ

หนังสือเล่มที่อาจารย์กล่าวถึง เป็นการแบ่งปันประสบการณ์การเรียนปริญญาเอกที่สิงคโปร์แบบคร่าวๆ ค่ะ พอดีคนรู้จักกันขอให้ช่วยค่ะ เป็นการให้กำลังใจคนที่เลือกเส้นทางการทำวิทยานิพนธ์ ถือเป็นวิทยาทานค่ะ

พอดีเขาขอรูปมาตอนเดินทาง เลยบอกเขาเอารูปในโกทูโนว์ไปใช้ค่ะ อิอิอิ

ขอบคุณค่ะ


ขอบคุณภาพสวยงามยามค่ำของคุณครูมะเดื่อค่ะ สวยๆๆๆ

สวัสดีค่ะคุณหยั่งราก ฝากใบ

ของปริมก็เลี้ยงไว้หลายตัวค่ะ ไม่รู้เมื่อไหร่จะปล่อยไปได้หมด ยิ่งตัวเองไม่กินเนื้อด้วยค่ะ อิอิอิ

ราตรีสวัสดิ์นะคะ

ว๊าว....ครูนกมีวัวตัวผอมหลายตัวมากเลยค่ะ  สงสารวัว....หรือสงสารตัวเองดีค่ะเนี่ย

มีบ้างค่ะ  บางทีขี้เกียจคิดงานใหม่ ๆ  เพราะติดว่าที่ทำอยู่ก็สบายแล้ว

ขอบคุณคุณปริมมากค่ะ

           มาชื่นชมให้กำลังใจค่ะ  น่าพิมพ์เป็นเล่มค่ะ

สวัสดีค่ะ อาารย์ปริม

อ่านจบแล้ว น้ำตาซึมเล็ก ไม่รู้เพราะอะไร 
อาจจะเป็นเพราะตัวเอง ไม่มีวัวผอม ไม่มีเป้าหมายชีวิต ที่ชัดเจน แค่ทำวันๆให้ดีเท่าที่จะทำได้ 

การยึดติดเป็นทุกข์จริงๆค่ะ 

คุณปริมเขียนบันทึกที่น่าเรียนรู้และครุ่นคิดมาก...และได้เข้าไปอ่านของพี่วินทร์...http://www.winbookclub.com/article.php?articleid=444#444...ก็ทำให้เห็นวัวตัวผอมในกระถางมากมายในตนเองครับ

สวัสดีค่ะคุณปริม

ยิ้มมยาวเลยค่ะ มีวัวผอมเป็นคอกเลยนิ :)

โชคดี มีงานลงแขกอยู่เรื่อยๆ ค่อยๆทยอยปล่อยออกจากใจค่ะ

ช้าหน่อย ย่อมดีกว่ารั้งไว้... ไม่เป็นไท..ซะที เนาะ

ขอบคุณเรื่องเล่าเร้าพลังอย่างยิ่งเลยค่ะ สาธุ

พี่ปริม พึ่งว่างจากงานและมาอ่านครับ และลึกซึ้งมากมายมายนัก อ่านแวบแรกถามว่าทำไมจึงฆ่าวัวผอมและกิน และทำไมบาอัล เชม ทอฟ ถึงกินจนหมด แต่ท้ายมาดูก็รู้ถึงความหมาย...ความกล้าที่จะไป กล้าที่จะเปลี่ยน สำหรับผม ว่วผอมของผมก็กำลังคิดอยู่ครับ ขอบคุณมากครับพี่ปริมบันทึกนี้ 

กำลังคิดว่า ถ้าเป็นเราอย่างไรก็ไม่ทำแบบนี้ค่ะน้องปริม วัวผอมในsenseของเราเป็นเหมือนหนึ่งสมาชิกในครอบครัว ให้เอามันไปแลกอะไรก็ไม่ยอม

ขอแลกเปลี่ยนความเห็นต่างแง่มุมหนึ่งนะคะ

สวัสดีค่ะคุณปริม

พักนี้หายไปจาก gotoknow มากกกกกก ค่ะ  ด้วยที่มีวัวผอมที่ต้องรีบปล่อยหลายตัวค่ะ ฮ่า ๆ

ก่อนหน้านั้นมีบางสิ่งที่ยังปล่อยวัวไม่ได้ค่ะ  TT     TT

แต่พอได้อ่านบันทึกนี้ของคุณปริม  ทำให้รู้สึกมีความสุขสงบ อยู่ลึก ๆ อย่างบอกไม่ถูก

เลยอยากบอกความรู้สึก "ขอบคุณ" ที่มอบสิ่งดี ๆ ให้ได้ "ปล่อยและวาง" ใจเราแบบบาง ๆ

คุณปริมสบายดีนะคะ

(@^____________^@)



สวัสดีค่ะครูนก,

เราทุกคนมีสิ่งที่เรายึดติดทั้งนั้นนะคะ ถ้าจะว่าไปยิ่งมีน้อยเท่าไหร่ก็คงยิ่งดีเท่านั้น แต่ในความเป็นจริงเราต่างขวนขวายให้ได้มาซึ่งสิ่งต่างๆ ให้มีมากขึ่น...คงเพราะนั่นคือชีวิตจริงนะคะ

มีความสุขแม้ในวันที่ยังมีวัวอยู่ค่ะ ;)

สวัสดีค่ะคุณหมอธิรัมภา

มีบ้างนะคะที่บางครั้งก็อยากหยุดชื่นชมสิ่งที่มี มีความสุขกับมันบ้างค่ะ เป็นความอยู่ตัวที่เคยชิน

มีความสุขกับวันที่รู้ว่ายังมีวัวอยู่ค่ะ

สวัสดีค่ะครูทิพย์

ขอบคุณสำหรับกำลังใจค่ะ ถ้ามีโอกาสและมีประโยชน์คงได้ทำค่ะ

สุขสันต์ค่ำคืนวันหยุดนะคะ

สวัสดีค่ะป้าแดง

ป้าแดงเป็นคนแรกที่บอกว่าอ่านแล้วน้ำตาไหล... คงเป็นความปิตินะคะที่หยั่งรู้ว่าความยิดติดเป็นทุกข์

ระลึกถึงนะคะ

สวัสดีค่ะคุณหมอทิมดาบ

ไม่ได้เข้าไปอ่านงานของคุณวินทร์ นานมากแล้วค่ะ

ขอบคุณที่ช่วยเตือนนะคะ 

สุขสันต์คืนวันอาทิตย์ค่ะ

สวัสดีค่ะคุณตะวันดิน

เอาเรื่องราวมาฝากไว้แล้วหายไปเกือบสัปดาห์ค่ะ

เดี๋ยวค่อยมาคุยอีกทีค่ะ

คืนนี้พักผ่อนให้มีความสุขนะคะ

สวัสดีค่ะคุณลูกหมูเต้นระบำ

เป็นเรื่องที่พี่อ่านเจอในหนังสือก็เลยนำมาแบ่งปันกันค่ะ 

ขอให้คุณลูกหมูพบวัวตัวผอมและปลดปล่อยมันไปเร็วๆ นะคะ

สุขสันต์คืนวันอาทิตย์ค่ะ

สวัสดีค่ะพี่หมอเล็ก

ความคิดเห็นไม่มีผิดถูกนะคะ ขอบคุณมุมมองที่ต่างไปค่ะ ถ้าเป็นวัวจริงๆ ปริมคงไม่กล้าฆ่าเช่นกันค่ะ อิอิอิ

สุข สงบ ในค่ำคืนวันพักผ่อนนะคะ

สวัสดีค่ะคุณ Wahoo BlueSky

ขอบคุณค่ะที่มาทักทายกันเช่นเคย

ปริมเองก็ไปๆ มาๆ หายๆ โผล่ๆ เช่นกันค่ะพักหลังนี้ 

ก็คงเพราะมีวัวให้เลี้ยงอยู่หลายคอกเช่นกัน มีงานหลายๆ อย่างเข้ามา รู้สึกว่าจับปลาหลายมือเหลือเกิน ;)

ดีใจที่เรื่องราวที่อ่านทำให้กัลยาณมิตรรู้สึกสงบค่ะ 

ค่อยเป็นค่อยไป ค่อยให้กำลังใจกันนะคะ ;)

ราตรีสวัสดิ์ค่ะ


ขอขอบคุณกัลยาณมิตรทุกท่านที่มาร่วมแบ่งปัน ความคิดเห็น และเล่าเรื่องราวของวัวตัวผอมของแต่ละท่านนะคะ

ในวันที่ยังไม่สมบูรณ์แบบ ในวันที่ยังต้องเผชิญกับวัวหลายๆ ตัวที่มี พยายามมีความสุขในทุกๆ วันค่ะ

ราตรีสวัสดิ์นะคะ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท