นำมาจากสกู๊ปหนังสือพิมพ์แนวหน้า ”http://www.naewna.com/scoop/48833
ต้องจารึกไว้ในประวัติศาสตร์ชาติไทย สำหรับชื่อของ “ดร.วีรชัย พลาศรัย” เอกอัครราชทูตไทยประจำกรุงเฮก ประเทศเนเธอร์แลนด์ ในฐานะหัวหน้าคณะฝ่ายไทย ที่นำทีมทนายมือหนึ่ง เข้าชี้แจงต่อศาลโลก ณ กรุงเฮก ในคดีปราสาทพระวิหารตามที่ฝ่ายกัมพูชายื่นคำร้อง
งานนี้ ทูตวีรชัย และทีมงาน ได้รับเสียงชื่นชมอย่างล้นหลาม ถึงความชาญฉลาดในการวางแผน และแก้ต่างข้อกล่าวหาฝ่ายกัมพูชา
ในวันนี้ “สกู๊ปแนวหน้า” จึงขอนำประวัติชีวิต และเส้นทางการต่อสู้เกี่ยวกับเรื่อง ดินแดนปราสาทพระวิหารของ ทูตวีรชัย มาให้ทุกท่านได้ทราบกัน
ข้าราชการ “ครุฑทองคำ”
ดร.วีรชัย พลาศรัย เกิดเมื่อวันที่ 9 มิ.ย. 2503 จบการศึกษาระดับปริญญาตรี และปริญญาโท มหาวิทยาลัยปารีส (นองแตร์) ปริญญาเอกจากซอร์บอนน์ ฝรั่งเศส เข้ารับราชการที่กระทรวงการต่างประเทศในตำแหน่งเลขานุการตรี กองแอฟริกา และกลุ่มอาหรับ ต่อมาดำรงตำแหน่ง อธิบดีกรมการเศรษฐกิจระหว่างประเทศ ,อธิบดีกรมสนธิสัญญาและกฎหมาย ปัจจุบันได้รับโปรดเกล้าให้ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูต ณ กรุงเฮก ประเทศเนเธอร์แลนด์
นอกจากนี้เขายังเคย ได้รับรางวัล “ครุฑทองคำ” ประจำปี 2553-2554 ซึ่งเป็นรางวัล สำหรับข้าราชการพลเรือน ที่มอบให้เพื่อเป็นการประกาศเกียรติคุณกับข้าราชการที่ปฏิบัติงานด้วยความรู้ความสามารถ ซื่อสัตย์สุจริต และมีคุณธรรม
ค้านแผนที่เขตแดนกัมพูชา
สำหรับเส้นทางการต่อสู้เรื่องดินแดนเขาพระวิหาร ระหว่างไทยกับกัมพูชา ในปี 2551 ชื่อของ ดร.วีรชัย เริ่มเป็นที่รู้จักอย่างแพร่หลาย ในฐานะ อธิบดีกรมสนธิสัญญาระหว่างประเทศ
โดยเมื่อวันที่ 10 เม.ย. 2551 ดร.วีรชัย ได้เชิญนายโลรองต์ บิลี เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐฝรั่งเศสประจำประเทศไทย และนายอึง เซียน เอกอัครราชทูตราชอาณาจักรกัมพูชาประจำประเทศไทย มาพบเพื่อแจ้ง ท่าทีของไทยเกี่ยวกับแผนที่โบราณคดีจังหวัดอุดรเมียนเจย และแผนที่โบราณคดีจังหวัดพระวิหาร โดยอาศัยข้อมูลจากกรมภูมิศาสตร์กัมพูชา ซึ่งไทยเห็นว่าแผนที่ทั้งสองฉบับแสดงข้อมูลเกี่ยวกับเส้นเขตแดนคลาดเคลื่อน
ครั้งนั้น ดร.วีรชัย ได้ขอให้กัมพูชาถอนกำลังทหาร และตำรวจของกัมพูชาออกไป จากดินแดนปราสาทพระวิหาร ซึ่งพื้นที่ดังกล่าวเป็นพื้นที่ที่ไทย กับกัมพูชา อ้างสิทธิทับซ้อนกันอยู่
เด้ง"วีรชัย"เซ่นคดี “ซีทีเอ็กซ์”
วันที่ 6 พ.ค.2551ครม.สมัคร สุนทรเวช มีมติ โยกย้าย ดร.วีรชัย จากอธิบดีกรมสนธิสัญญาและกฎหมาย ไปเป็น เอกอัครราชทูตประจำกระทรวง การโยกย้ายดังกล่าวได้รับการวิพากษ์วิจารณ์อย่างมากในหมู่ข้าราชการกระทรวงการต่างประเทศ เพราะ ดร.วีรชัย เป็นผู้ที่ได้รับการยอมรับว่าเชี่ยวชาญงานกฎหมายระหว่างประเทศมากที่สุดคนหนึ่ง และมีหลายฝ่ายวิเคราะห์ว่า สาเหตุที่แท้จริงของคำสั่งโยกย้ายครั้งนี้คือ ฝ่ายการเมืองมีการประสานด้วยวาจา เพื่อขอเอกสารคดีทุจริตการจัดซื้อเครื่องตรวจวัตถุระเบิดซีทีเอ็กซ์ 9000 ที่กรมสนธิสัญญาและกฎหมาย ช่วยแปลให้ คณะกรรมการตรวจสอบการกระทำ ที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ (คตส.) ซึ่งนายวีรชัย ไม่ส่งมอบให้ เพราะเห็นว่าต้องมีเอกสารแจ้งขอเป็นลายลักษณ์อักษร จึงสร้างความไม่พอใจให้กับฝ่ายการเมือง จนนำมาสู่การโยกย้ายดังกล่าว
ขณะที่ นายวีระศักดิ์ ฟูตระกูล ปลัดกระทรวงการต่างประเทศ ในขณะนั้น ได้เขียนจดหมายเปิดผนึกด้วยลาย เมื่อวันที่ 7 พ.ค.2551 ระบุตอนหนึ่งว่า
"...มีความภูมิใจที่ราชอาณาจักรไทยมีนักการทูตที่เก่งกาจ ท่านอธิบดีวีรชัย ซึ่งทำหน้าที่อย่างดีเลิศในการปกป้องผืนแผ่นดินไทยและผลประโยชน์ของชาติ...ขอให้ข้าราชการทุกท่านของกรมสนธิสัญญาฯยึดถือท่านอธิบดีวีรชัยเป็นบุคคลตัวอย่าง ที่ได้ปฏิบัติหน้าที่รับใช้ชาติอย่างสุดความสามารถ และรักษาเกียรติยศของชาติ ของกระทรวงการต่างประเทศ และของตนอย่างสมศักดิ์ศรี ของข้าราชการของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว"
ปกป้องประโยชน์ชาติโดนเด้ง!
ยังมีต่ออ่านได้ที่นี่
ขอบคุณ โกทูโน ทั้งผู้ทำ และผู้ให้การสนับสนุนในการทำ จนเรามีสื่อดีให้เราได้ใช้กัน กรณีนี้ ทำให้ผมคิดไปว่าปัจจุบันน่าจะเป็นไปได้ว่าหนังสือพิมพ์รายวัน เราเริ่มห่างกัน เข้ามาอ่าน สื่อออนไลน์ ซึ่งบางทีก็มามีมากจนไม่รู้ว่าจะไปเปิดดูเรื่องอะไรดี ผมเองก็เช่นกัน แต่ที่ได้มาส่วนใหญ่ก็ได้จากแชร์ในเฟซบุ๊คที่แชร์กัน เรื่องใหญ่ ๆ ที่เห็นว่าเข้าท่า จึงเลือกนำมาฝากกัน การที่ให้ความสนใจคลิ๊กกันเข่ามาอ่านเกือบสามร้อยคน ในเวลาเกือบ ๆ 2 วัน ทำให้คิดว่าจะเปิดบันทึกเล่มใหม่ ให้ชื่อว่า "คัดข่าวมาฝาก" หากไปอ่านไปพบเข้าก็จะนำมาฝากอีก ก็ติดตามอ่านนะครับ
ขออนุญาตร่วมด้วย "คัดข่าวมาฝาก"
http://manager.co.th/Politics/ViewNews.aspx?NewsID=9560000047638
http://www.doohoon.com/smf/index.php?topic=78270.msg880028#msg880028
ขอบพระคุณมากครับ ที่ช่วยกรุณานำมาฝาก ครับท่่านใดไปพบข่าวเด็ดอะไรก็เชิญชวนนำมาฝากกันนะครับ ขอบคุณมากครับ
อย่าพลาดคลิ๊กอ่านที่นำมาฝากไว้ข้างบนนี้นะครับ
หรือจะคลิ๊กตรงนี้ก็ได้นะครับ http://manager.co.th/Politics/ViewNews.aspx?NewsID=9560000047638
ขออนุญาตร่วมด้วย "คัดข่าวมาฝาก" ขอบคุณนะครับ
ดังนั้นฝ่ายกฏหมายไทยตอนนี้ ทั้งทีมเป็นผู้ที่พรรคปชป.แต่งตั้งไว้ก่อนหน้านี้ และรัฐบาลนี้ก็ไม่เปลี่ยนแปลงอะไรในคณะนี้เลย แต่เมื่อไม่กี่วันก่อน รัฐบาลมากล่าวว่า หากแพ้คดี ทางปชป.ต้องรับผิดชอบ เพราะคนทั้งหมด ถูกแต่งตั้งจากปชป.เอง
http://pantip.com/topic/30391912
http://manager.co.th/Politics/ViewNews.aspx?NewsID=9560000047638
http://www.doohoon.com/smf/index.php?topic=78270.msg880028#msg880028
ขออนุญาตร่วมด้วย "คัดข่าวมาฝาก" และ "คัดข่าวรูปมาฝาก" ขอบคุณนะครับ
http://pantip.com/topic/30391912 คห11
ขออนุญาตร่วมด้วย "คัดข่าวมาฝาก" ขอบคุณนะครับ
http://www.oknation.net/blog/Mynews/2013/04/21/entry-1
ทีมทนายความฝ่ายไทย นัดประชุม
ย้ำยุทธศาสตร์ กต.- กรมแผนที่ทหาร หน่วยงานความมั่นคง ร่วมกับทนายต่างชาติ ภายในสัปดาห์หน้า
พร้อมยื่นแผนที่พิกัดปริมณฑลปราสาทพร้อมยื่นศาลโลก 26 เม.ย.นี้
ขอบคุณมากครับ จะได้ช่วยกันอ่านช่วยกันเข้าใจ ช่วยกันเชียร์เพื่อรักษาแผ่นดินไทยเอาไว้ หากจะหลุดไป สงครามก็ต้องทำ ไม่ปล่อยให้ลูกหลานต้องช้ำใจ เหมือนตอนที่เขาพระวิหารต้องหลุดไปอยู่ในมือเขมร
ขอบคุณมากครับ ท่านอาจารย์ชัด บุญญา
ขออนุญาตร่วมด้วย "คัดข่าวมาฝาก" ต่อไปครับ
http://thaiinsider.info/news2012b/the-news/general/22588-2013-04-21-01-38-19
http://www.doohoon.com/smf/index.php?topic=78270.msg880050#msg880050
ขออนุญาตร่วมด้วย "คัดข่าวมาฝาก" ขอบคุณนะครับ
http://pantip.com/topic/30389825
ดูกันชัด... ชัด
การแถลงด้วยวาจาต่อศาลโลก ที่เพิ่งเสร็จสิ้น คืนวานนี้ คงจำกันได้ว่า ทนายเขมรได้อ้าง "แถลงการณ์ร่วม หรือ Joint Communique ที่นายนพดล ลงนามกับ นายซก อัน รองนายกเขมร โดยมี จนท.ระดับสูงของยูเนสโก ลงนามเป็นพยานเมื่อวันที่ 18 มิถุนายน 2551 อันเป็นผลมาจากการประชุมหารือ เมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม 2551 ....ว่า "ไทยไม่คัดค้าน " จนได้รับความเห็นชอบจาก ที่ประชุมคณะกรรมการมรดกโลก ที่กรุงปารีส เมื่อวันที่ 8 กรกฎาคม 2551 ให้ขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหารฝ่ายเดียวได้
ทั้งๆ ที่ ต้นปี 2551 สภากลาโหม มีมติคัดค้านการขึ้น ทะเบียนฝ่ายเดียว เพราะทำให้ไทยเสียดินแดน แต่รัฐบาล ในขณะนั้นก็ไม่ฟัง ในขณะที่กลุ่มสมาชิกวุฒิสภา 77 คน ยื่นเรื่องให้ ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย ซึ่งในวันที่ 8 ก.ค.2551 วันเดียวกับ ที่คณะกรรมการมรดกโลก ให้ขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหาร คณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ลงมติด้วยคะแนนเสียง 8 ต่อ 1 ว่า แถลงการณ์ร่วมไทย-กัมพูชาลงวันที่ 18 มิถุนายน 2551 เป็นหนังสือสัญญา ตามรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2550 มาตรา 190 วรรคสอง ต้องได้รับความเห็นชอบ จากรัฐสภา แถลงการณ์นี้จึงขัดต่อรัฐธรรมนูญ เป็นโมฆะ และต่อมานายนพ ต้องลาออกจากตำแหน่ง
http://www.facebook.com/siriwanna.jill
ขอบคุณที่นำมาแบ่งปันค่ะ เพราะความจำกัดของเวลา บางครั้งเราก็ไม่สามารถหาอ่านได้ทุกเรื่อง
ยอดเยี่ยมเลยค่ะคนนี้ ท่านคือแม่แบบข้าราชการ