ผมจำได้ว่าฟังถ่ายทอดวิดยุ ทอทัด รัฐสภามาแต่เด็กๆ จนแก่ปานนี้ เครียดจะเป็นจะตายทุกที โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่ต้องฟังไอ้พวก “ประท้วง” รับจ้าง มันสำรากวจี
เป็นไอ้พวกรับจ้างประท้วงหน้าเดิมๆ (ส่วนใหญ่หน้าตา กิริยา โหงวเฮ้ง เหมือนสามล้อทั้งนั้นไอ้พวกนี้...ขออภัยพวกสามล้อ ที่พาดพิง ...อย่ามาประท้วงผมให้เสียเวลาเลยนะ ทั้งสามล้อ และ ลูกหลานสามล้อทั้งหลาย)
ผมคะเนว่า เวลาที่ใช้ในการประท้วง มันมากกว่าเวลาอภิปรายประมาณ ๒ ต่อ ๑ ถ้าจะมีใครจับเวลาทำวิจัยก็คงดี ถ้าเป็นเมืองนอกทำแบบนี้ นักข่าวอิสระมันทำวิจัยกันไปแล้วหละ แต่ปัญญานักข่าวไทย มันไม่มีใครอยากดังพอที่จะทำวิจัยแบบนี้หรอก (น่าสรรเสริญนะ ...ที่ไม่อยากดัง สมถกันจริง นักข่าวไทย)
ผมอยากเสนอให้ออกระเบียบรัฐสภาว่า ขณะที่มีผู้อภิปราย ห้ามประท้วงโดยเด็ดขาด
เพราะผู้พุดอภิปรายย่อมต้องรับผิดชอบต่อคำพูดของตนเองอยู่แล้ว โดยมีกฎหมายรองรับด้วย มันจะพูดหยาบ โกหก พาดพิง เสียดสี ใส่ร้าย หยาบคาย ให้มันพูดไปเลย ...จะได้ไม่ต้องมาเสียเวลาฟังไอ้พวกลิ่วล้อรับจ้างมาประท้วงกันอยู่นั่นแหละ
เหมือนกำลังดูละครน้ำเน่า พระเอกกำลังจะได้เสียกะนางเอก กำลังถอดสายเสื้อยกทรง แต่เจือกตัดเอาโฆษณาขายผ้าซับระดูมาขั้นซะงั้น ต่อด้วยโฆษณายาสีฟัน ยาสระผม ดับกลิ่นขี้เต่า โอ๊ย พอกลับมาตอนต่อ ก็หมดอารมณ์แล้ว
แต่ใช่ว่าจะโกหก ใส่ร้าย ดูหมิ่นคนอื่นได้ฟรี ๆ นะ แต่ให้มีตุลาการ “ศาลรัฐสภา” สัก ๕ คน เข้ามาฟังการอภิปรายด้วย พออภิปรายจบ ถ้ามีการผิดกฎหมาย ให้โจทก์ ยื่นฟ้องต่อคณะตุลาการกลางสภาได้เลย แล้วคณะตุลาการศาลรัฐสภาเอาไปพิจารณาคดี ตัดสินแล้วเสร็จภายในสามสิบวัน หากผิดจริง ให้สส. สว. ท่านนั้นรับโทษ หลายระดับ เช่น งดเว้นการอภิปรายเป็นเวลา .... จนถึงเพิกถอนสิทธิการรับเลือกตั้ง
ทำแบบนี้ผมว่าจะทำให้การเมืองไทย การอภิปรายในรัฐสภาเป็นผู้ดี ราบรื่น ไม่น่าขยะแขยงหู จากการประท้วงของทั้งสองฝ่าย แบะไม่เป็นที่น่าสะอิดสะเอียนต่อประชาชนที่รับชม จนต่างพากันเบื่อการเมืองไทยไปเสียหมด
...คนถางทาง (๔ เมษายน ๒๕๕๖)
ประท้วง ในสภาคืออาชีพ
ประท้วงแต่ละทีมีโบนัส
เห็นด้วยอย่างยิ่ง น่าเบื่อม๊ากกกกกกกกกกกก
สภาโจ๊ก...(ตลก)